10 สูตรระบบความปลอดภัย เมื่อต้องขับบนถนนเมืองไทย

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 4 ต.ค. 59
  • 105,782 อ่าน

หากคุณต้องการรถยนต์ที่แรง เพื่อการขับขี่ที่สนุกแล้วล่ะก็ สิ่งสำคัญที่ต้องตามมาคือ “ระบบช่วงล่างและการควบคุมรถที่ดี” รวมไปถึง “เทคโนโลยีความปลอดภัย” ที่ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ทุกครั้งเมื่อนั่งหลังพวงมาลัย

ทำไม? น่ะหรือ ก็เพราะว่าการขับรถบนท้องถนนในปัจจุบันนี้มีความยากมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยสภาพเส้นทาง ปัญหาการจราจร และวินัยขับขี่ของผู้ใช้รถใช้ถนน สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลา ดังนั้นการเลือกรถเพื่อใช้ในชีวิตสักคัน ต้องให้ตอบโจทย์ครอบคลุมการขับขี่ที่สนุก ระบบควบคุมรถที่ดีเยี่ยม รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จะช่วยเหลือคุณได้ทุกสถานการณ์

ในวันนี้ทาง Autodeft อาสาพามาพิสูจน์ กับ 10 สูตรระบบความปลอดภัยที่รถรุ่นใหม่ต้องมี ด้วยการทดสอบสมรรถนะของเจ้า NEW MG6 ตัวแทนรถรุ่นใหม่ของยุคนี้ ที่ชูเรื่องความปลอดภัยของผู้ขับขี่เป็นสำคัญกับระบบ Passive Safety และยังมีระบบช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน Active Safety ที่ MG Driving Experience Center

ช่วงล่างคือเรื่องสำคัญ
ก่อนอื่นเลย มาเริ่มกันที่ระบบช่วงล่าง เพราะความสนุกในการขับรถ ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องแรงเท่านั้น เพราะหากแรง แต่มีการควบคุมที่ไม่ดี ย่อมทำให้เกิดสภาวะความเครียด ดังนั้นระบบช่วงล่างจึงสำคัญมาก ว่าจะส่งการควบคุมตัวรถได้ดีแค่ไหน

จากการทดลองขับเจ้า MG6 แม้ว่าจะเป็นรถระดับ Compact ที่มีขนาดใหญ่ แต่ระบบบังคับเลี้ยวพวงมาลัยให้ความคล่องแคล่วสูง ตอบสนองว่องไว ร่วมกับระบบกันสะเทือนหลัง Z-Type Multi-Link ซึ่งสะท้อนสมรรถนะของ Brit Dynamic ออกมา ทำให้การเข้าโค้งมีอาการเกาะถนนที่หนึบแน่น ช่วงล่างไม่มีโยนย้วย พิสูจน์ให้เห็นเลยว่าสไตล์ช่วงล่างแบบรถยุโรปที่แน่นเฟิร์ม เกาะถนนอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร เพราะมันให้ความรู้สึกไม่แพ้การขับรถแข่งในสนามเลยทีเดียว

1. ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS)
มาเริ่มรู้จักระบบความปลอดภัยอย่างแรกกับ ABS เรียกได้ว่าเป็นระบบมาตรฐานที่รถสมัยใหม่ทุกคันต่างต้องมี เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จนทำให้ต้องเบรกอย่างกะทันหัน หากไม่มีระบบ ABS ล้อจะล็อค ส่งผลให้สูญเสียการควบคุมรถจนเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ

งั้นมาดูว่าทำไมระบบนี้ถึงสำคัญ ในการทดลองขับ MG6 เราได้กดคันเร่งจนมิดอย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงจุดเบรก ได้กระทืบเบรกลงทันที จนไฟฉุกเฉินติดขึ้น ซึ่งสัมผัสได้เลยว่าการทำงานของ ABS ได้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้ล้อล็อค เพราะรถยังอยู่ในแนวตรง หากในชีวิตจริงคุณขับรถบนท้องถนน แล้วจู่ๆ รถคันข้างหน้าเบรกกะทันหัน จนคุณต้องกระทืบเบรกโดยทันที ระบบ ABS จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณจะไม่พบอาการล้อล็อค จนทำให้ล้อไถลเสียศูนย์จนเกิดอุบัติเหตุ

2. ระบบเสริมแรงเบรก (EBA)   
ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติให้กับระบบ ABS ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเบรกฉุกเฉิน ผู้ขับขี่อาจมีอาการตกใจ ถึงแม้จะเหยียบแป้นเบรกได้ทัน แต่น้ำหนักของเท้าที่ลงแป้นเบรกไปนั้น อาจมีไม่มากพอที่จะหยุดรถได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นระบบ EBA จะเข้ามาช่วยจับแรงเบรก และสั่งการเพิ่มแรงเบรกไปที่ล้อ เมื่อทำงานร่วมกับ ABS แล้วจะช่วยให้ระยะเบรกสั้นลง ถ้ารถของคุณมี EBA เพิ่มขึ้นมาด้วยอย่างเจ้า MG6 ก็มั่นใจได้เลยว่าเมื่อเกิดการเบรกกระทันหัน ระบบจะทำงานอย่างอัจฉริยะ ช่วยชีวิตคุณให้มีความปลอดภัยมากขึ้น

3. ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
ในการเบรกแต่ละครั้ง หากไม่มีการกระจายน้ำหนักเบรกด้านหน้าและหลังที่เหมาะสม เราจะมักพบอาการหน้าทิ่ม ท้ายยก ซึ่ง EBD จะเข้ามาช่วยกระจายน้ำหนักให้บาลานซ์ ทำให้การควบคุมรถขณะเบรกทำได้ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการเบรกในโค้ง ซึ่งล้อด้านในโค้ง และด้านนอกจะถูกกระจายน้ำหนักไปไม่เท่ากัน ระบบ EBD จะเข้ามาช่วยทำให้การเบรกในโค้งนั้นมีสมดุล เข้าโค้งได้แม่นยำ

สำหรับการทดสอบในสนาม เราได้ออกตัวเร่ง MG6 จนถึงช่วงสุดทางตรงก่อนถึงทางโค้งเตรียม U-Turn ด้านซ้าย แล้วทำการเบรกอย่างหนักเพื่อชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้ง ซึ่งจะสังเกตได้ว่าการกระจายน้ำหนักด้วยระบบ EBD ยังทำได้ดี ให้ความสมดุลทั้งหน้าหลัง ทำให้ตัวรถไม่มีอาการหน้าทิ่มไปมากนัก รวมถึงในบางจังหวะที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินไป จนอาจต้องเบรกเพิ่มในโค้ง แต่ระบบ EBD ที่เข้ามา ช่วยกระจายแรงเบรกของล้อทั้งซ้ายขวา ทำให้เราสามารถเข้าโค้งได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด

4. ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS)
หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น มีคนเดินตัดหน้ารถ สัญชาตญาณแรกของมนุษย์ คือการหักพวงมาลัยหลบโดยทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการชน แต่ในจังหวะที่หักหลบนั้น ย่อมทำให้รถเกิดแรงเหวี่ยง จนตัวรถโคลง สูญเสียการควบคุม ก่อให้เกิดอันตรายจากการที่ท้ายรถปัด อาจรุนแรงมากจนทำให้รถพลิกคว่ำ ดังนั้น SCS ถือเป็นระบบความปลอดภัยที่สำคัญมาก หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน

ในการทดลองสนามแห่งนี้มี Station ที่เป็น Lane Changed ให้ผู้ทดสอบได้หักพวงมาลัยหลบ Pylon ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นสิ่งกีดขวาง โดยไม่ต้องแตะเบรก ซึ่งทาง Instructor ได้แนะนำให้เราเข้าที่ความเร็ว 60 กม./ชม. แต่เราเข้าไปที่ระดับราวๆ 70 กม./ชม. ก็สามารถเข้าได้โดยไม่ชน Pylon โดยหลังจากหักหลบซ้าย-ขวา รถเหวี่ยงในครั้งแรก แต่ในครั้งที่ 2 ที่เหวี่ยงกลับ รถก็กลับมาตั้งตรงได้ทันที เป็นผลจากระบบควบคุมการทรงตัวที่เข้ามาช่วยไม่ให้รถโคลง เพราะถ้าไม่มี SCS เข้ามาช่วย อาจต้องหักพวงมาลัยแก้อาการมากกว่านี้อย่างแน่นอน นอกจากนั้นหากเป็นรถที่มีแชสซีส์ (CHASSIS) ช่วงล่างที่ไม่ดีนั้น ก็มีสิทธิ์คว่ำได้เลย

5. ระบบป้องกันลื่นไถลเมื่อเกียร์ต่ำอย่างฉับพลัน (MSR)
ระบบนี้มีไว้สำหรับผู้ที่ชอบขับในสไตล์แบบ Manual ควบคุมเกียร์ด้วยตัวเอง เพราะในบางจังหวะที่ต้องลดเกียร์ลงอย่างฉับพลัน ขณะที่ขับมาด้วยความเร็วสูง กำลังเครื่องยนต์ที่ส่งจะเกิดแรงดึงหน่วงกะทันหัน อาจส่งผลให้ล้อเกิดการล็อคและลื่นไถลได้ในจังหวะนั้น จนทำให้ควบคุมรถได้ลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะเตรียมเข้าโค้ง ซึ่งระบบ MSR จะช่วยให้คุณลดเกียร์ลงและเข้าโค้งได้ด้วยความมั่นคง

ทีนี้มาลองดู MG6 เราได้ออกตัวเพื่อลองระบบนี้ด้วยการปรับ Shift เกียร์ผ่าน Paddle Shift เพื่อเพิ่มอารมณ์สปอร์ต  ในช่วงสุดทางตรงก่อนที่จะ U-Turn ซ้าย จากที่เราต้องเบรกหนักๆ นั้น ลองใช้การ Shift Down (ลดเกียร์ เพื่อชะลอความเร็วเข้าช่วย) ทำให้เราไม่ต้องเบรกเท้าหนัก แต่การ Shift เกียร์ลงอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นรถทั่วไปอาจสัมผัสได้ถึงจังหวะสะดุดของการเปลี่ยนเกียร์ลงอย่างรวดเร็ว และอาจถึงขั้นเกิดการล้อล็อคได้ ซึ่งส่งผลให้การคุมรถยากลำบาก รถไม่อยู่ในแนวตรงก่อนเข้าโค้ง ทำให้การเข้าโค้งไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่นับว่าใน MG6 ที่มีระบบ MSR พบว่าการลดเกียร์ลงอย่างรวดเร็วนั้น ยังทำได้อย่างราบรื่น ส่งผลให้การเข้าโค้งไม่เสียจังหวะ เช่นเดียวกับรถแข่งในสนาม

และในสถานการณ์จริง คุณอาจเจอกรณีนี้ได้ เมื่อขับไปบนท้องถนนที่ไม่คุ้นเส้นทาง แล้วไปเจอโค้งหักศอกข้างหน้า ซึ่งคุณจำเป็นต้องชะลอความเร็วอย่างรวดเร็ว และถ้าจังหวะนั้นคุณคุมเกียร์ด้วยตัวเอง การลดความเร็วลงโดย Shift Down ซึ่งพอเกียร์ลงเองอย่างฉับพลัน โดยที่ไม่มีระบบ MSR อาจทำให้รถสะดุดเสียจังหวะ และอาจเลวร้ายถึงขั้นล้อล็อค จนทำให้รถเซ ไม่อยู่ในแนวตรง เสียจังหวะจนเกิดอุบัติเหตุได้

6. ระบบความคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
โดยทั่วไปการชะลอความเร็ว จะต้องทำให้เสร็จก่อนที่จะเข้าโค้ง แต่ก็มีหลายครั้งที่อาจต้องเบรกในโค้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากคุณเกิดเบรกหนักในโค้ง ย่อมส่งผลให้ตัวรถเกิดการไถลออก จนทำให้สูญเสียการควบคุมและก่อให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้ามีระบบ CBC จะเข้ามาช่วยจัดการระบบเบรกในโค้งนั้น ทำให้คุณเข้าโค้งได้มั่นคงและปลอดภัยยิ่งขึ้น หากต้องเบรกในโค้งอย่างรุนแรงก็ตาม  

มาดูผลจากการทดสอบระบบนี้ เราได้ลองเบรกหนักๆ ในโค้งดูเพื่อทดสอบว่า CBC ของ MG6 นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งก็พบว่าสามารถเข้าโค้งได้อย่างไร้ปัญหา CBC ช่วยเบรกให้รถไม่เสียศูนย์ ไม่มีอาการที่รถจะพุ่งออกนอกโค้งให้เห็น พร้อมที่จะเดินคันเร่งออกจากโค้งได้อย่างต่อเนื่องโดยทันที หากเปรียบกับสถานการณ์จริง ถ้าคุณขับมาด้วยความเร็วมากเกินไป และพบว่าโค้งนั้นลึกกว่าที่คิด ต้องเบรกเพิ่มเติมในโค้ง ซึ่งถ้าเป็นรถที่ไม่มีระบบ CBC และแชสซีส์ช่วงล่างไม่ดี อาจทำให้รถมีอาการเลี้ยวไม่เข้า เหมือนรถจะพุ่งออกนอกโค้ง จนเป็นสาเหตุให้แหกโค้งได้

7. ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และการควบคุมการลื่นไถล (TCS)
ในรถที่มีพละกำลังเครื่องยนต์ที่แรง หลายคนอาจเคยได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ล้อ ในช่วงกดคันเร่งออกตัว ยิ่งเมื่อวิ่งบนพื้นผิวที่ลื่น เช่น เวลาฝนตก หรือในโอกาสที่กดคันเร่งมากเกินไป จนทำให้ล้อหมุนฟรีมีง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการที่ล้อหมุนฟรี จะทำให้รถสูญเสียการยึดเกาะ ทำให้ควบคุมรถได้ลำบาก

ในการทดสอบ MG6 บนพื้นผิวที่ลื่นนั้น เราพบว่าระบบ TCS ได้เข้ามาป้องกันล้อหมุนฟรี ในช่วงที่เติมคันเร่งมากไปในจังหวะผิวถนนที่ลื่น ระบบจะเข้ามาตัดกำลังเครื่องอย่างรวดเร็ว ส่งผลไม่ให้ล้อหมุนทิ้งเสียกำลังโดยใช่เหตุ และการหมุนฟรีบนผิวเปียกนั้น จะก่ออันตรายอีกด้วย ดังนั้นมั่นใจได้ว่าหากผิวถนนจะเปียกขนาดไหน และคุณเผลอเติมคันเร่งหนักๆ ในรถเทอร์โบที่มีระบบ TCS จะไม่เกิดการลื่นไถล สูญเสียการควบคุมอย่างแน่นอน

8. ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS)
ในการขับรถบนท้องถนน อาจมีบางครั้งที่จำเป็นต้องจอดรถหยุดนิ่งบนทางชัน เช่น คอสะพาน หรือเนินต่างๆ หากช่วงออกตัวเราคุมเบรกและเดินคันเร่งไม่ถูกจังหวะ อาจทำให้รถเกิดไหลถอยหลัง และอาจไปชนเข้ากับรถที่อยู่ด้านหลังได้ แต่คุณวางใจได้ ถ้ารถรุ่นใหม่มีระบบ HAS เหมือน MG6 จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว โดยระบบจะเข้ามาช่วยค้างแรงดันเบรกเอาไว้ ในช่วงที่คุณจะออกตัว จึงทำให้รถไม่ไหลถอยหลัง

9. ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง ITPMS
ฟังก์ชั่นนี้น่าสนใจ และถือว่าเกินความคาดหมายมากที่มีใน MG6 เพราะระบบ ITPMS เราจะพบได้ในรถหรู ราคาหลายล้านบาทขึ้นไป แต่ MG6 กลับให้มาด้วย ระบบนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวก คุณไม่ต้องมาคอยสังเกต ความผิดปกติของยางลมยางเองโดยตลอด เพียงตรวจเช็คได้จากหน้าจอแดชบอร์ดเท่านั้นก็พอ

10. ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัจฉริยะ (BDC)
ในรถที่แรง ประสิทธิภาพในการเบรกชะลอความเร็วถือเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนอาจคาดไม่ถึงกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจส่งผลจนทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกแย่ลง นั่นคือจานดิสก์เบรกสกปรก แต่ใน MG6 มีระบบ BDC ช่วยทำความสะอาดจานเบรกให้ ซึ่งแทบจะไม่มีรถค่ายไหนติดตั้งระบบนี้มา จึงทำให้เวลาล้างรถกับการที่ต้องทำความสะอาดเบรกด้วยความยากลำบากนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ BDC จัดการเองได้เลย

จากการทดลองขับ MG6 ก็ได้พิสูจน์ให้ทีมงาน Autodeft เห็นแล้วว่า รถยนต์สัญชาติอังกฤษคันนี้ ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุดทั้งแบบ Active และ Passive มันดีและต่างจากรถในเซกเมนต์เดียวกันยังไง ซึ่งไม่ได้มีแค่ตามที่บอกในข้างต้น แต่ยังมีฟังก์ชันใหม่ที่ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นกับระบบควบคุมแรงบิดของล้อขณะเข้าโค้ง DWTC (DYNAMIC WHEEL TORQUE CONTROL) ระบบแจ้งเตือนทิศทางของพวงมาลัยหลังการสตาร์ทเครื่องยนต์ หากถูกหมุนไปจากทิศทางตรงเกินกว่า 90 องศา (STEERING WHEEL REMINDER) พร้อม CORNERING LIGHT หรือไฟส่องสว่างด้านข้างขณะเลี้ยว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นในการขับขี่ยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังมีระบบปรับระดับไฟหน้าสูง - ต่ำอัตโนมัติ (AUTO-LEVELING HEADLIGHTS) ในกรณีที่ด้านหน้าตัวรถถูกยกตัวสูงขึ้น เพราะรถบรรทุกน้ำหนักมากในช่วงท้าย ระบบจะปรับระดับไฟให้พอดี เพื่อไม่ให้แสงไฟหน้ารบกวนผู้ขับขี่คันหน้าหรือผู้ที่ขับสวนทางมา ที่สำคัญยังมีระบบ Auto Brake Hold อยู่ข้างกันกับปุ่มเบรกมือไฟฟ้าเพิ่มมาด้วย เมื่อกดปุ่มนี้แล้วเหยียบเบรก แม้ยกเท้าออก รถก็จะยังคงเบรกค้างไว้ ทำให้คุณไม่ต้องวางเท้าไว้ให้เมื่อยขากันอีกต่อไป หรือเมื่อต้องการขยับรถ เพียงแค่เหยียบคันเร่ง เบรกก็จะปลดออกเอง ซึ่งระบบนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่ที่ต้องเจอสภาพรถติดในเมือง โดยรวมแล้ว MG6 จัดเต็มไปถึง 14 ระบบความปลอดภัย ถือว่าน่าสนใจมาก ในระดับราคาที่ไม่ได้โอเวอร์จนซื้อไม่ได้

สุดท้ายนี้ คงเห็นกันแล้วว่าระบบความปลอดภัยสำคัญยังไง ไม่อยากให้ลืมเรื่องนี้จริงๆ เมื่อคิดจะซื้อรถ ลองเลือกดูมาตรฐานของตัวเลือกก่อนตัดสินใจ ซึ่งแน่นอนว่าดีที่สุดคือไปทดลองขับเอง และหากสนใจ MG6 สามารถทดลองขับได้ที่ MG Driving Experience Center ศรีนครินทร์ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำเทคนิคการขับให้คุณอีกด้วย

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ