New Ford Ranger Open Cab XL+ Sport กระบะยกสูงรุ่นใหม่เท่ตรงใจสาวก เพียง 669,000 บาท

  • โดย : Autodeft
  • 10 ก.ค. 62
  • 19,954 อ่าน

ฟอร์ด ประเทศไทย เสริมทัพความแกร่งตอกย้ำผู้นำรถกระบะ ด้วย Ford Ranger Open Cab XL+ Sport 4x2 Hi-Rider เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สานต่อความสำเร็จของเซ็กเมนต์กระบะ เพิ่มตัวเลือกตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วยกระบะพันธุ์แกร่งสไตล์สปอร์ต

Ford Ranger

 

Ford Ranger

ในการขยายไลน์อัพของ Ford Ranger ครั้งนี้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าชาวไทยเป็นการมอบตัวเลือกที่หลากหลาย และต้องการความโดดเด่นเฉพาะตัว เพื่อสะท้อนตัวตนได้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยการตกแต่งพิเศษกระจังหน้า ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 265/65R17 และกันชนหลัง เป็นสีดำแบบมันเงา (Glossy Black Paint) เพิ่มความความโฉบเฉี่ยวบนท้องถนน

พร้อมออพชั่นประจำรุ่นได้แก่ พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อกกระจกมองข้างแบบปรับไฟฟ้า กระจกหน้าต่างปรับไฟฟ้าพร้อมระบบเปิด-ปิดแบบสัมผัสเดียวด้านคนขับ วิทยุพร้อมช่องต่อ AUX และ USB / ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ / ช่องต่อไฟ 12V ถุงลมนิรภัย คู่หน้า (Front Airbags) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

Ford Ranger

Ford Ranger

Ford Ranger Open Cab XL+ Sport 4x2 Hi-Rider มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน Duratroq TDCI 2.2 ลิตร (รหัส P4AT) High Power 160 แรงม้าที่ 3,200 รอบ/นาที แรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 385 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที มีระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แรงเร้าใจพร้อมซับแรงสะเทือนด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อน โดยมีสีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวอาร์กติก ไวท์ และสีแดงทรู เรด ซึ่งวางจำหน่ายในราคา 669,000 บาท

Ford Everest

นอกจากนี้ Ford Everest รุ่น 2.0 Titanium+ 4WD Bi-Turbo ยกระดับความหรูหราด้วยสีภายในสุดพิเศษตกแต่งด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลคอนยัค (Cognac) ภายนอกสีขาวอาร์กติก ไวท์ เพื่อยกระดับความหรูหราและประสบการณ์การขับขี่รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง สะท้อนตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นไปอีกขั้น

โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่อย่างเหนือชั้นทั้งบนทางเรียบและแบบออฟโรด พร้อมขุมพลังแรง 2.0 ลิตร 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2000 รอบ/นาที พร้อมเทอร์โบคู่ TDCI Bi-Turbo ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ พร้อมระบบ Terrain Management เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential พร้อมระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ผสานระบบเบรกแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนนและยานพาหนะอื่นๆ รอบตัวรถ

ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) พร้อมระบบจดจำเสียง และระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง และระบบแผนที่นำทาง โดยจำหน่ายในราคา 1,799,000 บาท

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ