Mercedes-AMG All Range รวมตัวแรงขั้นเทพจากค่ายเยอรมัน เริ่ม 4.39 ล้านบาท

  • โดย : Autodeft
  • 31 ม.ค. 62
  • 10,988 อ่าน

นับตั้งแต่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตลาดแนวใหม่เอาใจสาวกที่รักความแรงและสนุกสนานด้วยการเปิดแบรนด์ใหม่ในเครือนั่นคือ Mercedes-AMG นั่นเอง

Mercedes-AMG เป็นการนำรถยนต์รุ่นต่างๆจาก Mercedes-Benz มาตกแต่งทั้งภายนอกภายในรวมถึงพัฒนาขุมพลังความแรงใหม่ให้มีสมรรถนะมากขึ้น สร้างความเร้าใจ และแตกต่างจากรุ่นเดิมๆของ Mercedes-Benz ถึงค่าตัวจะแพงมากกว่าแต่สิ่งที่ได้มานั้นให้ทั้งความสนุก ความตื่นเต้นตลอดการขับขี่ ในปัจจุบัน Mercedes-AMG ที่จำหน่ายในเมืองไทยมีมากมายหลายรุ่นทั้งในแบบประกอบในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ เริ่มกันที่

 

รุ่นประกอบในประเทศ CKD

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe ราคา 4,220,000 บาท

สปอร์ตคูเป้น้องเล็ก 2 ประตู ประกอบไทยเป็นรุ่นแรกมาพร้อมพลังแรง V6 3.0 ลิตร 390 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 4.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง แรงสปอร์ตตามแบบ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี

ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าเอเอ็มจีก้านคู่ตกแต่งด้วยสีเงิน แบบด้าน ฝากระโปรงหน้าที่ปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงาม สเกิร์ตข้างที่ดีไซน์ให้เข้ากับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาจากเอเอ็มจี ฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับโครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ดูสะดุดตา รวมถึงดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ที่ช่วยพัฒนาการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถ พร้อมท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ แบบ Two round twin tailpipe look ตกแต่งรอบคันด้วย AMG Bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง) เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe

ภายใน มาพร้อมชุดเบาะที่นั่ง AMG Sport Seat ด้วยวัสดุหุ้มหนังแท้กับคุณสมบัติการอุ่นเบาะและระบบทำความเย็นที่ปรับได้ 3 ระดับ เสริมทั้งพนักพิงหลังและปีกทั้ง 2 ข้าง เพื่อปกป้องด้านข้างของผู้ขับขี่ขณะขับรถด้วยความเร็วสูง แผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่มีโหมดการแสดงผล 3 แบบในสไตล์เอเอ็มจี คือ Classic, Sport และ Progressive เร้าใจมากกว่าที่เคยด้วยพวงมาลัยรุ่นใหม่แบบ AMG Performance Steering Wheel หุ้มด้วยหนังชนิด Nappa leather ที่มีรูปทรงสปอร์ตท้ายตัดที่ออกแบบเป็นวงโค้งอย่างสมบูรณ์แบบ หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ทำงานร่วมกับ MB Audio 20 พร้อม Touchpad และ Controller ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ตกแต่งภายในด้วย AMG matt Silver glass-fibre

 

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe ราคา 4,690,000 บาท

รถยนต์เอสยูวีคูเป้ประกอบไทยลำดับที่ 2 มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC และความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว จาก ดีไซน์ภายนอก ด้วยชุดตกแต่ง AMG bodystyling รอบคัน, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System, ล้ออัลลอย ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ขนาด 21 นิ้ว, ตกแต่งด้านท้ายด้วย AMG Spoiler-lip, ปลายท่อไอเสีย 2 ท่อ แบบ 4-pipe look, ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé

ภายใน โดดเด่นด้วยเบาะที่นั่งหุ้มหนังแบบ AMG Sport seat ตัดสลับ DINAMICA microfibre ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เพิ่มความเร้าใจด้วย AMG Carbon-fibre โดยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด หุ้มด้วยหนัง nappa คุณภาพสูง, พวงมาลัยนิรภัยพร้อมพาวเวอร์ ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ, กาบบันได สเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ AMG แบบเรืองแสง ฯลฯ เพิ่มเติมความพิเศษด้วยระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า Active Distance Assist DISTRONIC และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™)

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V6 3.0 ลิตร 367แรงม้าที่ 5,500-6,000 แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,500 รอบ/นาทีมาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC มาพร้อมกับระบบปรับรูปแบบขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT และ ระบบความปลอดภัย อันล้ำสมัยมากมาย

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

ประกอบไทยลำดับที่ 3 แต่งเข้มแต่งดุเร้าใจ ด้วยกระจังหน้าแบบแผงบังคับลมคู่สีเงินชุบโครเมี่ยม วัสดุเก็บขอบด้านข้างแบบพิเศษ กระโปรงหลังรูปแบบใหม่ล่าสุดที่สอดรับกับปลายท่อไอเสียทรงกลมทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20” พร้อมยางขนาด 245/35 R20 สำหรับล้อหน้าและ 275/30 R20 สำหรับล้อหลัง เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่า และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

ภายในมีออพชั่น หรูหรา หลากหลาย แผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับ MB Audio 20 พร้อม Touchpad และ Controller ที่ผู้ขับขี่จะสามารถปรับแต่งการแสดงผลของแผงหน้าปัดได้ 3 รูปแบบได้แก่ "Classic" "Sport" และ "Progressive” อีกทั้งยังสามารถเลือกแสดงข้อมูลต่างๆ ได้เพิ่มเติมตามต้องการอีกด้วย โดยผู้ขับขี่ยังจะสามารถควบคุมรถด้วยพวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel ที่เพิ่มความกระชับและมั่นใจตลอดการขับขี่ และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system

เครื่องยนต์เป็นแบบ เบนซินเทอร์โบคู่แบบ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร ให้กำลังมากถึง 435 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร พร้อมระบบ EQ Boost ที่สามารถเสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ ถึง 22 แรงม้า รองรับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตร รวมถึงสามารถ สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ด้วยเทคโนโลยีเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission ตอบสนองดีขึ้นเมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+ แบบแปรผันได้สมบูรณ์แบบ

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

พร้อมความปลอดภัยและเทคโนโลยี ที่มีมาอย่างมากมายเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE® Plus และระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) ฯลฯ รวมไปถึงระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspension ที่ทำงานโดยอัตโนมัตินั้นยังช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกรื่นรมย์มากยิ่งกว่าที่เคย ส่วนราคาจำหน่ายเตรียมพบกัน 7 กุมภาพันธ์

 

รุ่นนำเข้า CBU

ทดสอบรถยนต์ Mercedes Benz  CLA45 AMG

Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC และ Mercedes-AMG A 45 4MATIC

2 เก๋งเล็กอัพเกรดให้จี๊ดเท่กว่าเดิมกับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบแรง 2.0 ลิตร 381 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-speed พร้อมชุดแต่งรอบคัน มาพร้อมราคาเร้าใจเพียง 4,740,000 บาท ในรุ่น Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC และ 4,390,000 บาทในรุ่น Mercedes-AMG A 45 4MATIC

 

Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC

Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC ราคา 4,840,000 บาท

Hatchback ทรงสูง โดดเด่นด้วยฝากระโปรงหน้ารูปแบบใหม่ที่มีรูปทรงที่ลู่ลมกว่าเดิม ลวดลายของช่องรับอากาศด้านหน้าใหม่, ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist), ชุดแต่ง AMG Night Package, AMG Aerodynamic package ที่เพิ่มชุดตกแต่งกันชนหน้าและกันชนหลังสีดำแบบไฮ-กลอสด้านท้ายรถที่มาพร้อมกับดิฟฟิวเซอร์ลวดลายใหม่บริเวณกันชนหลัง การเลือกใช้วัสดุเก็บขอบสีดำปลายขอบ สปอยเลอร์หลังคาที่ปรับแต่งเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่โดยเฉพาะล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10 ก้าน ขนาด 20”

ภายใน ติดตั้งเบาะที่นั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ต โดยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ และระบบอุ่นร้อน, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต, พวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel Nappa / DINAMICA ตกแต่งภายในด้วย AMG Design trim in black / red แบบ CARBON FIBRE ที่คมเข้มดุดัน มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยสีแดงที่เข้ากับ สีเบาะ ทำให้ได้อารมณ์สปอร์ต น่าหลงใหล กาบบันไดเรืองแสงประตูหน้าแบบ AMG และ AMG DYNAMIC SELECT, และอุปกรณ์มัลติมีเดีย อย่าง วิทยุ-ซีดี MB Audio 20, หน้าจอแบบยกตัว ขนาด 8 นิ้ว พร้อมเพิ่มความรื่นรมย์ตลอดการขับขี่ด้วยเครื่องเสียงแบบ Harman Kardon® Logic 7® surround sound system ที่ให้เสียงรอบทิศทาง รวมถึงหลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC

อัพพลังสูงด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ถึง 381 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 475 นิวตันเมตรที่ 2,250-5,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-speed และรระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC โดย DYNAMIC SELECT มีโหมดการขับขี่ 4 แบบ คือ INDIVIDUAL, COMFORT, SPORT และ SPORT

มาพร้อมกับระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) และไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light), กล้องแสดงภาพด้านหลังสำหรับถอยรถ, ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot), ระบบเบรก AMG High Performance Braking System ประสิทธิภาพสูง เพื่อเพิ่มความเร้าใจและปลอดภัยขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง, ระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่อันหลากหลาย ซึ่งทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงการขับขี่แบบเร้าใจหรือการขับขี่แบบนุ่มสบายตลอดการเดินทางได้ในคันเดียว

 

Mercedes-Benz

Mercedes-Benz

Mercedes-AMG SLC 43 ราคา 4,990,000 บาท

รถยนต์คอมแพกต์โรดสเตอร์แบบ 2 ที่นั่งจากค่าย AMG ที่มอบประสบการณ์การขับขี่อัน ทรงพลัง นับเป็นรถยนต์เครื่องยนต์ V6 รุ่นแรกที่ผลิตจากโรงงาน AMG ในเมืองอัฟฟาวเตอร์บาก (Affalterbach) ที่ติดตั้งนวัตกรรมล่าสุดของ Mercedes-AMG ไว้อย่างครบถ้วน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 367 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC 

Mercedes-AMG

Mercedes-AMG

Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe ราคา 8,090,000 บาท

SUV ทรงคูเป้ด้วยหลังคารถออกแบบลาดลงพร้อมพลังแรง จากพลังเบนซินเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร 367 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,000 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 5.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตกแต่งสปอร์ตเข้มใน SUV Coupe 

 

Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+

Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ ราคา 12,790,000 บาท

สุดยอดตัวแรงที่ทาง Mercedes-AMG ได้สร้างนิยามใหม่ของคำว่าซีดานสมรรถนะสูง นำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของรถยนต์ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร แรงม้าสูงสุด 612 แรงม้าที่ 5,750-6,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,500 รอบ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 3.4 วินาที เพิ่ม AMG SPEEDSHIFT MCT (มัลติคลัทช์เทคโนโลยี) และระบบเกียร์ความเร็ว 9 สปีดพร้อมกับคลัทช์เปียก (wet start-off clutch) เป็นครั้งแรกเพื่อช่วยให้สามารถตอบสนองได้อย่างคล่องตัวขึ้น

Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+

Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+

ดีไซน์ภายใน ตกแต่งด้วยเบาะแบบ AMG Performance Seat ที่ให้ความสปอร์ตเร้าใจตลอดการขับขี่ มาพร้อมกับชุดหน้าจอความละเอียดสูง COMAND® ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถเลือกหน้าจอได้ 3 แบบตามชอบคือ Classic, Sport และ Progressive นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสุนทรียภาพของการเดินทางด้วยระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบเสียง รอบทิศทาง Burmester® high-end 3D surround sound system

Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ที่มีมาอย่างมากมายเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE®, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC), ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™, ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth 

Mercedes-AMG GT S

Mercedes-AMG GT S ราคา 14,900,000 บาท

น้องใหม่ในตระกูล AMG GT ได้รับการพัฒนาทั้งด้านเครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบกันสะเทือน ตลอดจนดีไซน์ทั้งภายในและภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบฝากระโปรงหน้าแบบ jet wing ที่แสดงให้เห็นถึง ความกว้าง ปราดเปรียว ดูลู่ขนานไปกับพื้นถนน กระจังหน้าแบบ AMG สอดรับกับฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง ช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 265/35 R19 ล้อหลังขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 295/30 R20 ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance

Mercedes-AMG GT S

Mercedes-AMG GT S

ภายในตกแต่งเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง, พวงมาลัย AMG Performance Steering wheel หรือสามารถสร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะแบบ AMG ที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้นด้วยพนักพิงหลังที่มีความโค้งและเสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน เพิ่มความสปอร์ตแต่หรูหรา ด้วยวัสดุโครเมียมสีเงินบนคอนโซลกลาง ช่องแอร์ และที่พักแขน แผงหน้าปัดกว้าง ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับ ถูกโอบล้อมด้วยปีกนก และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลายเพื่อเพิ่มสุนทรียะใน การขับขี่

Mercedes-AMG GT S

ส่งมอบความแรงสุดขั้วด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V8 4.0 ลิตร 522 แรงม้าที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิด 670 นิวตันเมตรที่ 1,900-5,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. จับคู่กับระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-Speed Sport transmission ใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์สั้นลงโดยเฉพาะเกียร์ 3-7 รองรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต พร้อมความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ Mercedes-AMG GT S มีระบบ AMG RIDE CONTROL (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล) ด้วยการใช้โครงสร้างปีกนกสองชั้นเพื่อรักษาสมดุลของล้อ และติดสปริงไว้ด้านบน ระบบการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT 5 โหมด Comfort, Sport, Sport+, RACE และ Individual 

 

Mercedes-AMG GT R

Mercedes-AMG GT C Roadster และ Mercedes-AMG GT R

Mercedes-AMG GT R เป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำสมัยของรถแข่งมาประยุกต์ใช้ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับผู้เป็นเจ้าของที่ชื่นชอบความเร็ว ภายนอก รูปลักษณ์ของ Mercedes-AMG GT R สะท้อนปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ส่วนหน้าของตัวรถมีลักษณะลาดต่ำ และกระจังหน้าแบบ AMG Panamericana ที่ยื่นออกไปคล้ายจมูกฉลามนั้นสามารถช่วยลดแรงกดที่ด้านหลังตัวรถ ส่งผลให้การไหลเวียนของอากาศขณะรถเคลื่อนที่ดีขึ้น อีกทั้งยังประกอบด้วยวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT 3, ล้ออัลลอยแบบ AMG Performance นอกจากนั้นยังมีหลังคารถที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอน เสริมให้ตัวรถมีสีสันตัดกันสวยงาม พร้อมติด ระบบเบรกแบบ AMG high-performance composite brake สีเหลืองที่เป็นสีพิเศษสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ

Mercedes-AMG GT R

Mercedes-AMG GT R

ดีไซน์ภายใน ห้องโดยสาร Mercedes-AMG GT R ได้รับอิทธิพลมาจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดยเบาะที่นั่งถูกปรับให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ อีกทั้งยังเป็นเบาะที่นั่งแบบ AMG Sports Bucket หุ้มด้วยหนัง Nappa และเส้นใย DINAMICA Microfibre ที่ช่วยปกป้องลำตัวด้านข้างได้ดีแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ชุดแต่ง AMG Interior Night เป็นชุดแต่งมาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ โดยทั้งพวงมาลัย และเกียร์จะชุบสีดำเงาทั้งหมด, แผงหน้าปัดกว้าง สื่อถึงเอกลักษณ์ของงานออกแบบอากาศยาน, แผงควบคุมตรงกลางมีลักษณะคล้ายกับท่อรับอากาศแบบนาคา (NACA air intake) ที่นิยมใช้กับเครื่องบิน และมีช่องลมของเครื่องปรับอากาศ 4 ช่องที่ดูคล้ายสปอตไลท์ พร้อมเครื่งยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V8 4.0 ลิตร 585 แรงม้าที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 1,900-5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 318 กม./ชม.

Mercedes-AMG GT R

และ Mercedes-AMG GT C รถยนต์โรดสเตอร์ที่มีสมรรถนะดีที่สุดในประวัติศาสตร์เข้ากับระบบช่วงล่างเอเอ็มจีไรด์คอนโทรลแบบสปอร์ต (AMG RIDE CONTROL Sports Suspension) ที่เป็นจุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ ขณะขับขี่ที่น่าพึงพอใจที่สุด

ดีไซน์ภายนอก มีการเสริมสปอยเลอร์หลังที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในสนามแข่งรถยนต์ที่มีช่องทางวิ่งกว้าง, ล้อหลังถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรมต่างๆ ที่เพลาหลัง นอกจากนั้นยังมีหลังคาผ้าใบ 3 ชั้นที่มีผิวสัมผัสนุ่ม มีโครงสร้างเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมและอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา โดยสามารถกางเปิดหรือเลื่อนปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที และใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่งที่ความเร็วสูงสุดที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mercedes-AMG GT C

ภายใน มาพร้อมกับเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง, พวงมาลัยเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์หุ้มหนัง Nappa และ เส้นใย DINAMICA Microfibre หรือสามารถสร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะเสริมแบบเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์ที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้นด้วยพนักพิงหลังที่มีความโค้งและเสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน แผงหน้าปัดกว้าง ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับถูกโอบล้อมด้วยปีกนก และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลายเพื่อเพิ่มสุนทรียะในการขับขี่

Mercedes-AMG GT R

ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี ฝากระโปรงหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุ SMC (Sheet Moulding Compound) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงานของ Mercedes-Benz TEC และผู้เชี่ยวชาญของ AMG ทำให้ฝากระโปรงรถมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงไว้ซึ่งความทนทานและแข็งแรง พร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V8 4.0 ลิตร 557 แรงม้าที่ 5,750 - 6,750 รอบ/นาที แรงบิด 680 นิวตันเมตรที่ 1,900-5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 316 กม./ชม. โดยมีราคาจำหน่าย ดังนี้

Mercedes-AMG GT R ราคา 17,400,000 บาท

Mercedes-AMG GT C ราคา 16,800,000 บาท

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ