เชฟโรเลตแนะเคล็ดลับการลากจูงเพื่อธุรกิจและการเดินทางท่องเที่ยวพร้อมแชร์ประสบการณ์จริงจากลูกค้า

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 12 ต.ค. 61
  • 4,553 อ่าน

รถกระบะและรถอเนกประสงค์เชฟโรเลตมีพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวางและมีเครื่องยนต์ที่ทรงพลังสามารถบรรทุกสัมภาระหนักได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การมีรถพ่วงอีกคันจะทำให้คุณสามารถแบ่งเบาการบรรทุกสัมภาระบนรถยนต์ได้ รถกระบะเชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นสูง และรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์ที่ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมาะสม จะสามารถใช้ลากจูงเทรลเลอร์ ทั้งเพื่อการประกอบธุรกิจและการท่องเที่ยวพักผ่อนของคุณได้อย่างมั่นใจ

Chevrolet

การลากจูงมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการถ่ายเทน้ำหนักมากกว่าการบรรทุกสัมภาระจำนวนมากจนสูงและหนักเกินไปบนตัวรถ อย่างที่เราพบเห็นเป็นประจำในประเทศไทย การบรรทุกสัมภาระอย่างไม่เหมาะสมไม่เพียงแต่อันตรายเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อการควบคุมรถยนต์ สิ้นเปลืองอัตราน้ำมันเนื่องจากมีการต้านทานลมที่เพิ่มขึ้น และน้ำหนักที่มากเกินไปของสัมภาระจะกดทับช่วงล่างของรถยนต์ การลากจูงจึงเป็นทางออกที่ดีในการแก้ปัญหาเหล่านี้

การลากจูงในประเทศไทยที่เราพบเห็นบ่อยครั้ง มักจะเป็นการลากจูงอุปกรณ์การกีฬาอย่างเจ็ทสกีและรถจักรยานยนต์ อย่างไรก็ตาม ผู้ประการทางธุรกิจขนาดเล็กเริ่มหันมาใช้การลากจูงมากขึ้นเพื่อขยายธุรกิจของตน

เจ้าของธุรกิจรายหนึ่งที่นำการพ่วงลากจูงมาเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบธุรกิจคือ คลาสคาเฟ่ (Class Café) ซึ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มแบบสตาร์ทอัพ ที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการจัดการและบริหาร โดยคลาสคาเฟ่จะนำเอาระบบการจดจำใบหน้าลูกค้ามาใช้ที่ร้านเร็วๆ นี้ คลาสคาเฟ่ได้จับมือกับเชฟโรเลต เข้าร่วมโปรแกรมเชฟวี่ พลัส ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเชฟโรเลต คลาสคาเฟ่มีทั้งหมด 16 สาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย และ 1 สาขาที่กรุงเทพฯ คลาสคาเฟ่มีเทรลเลอร์แบบฟู้ดทรัค (food truck) ซึ่งพ่วงลากจูงโดยรถกระบะเชฟโรเลตโคโลราโด รุ่นแอลทีแซด โดยรถฟู้ดทรัคดังกล่าวให้บริการนอกสถานที่ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ อย่างการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี (Grand Prix motorcycle racing – MotoGP) ที่จัดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ หรือการวิ่งมาราธอนการกุศล ซึ่งภายในงานดังกล่าว คลาสคาเฟ่แจกกาแฟให้แก่นักวิ่งมาราธอนมากถึง 10,000 แก้ว

นายมารุต ชุ่มขุนทด ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารบริษัทคลาสคอฟฟี่ จำกัด กล่าวว่า การทำโมบายล์คาเฟ่ซึ่งพ่วงลากจูงโดยรถกระบะโคโลราโด เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบหนึ่งที่ช่วยให้แบรนด์เติบโตขึ้น เพราะทั้งเขาและทีมงานสามารถเดินทางไปสำรวจและทดลองทำธุรกิจร้านกาแฟโดยขายผ่านโมบายล์คาเฟ่ในสถานที่ต่างๆ ทั้งนี้เพื่อประเมินโอกาสและศักยภาพในตลาดนั้นในการเปิดคลาสคาเฟ่สาขาใหม่ๆ ในอนาคตโดยเฉพาะในบริเวณที่ห่างไกลหรือบริเวณเนินเขาของภาคอีสาน

“เราต้องการรถกระบะที่มีพละกำลัง มีความทนทาน และมาพร้อมเทคโนโลยี สำหรับการพ่วงลากจูงโมบายล์คาเฟ่ของเราไปยังที่ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยและไร้กังวล ด้วยเหตุนี้เราจึงเลือกใช้รถกระบะโคโลราโด นอกจากนี้ รูปลักษณ์ที่เป็นอเมริกันของรถกระบะโคโลราโดยังดูดีและเข้ากับธุรกิจเบอร์เกอร์และกาแฟของเรา ทำให้ดึงดูดสายตาผู้ที่พบเห็น พวกเขามักจะถ่ายรูปและแชร์บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น” นายมารุต กล่าว

สำหรับลูกค้ารถกระบะโคโลราโดรายอื่น การลากจูงเป็นสิ่งจำเป็นต่อไลฟ์สไตล์ของพวกเขา อย่างนายณกร กมลศิริ อดีตนักกีฬาขี่ม้ากระโดดทีมชาติไทย ผู้ที่ใช้รถกระบะโคโลราโด แอลทีแซด ในการลากจูงเทรลเลอร์สำหรับขนย้ายม้า 2 ตัว จากจังหวัดกรุงเทพฯ ไปยังสนามแข่งที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือเมืองกัวลาลัมเปอร์ นายณกรคร่ำหวอดในวงการขี่ม้าร่วม 30 ปี และรถกระบะโคโลราโดคันนี้เป็นคันที่สองของเขาในระยะเวลา 10 ปี

“ผมไว้ใจรถกระบะโคโลราโดในการลากจูงเทรลเลอร์สำหรับขนย้ายม้าของผม และสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะโคโลราโดมีเครื่องยนต์ พละกำลัง และการควบคุมรถที่ไว้วางใจได้ ” นายณกร กล่าว

Chevrolet

นายแฮรี่ สแปรงเกอร์ เจ้าของ UPBEAT ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่นำเทรลเลอร์สำหรับใช้กับรถยนต์โดยสารเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และเป็นบริษัทผู้ผลิตเทรลเลอร์อันดับหนึ่งในประเทศไทย รวมถึงเป็นผู้ผลิตชุดลาก MasterHook Tow Hitch และชุดลากหัวบอล (Ball Mount) ให้ความเห็นว่า การลากจูงถือเป็นเรื่องที่ใหม่ในประเทศไทย เพราะคนไทยยังไม่คุ้นเคยหรือมีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับกฎหมายการลากจูง

“ไม่ว่าคุณอยากจะลากจูงเรือเพื่อใช้ในการท่องเที่ยวพักผ่อน หรือลากจูงสินค้าของคุณไปยังตลาด การใช้เทรลเลอร์จะทำให้การลากจูงของคุณง่ายขึ้น แต่น่าเสียดายที่หลายคนในประเทศไทยไม่นิยมใช้การลากจูงเพียงเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าสามารถทำได้ ผมคิดว่าเราควรเปลี่ยนความคิดนั้น” นายแฮรี่ กล่าว

จากพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกสำหรับประเทศไทย ผู้ขับขี่รถยนต์สามารถลากจูงได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตหากสัมภาระที่ลากจูงมีน้ำหนักน้อยกว่า 1,600 กิโลกรัม ซึ่งไม่รวมน้ำหนักของสัมภาระที่บรรทุกบนรถ แต่ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องมีใบอนุญาตหากลากจูงเทรลเลอร์ที่มีน้ำหนักมากกว่า 1,600 กิโลกรัม เจ้าของรถควรนำเอกสารที่มีข้อมูลของเทรลเลอร์ติดตัวไว้ตลอดเวลา เผื่อถูกเรียกเพื่อตรวจสอบ และเมื่อขึ้นทางด่วน เจ้าของรถอาจจะต้องจ่ายเงินมากกว่าปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ เทรลเลอร์ต้องมีทะเบียนรถแยกต่างหาก

เคล็ดลับสำหรับการลากจูง

การลากจูงเทรลเลอร์เพื่อการประกอบธุรกิจหรือการท่องเที่ยวพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความชำนาญ ใส่ใจในรายละเอียด มีทักษะการขับรถที่ดี และรู้จักการคำนวณน้ำหนักเพื่อการบรรทุกที่เหมาะสม เชฟโรเลตจึงขอแนะนำเคล็ดลับในการลากจูงที่ถูกต้องเหมาะสม ดังนี้

เลือกรถให้ถูกต้องเหมาะสม

เมื่อได้รับการติดตั้งด้วยตะขอลากจูงและชุดลากหัวบอลที่เหมาะสม รถกระบะโคโลราโดสามารถลากจูงเทรลเลอร์ที่มีระบบเบรกได้ถึง 3,500 กิโลกรัม และรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์สามารถลากจูงได้ถึง 3,000 กิโลกรัม รถกระบะโคโลราโด ไฮ คันทรี, โคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม, โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น, เทรลเบลเซอร์ แอลที, เทรลเบลเซอร์ แอลทีแซด และเทรลเบลเซอร์ ซี71 สามารถลากจูงได้เพราะเทคโนโลยีที่ช่วยในการลากจูง ดังนี้

  • ระบบลดอาการส่ายขณะลากจูงเทรลเลอร์ (Trailer Sway Control) จะทำงานเมื่อเทรลเลอร์มีอาการส่าย และช่วยเบรกรถและเทรลเลอร์ รวมถึงลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยในการทรงตัว
  • ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) จะป้องกันการไหลถอยหลังของรถ โดยจะหยุดรถไว้ประมาณหนึ่งวินาทีเมื่อต้องออกตัวบนทางลาดที่มีความชันมากกว่า 5 องศา
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) จะช่วยควบคุมความเร็วของรถในขณะลงทางลาดชันไม่ว่าจะอยู่ที่เกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Grade Braking) จะใช้ชุดเกียร์ในการควบคุมแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ (Engine Braking) ซึงจะช่วยลดแรงเสียดทานจากเบรกของล้อรถและเทรลเลอร์ในขณะที่ขับลงทางลาด

เลือกตะขอลากจูงให้เหมาะสม

การเลือกตะขอลากจูงและสายไฟเชื่อมต่อที่เหมาะสม มีผลต่อการควบคุมรถยนต์ การเข้าโค้ง และการเบรก รวมถึงทำให้คุณสามารถส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่คนอื่น เมื่อต้องเปลี่ยนช่องจราจรหรือเลี้ยวขณะลากจูงได้ ก่อนที่จะเลือกตะขอลากจูงหรือเทรลเลอร์ คุณควรจะเรียนรู้น้ำหนักที่รถของคุณสามารถบรรทุกหรือลากจูงได้ก่อน และปรึกษาผู้ที่มีความเชียวชาญในการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม

คำนวณให้ดี

อัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถ (Gross combined weight rating – GCWR) คือ น้ำหนักรวมสูงสุดที่ได้รับอนุญาตสำหรับรถและเทรลเลอร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมัน ผู้โดยสาร สัมภาระ อุปกรณ์ และชุดแต่ง ซึ่งน้ำหนักทั้งหมดไม่ควรเกินอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถคุณ อัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถสามารถดูได้จากคู่มือสำหรับรถยนต์ของคุณ

สำหรับการตรวจสอบว่าน้ำหนักของรถยนต์และเทรลเลอร์อยู่ในอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถหรือไม่ ให้ปฏิบัติดังนี้

  • เริ่มต้นจากน้ำหนักรถเปล่า (Curb weight)
  • บวกน้ำหนักของเทรลเลอร์ซึ่งบรรทุกสัมภาระและพร้อมสำหรับการเดินทาง
  • บวกน้ำหนักของผู้โดยสารทุกคนบนรถ
  • บวกน้ำหนักของสัมภาระทั้งหมด
  • บวกน้ำหนักของชุดลากจูง เช่น เหล็กต่อพ่วงรถ (Drawbar), ชุดลากหัวบอล (Ball mount), บาร์คู่สำหรับรับน้ำหนัก (Load equalizer bars) หรือ บาร์ค้ำลากจูง (Sway bar)

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ