เจ ดีพาวเวอร์ชี้ปัญหาด้านคุณภาพรถกระบะมากขึ้นกว่าปีก่อน

  • โดย : Autodeft
  • 6 ธ.ค. 59
  • 14,299 อ่าน

เจ ดีพาวเวอร์ เผยผลการศึกษาทางด้านคุณภาพรถใหม่ ซัดรถกระบะและรถหรูพบปัญหามากขึ้น

ผลการศึกษาคุณภาพรถใหม่ในประเทศไทย ประจำปี 2559 โดย เจ.ดี. พาวเวอร์              (J.D. Power 2016 Thailand Initial Quality StudySM (IQS)) เปิดเผยในวันนี้ว่า คุณภาพของรถยนต์ใหม่โดยรวมในประเทศไทยได้รับการปรับปรุงขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าของในกลุ่มรถกระบะและกลุ่มรถยนต์ขนาดกลางระดับพรีเมี่ยมกลับรายงานปัญหาเพิ่มมากขึ้น

โดย ค่าเฉลี่ยคุณภาพรถใหม่โดยรวมอยู่ที่ 87 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน (PP100) ในปี 2559 ลดลง 4 คะแนน จากปี 2558 ที่ 91 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน คุณภาพรถยนต์ได้รับการปรับปรุงในทุกกลุ่มประเภทรถยนต์ ยกเว้นกลุ่มรถกระบะ ซึ่งค่าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 100 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน ในปี 2559 เพิ่มขึ้น 10 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน เมื่อเทียบกับปี 2558

และกลุ่มรถยนต์ขนาดกลางระดับพรีเมี่ยม ที่ปัญหาเพิ่มขึ้นเป็น 66 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน จาก 59 ปัญหาในปี 2558

[IMAGE1]

การศึกษายังพบอีกว่าเจ้าของรถรุ่น ใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ในตลาด หรือเป็นรถรุ่นที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งคันสำหรับรุ่นรถปีนั้นๆ รายงานปัญหา 81 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน น้อยกว่ารถรุ่นเดิมที่มีอยู่ ซึ่งไม่ได้รับการปรับโฉม หรือปรับแต่งเพียงเล็กน้อยสำหรับรุ่นรถปีนั้นๆ ซึ่งรายงานปัญหา 88 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน

คุณ ศิรส สาตราภัย ผู้จัดการ เจ.ดี. พาวเวอร์ ประจำประเทศไทย กล่าว  “รถยนต์รุ่นใหม่ที่พึ่งออกสู่ตลาดเมื่อไม่นานมานี้ มีคุณภาพการผลิตที่ดีกว่า (มีปัญหาคุณภาพน้อยกว่า) รถยนต์รุ่นที่อยู่ในตลาดมานานกว่าและส่งผลในเชิงบวกต่อภาพรวมความพึงพอใจในคุณภาพของรถยนต์ใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม ลูกค้าผู้ใช้งานรถกระบะได้รายงานปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะปัญหาภายนอกตัวรถยนต์และระบบแอร์ (HVAC) ดังนั้นผู้ผลิตรถกระบะจึงควรรับฟังเสียงสะท้อนของลูกค้า และดำเนินการลดปัญหาคุณภาพ และปรับปรุงรถยนต์รุ่นถัดๆ ไปให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น

 

การศึกษานี้พบว่าปัญหาภายนอกตัวรถยนต์คิดเป็น 30% จากปัญหาทั้งหมดในปี 2559 เพิ่มขึ้น 5% จาก 25% ในปี 2558 นอกจากนี้ ปัญหาจากระบบฮีทเตอร์, ระบบระบายอากาศ และระบบแอร์ (HVAC) เพิ่มขึ้นเป็น 8% จาก 7% ปัญหาภายนอกตัวรถยนต์ที่มีการพูดถึงบ่อยที่สุดเป็นปัญหาเกี่ยวกับเสียงลมที่ดังเกินไป และปัญหาประตูเปิด-ปิดยาก

ส่วนปัญหาหลักของระบบฮีทเตอร์, ระบบระบายอากาศ และระบบแอร์ (HVAC) จะเกี่ยวกับกระจกมีฝ้ามากเกินไป และระบบความเย็นของแอร์ที่ไม่เพียงพอ

 

ครึ่งหนึ่งของ 20 ปัญหาแรกที่มีการพูดถึงบ่อยที่สุดเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับการออกแบบ เจ้าของรถยนต์ยังรายงานจำนวนปัญหาเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาภายในรถยนต์, ปัญหาประสบการณ์การขับขี่ และปัญหาเครื่องยนต์/ ระบบเกียร์ เช่น ปัญหาวัสดุเป็นรอยขีดข่วนง่าย/ เปื้อนง่าย, ปัญหาระบบช่วงล่าง หรือปัญหาเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เวลาสตาร์ทรถครั้งแรกของวัน

 

ผู้ผลิตรถยนต์ควรตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบของรถยนต์ทุกๆ กลุ่ม ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกไม่สะดวกในการใช้งาน หรือก่อให้เกิดความรำคาญในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้น ศิรส กล่าว

 

ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมที่ได้จากการศึกษา :

  • ความหรูหราเป็นตัวชี้นำ: เจ้าของรถยนต์ประเภทหรูหรามีรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของตนน้อยที่สุด (50 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน ) และรถกระบะ 4 ประตู และรถกระบะตอนขยายรายงานจำนวนปัญหาเข้ามามากที่สุด (103 ปัญหา และ 104 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน ตามลำดับ)
  • เสียงลมยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่อง: เสียงลมดังเกินไป (13.1 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน) ยังคงเป็นปัญหาที่มีรายงานเข้ามาบ่อยที่สุดและเป็นปัญหาที่มีมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2551 และ 2 ปัญหาใหม่เพิ่มเติมจาก 5 ปัญหาเดิมที่มีการรายงานเข้ามามากที่สุด ได้แก่ กระจกมีฝ้ามากเกินไป/ ไม่สามารถกำจัดฝ้าได้ตามต้องการ (2.6 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน) และการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากเกินไป (2.4 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน)
  • คุณภาพมีผลต่อความภักดี: ความภักดีและความตั้งใจในการกลับมาซื้อมีความสัมพันธ์โดยตรงกับความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อคุณภาพโดยรวมของรถยนต์ โดย 86% ของลูกค้าในกลุ่มที่พอใจเป็นอย่างมากกล่าวว่าพวกเขาจะแนะนำรุ่นรถที่ใช้อยู่ อย่างแน่นอนและ 73% กล่าวว่าพวกเขาจะกลับมาซื้อรถยนต์แบรนด์เดิมอีก อย่างแน่นอนส่วนกลุ่มเจ้าของรถยนต์ที่ผิดหวังหรือรู้สึกเฉยๆ กับคุณภาพรถยนต์ของตัวเอง มีเพียง 44% ที่กล่าวถึงความตั้งใจที่จะแนะนำรุ่นรถยนต์ที่ใช้อยู่แก่ผู้อื่นและ 30% ที่มีความตั้งใจจะกลับมาซื้อรถยนต์แบรนด์เดิมอีก

 

ทั้งนี้ การศึกครั้งนี้เป็นการศึกษาปัญหาคุณภาพรถยนต์ใหม่ที่เจ้าของรถยนต์ประสบในช่วง 2 ถึง 6 เดือนแรกของการเป็นเจ้าของ  โดยการศึกษานี้ได้สอบถามถึงปัญหาหรือความผิดปกติมากกว่า 200 รายการ  และสามารถจัดกลุ่มปัญหาหรือความผิดปกติที่พบออกเป็น 8 หมวดหมู่ (โดยเรียงลำดับตามความถี่ของปัญหาที่มีการรายงานเข้ามา) ได้แก่ ปัญหาภายนอกรถยนต์, ปัญหาเครื่องยนต์/ ระบบเกียร์, ปัญหาประสบการณ์การขับขี่, ปัญหาจากภายในรถยนต์, ปัญหาจากระบบฮีทเตอร์, ระบบระบายอากาศ และระบบแอร์ (HVAC), ปัญหาด้านเครื่องเสียง, ความบันเทิงและระบบนำทาง (ACEN) ปัญหาจากอุปกรณ์, ปุ่มควบคุมและแผงหน้าปัด และปัญหาจากที่นั่ง ปัญหาทั้งหมดได้ถูกนำมาสรุปผลเป็นจำนวนปัญหาหรือความผิดปกติที่พบต่อรถยนต์ใหม่ 100  คัน (ในที่นี้ เรียกว่า PP100)   โดยรถยนต์รุ่นใดที่ได้คะแนน PP100 น้อยกว่า แสดงว่ารถยนต์รุ่นนั้นเกิดปัญหาน้อยกว่าหรืออีกนัยหนึ่งคือ รถรุ่นนั้นมีคุณภาพที่สูงกว่า

ผลการศึกษาคุณภาพรถใหม่ในประเทศไทย (IQS) ประจำปี 2559 ได้จากการประเมินคำตอบของเจ้าของรถยนต์คันใหม่ 4,813 ราย ที่ซื้อรถยนต์ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2558 ถึงเดือนกรกฎาคม 2559 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถกระบะ และรถยนต์อเนกประสงค์จำนวนทั้งสิ้น 82 รุ่น จากทั้งหมด 13 ยี่ห้อ โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกันยายน 2559

 

ติดตามเรื่องราว ข่าวสาร และความรู้ รถยนต์ได้กับพวกเรา ได้ที่  www.Autodeft.com 

หรือผ่านทาง   Fanpage Facebook กดไลค์และ  Follow   ได้ที่   www.facebook.com/autodeft 

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ