Bonn Review : Suzuki Ertiga Dreza พ่อบ้านร่างหล่อ

  • โดย : Autodeft
  • 13 มิ.ย. 59
  • 24,661 อ่าน

การจะดึงดูดคนให้สนใจใครสักคนสำหรับพวกเรามนุษย์ปถุชน ใบหน้าถือเป็นสิ่งที่ทุกคนมองเป็นอันดับแรก ก่อนจะตามมาด้วยนิสัยทัศนคติ และอื่นๆต่างๆนานามากมายที่เป็นแรงดึงดูดให้เข้ามาทำความรู้จักกัน แต่สำหรับรถยนต์แล้วการออกแบบนี่แหละคือสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่ามันช่วยพลิกสถานการณ์ทางด้านการขายได้ จนนำมาสู่การเปลี่ยนรูปลักษณ์เมื่อวาระสามปี อัพเดทการออกแบบให้ทันสมัย นำจุดที่ลูกค้ามองว่าไม่โดนใจหรือยังขาดกลับมาแก้ต

Suzuki  Ertiga  Dreza

 

ถึงประเทศไทยจะไม่ใช่ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ประเภทรถแวนที่โดดเด่นในเวทีระดับโลก แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาค่ายรถยนต์หลายค่ายได้พยายามพิสูจน์รถยนต์กลุ่มดังกล่าวมาโดยตลอด ตั้งแต่รุ่นใหญ่ที่มีราคาระดับ  7  หลัก จนย่อมมาถึงราคาเอื้อมถึงได้สบายๆ แต่ระยะหลังคนไทยเริ่มสนใจรถกลุ่มนี้มากขึ้น เมื่อมีรถยนต์ในราคาที่ไม่ได้แตกต่างจากซิตี้คาร์เข้ามาทำตลาด และรถยนต์รุ่นดังกล่าวเห็นจะเป็นค่ายไหนไปไม่ได้นอกจาก  Suzuki   ค่ายรถยนต์ที่ขึ้นชื่อในใจคนไทยไปแล้วในเรื่องความเชี่ยวชาญในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก

 

ตั้งแต่เปิดตัวเป็นต้นมา   Suzuki   Ertiga   เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ด้วยการออกแบบที่ให้ความลงตัวมีกว่าที่ตาเห็น และราคาที่ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม จนกระทั่งมาถึงช่วงก่อนมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา   Suzuki   ออกมานำเสนอรุ่นใหม่ที่ดูสวยงามกว่าเดิม ลงตัวกว่าเดิม ที่สำคัญราคาก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากมายนัก

การเปิดตัวตนใหม่สำหรับใครที่ชอบรถยนต์อเนกประสงค์ที่ดูสปอร์ตในนาม   Suzuki  Ertiga  Dreza   เรียกว่าเป็นการเดินหมากสุดฉลาดของค่ายรถยนต์รายนี้ การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ   Suzuki Ertiga Dreza   น่าจะกล่าวได้ว่าฉีกความจำเจสไตล์รถตู้มินิแวนเดิมๆ ออกไป

ในรุ่น Dreza   ที่เพิ่มไลน์อัพเข้ามาใหม่ทาง  Suzuki   ต้องการให้รถยนต์ของพวกเขาดูดีมีสไตล์ ทันสมัยและลงตัวในความสปอร์ตทางด้านการออกแบบ พวกเขาจัดการยำใหญ่รถยนต์อเนกประสงค์ที่ดูเชยแหลก จนชนิดที่ว่าขับไปสาวไม่มอง ให้ดูเป็นรถยนต์ที่มีความปราดเปรียว ดูทรงเสน่ห์มากขึ้น

Suzuki  Ertiga  Dreza

ตัวตนที่เปลี่ยนไปมีเอกลักษณ์โดดเด่นทางด้านหน้า ตัวรถดูมีความสง่างามขึ้นจากการออกแบบชุดกันใหม่ ทีมนักออกแบบโยนกระจังหน้าเดิมทิ้งไป แล้วจัดกันชนชุดใหม่ที่มีกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมสรรพในตัวมาสวมแทน การเปลี่ยนแม้จะดูเล็กน้อยในสายตาบางคนแต่มันกลับเปลี่ยนความรู้สึกสิ้นเชิง เทียบกับรุ่นเดิมแล้ว เจ้า   Ertiga Dreza   ใหม่ กลับดูอยากจะให้คนรุ่นใหม่ ที่อาจจะเพิ่งใช้ชีวิตครอบครัว อยากจะจับจองเป็นเจ้าของมันยิ่งกว่าเดิม

แนวทางที่เปลี่ยนไปในทางความสปอร์ตทางด้านหน้า ด้านข้าง  Suzuki Ertiga  Dreza   มาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ สีทูโทน ขนาด 15  นิ้ว จัดมาพร้อมยาง  185/65/R15 ดูเพิ่มความสปอร์ตให้กับรถมากขึ้น รวมถึงชุดสเกิร์ตข้างก็ติดตั้งมาให้จากโรงงานมีคิ้วขอบโครเมี่ยมเพิ่มความหรูหรา รับกับขอบล่างกันชนหน้า ส่วนด้านหลังเพิ่มไฟทับทิมที่บานประตูหลัง สปอร์ยเลอร์หลัง และคิ้วโครเมียมขนาดใหญ่เข้ามา ดูบางครั้งอาจจะทำเอานึกถึงมินิแวนหรูบางรุ่นเลยทีเดียว

Suzuki  Ertiga  Dreza

เปิดประตูเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร การตบแต่งในภาพรวมของ  Suzuki  Ertiga  Dreza   ไม่ได้ต่างจากรุ่นที่แล้วนัก สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปเห็นจะมีเพียงการเปลี่ยนสีเบาะใหม่จากเดิมโทนน้ำตาลเบจเข้ากับพวกแผงประตู งานนี้จัดมาให้กับโทนน้ำตาลเข้ม ดูดีลงตัว แต่ถามผมกลับรู้สึกนะว่ามันดูแตกต่างจากภายนอกที่พยายามทำให้ทันสมัยดูน่าคบน่าใช้ ทว่าภายในกลับดูสูงวัยขึ้นเสียอย่างงั้น

ยังดี เรื่องฟังชั่นการใช้งานต่างๆ ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะการรองรับผู้โดยสารสูงที่สุดถึง   7   นั่ง เบาะนั่ง แถว  2  และ 3  ปรับพับได้ ตลอดจนความลงตัวในการโดยสารอย่างเบาะนั่งแถว  2  ปรับพับได้ เจ้า   Suzuki Ertiga ยังคงเป็นหนึ่ง ด้วยความสามารถ  ในการเลื่อนปรับเบาะแถว  2  ได้ถึง  240  มม. มากพอจะเพิ่มความสบายในยามต้องการ รวมถึงรถยังครบครันด้วยระบบแอร์หลัง และ ช่องไฟ  12   โวลท์ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง .... จนเมื่อย้อนกลับมาดูภาพรวม ผมถือว่าพอมองข้ามเรื่องสีภายในสูงวัยได้บ้าง

Suzuki  Ertiga  Dreza

Suzuki  Ertiga  Dreza

Suzuki  Ertiga  Dreza

ใต้ฝากระโปรง   Suzuki Ertiga   ใหม่ ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมด้วยเครื่องยนต์รหัส   K14B  ขุมพลังแบบ  4   สูบแถวเรียงพอเพียงต่อการใช้งานขนาด 1400 ซีซี หลายคนอาจจะกังขาว่ารถคันนี้มีขนาดก็เล็กมาก และเครื่องยนต์บล็อกนี้จะสู้ไหวหรือไม่ ทว่าคุณอย่าได้ดูถูกเจ้าบล็อกเล็กนี้ไป มันมาพร้อมกำลังมากถึง  92   แรงม้าสูงสุดที่   6,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด   130   นิวตันเมตร ที่   4,000 รอบต่อนาที น่าเสียดายที่  Suzuki  Ertiga Dreza  ไม่เปลี่ยนระบบส่งกำลังหันมาใช้ระบบ   CVT  เหมือนคู่แข่ง

Suzuki  Ertiga  Dreza

ส่งผลให้เรื่องความนิ่มนวลในการต่อเกียร์ของรถ อาจจะยังมีจังหวะกระชากอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีแล้วกับระบบเกียร์อัตโนมัติ  4  สปีดดั้งเดิม ถึงมันจะดูธรรมดาๆ ทว่าทาง พี่วัลลภเคยบอกกับผมครั้งนี้เมื่อนานมาแล้วว่า จุดประสงค์ที่ทาง   Suzuki   ยังใช้ระบบเกียร์แบบนี้   เพราะต้องการให้มันดูแลรักษาง่าย ซึ่งผมว่ามันก็จริง

ส่วนระบบกันสะเทือนหรือสมรรถนะอื่นๆในภาพรวมของ  Suzuki Ertiga  Dreza   นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม เหมือนที่เราหลายคนอาจจะอยากเห็นมันดูซิ่งกว่าเดิม จากรูปลักษณ์ภายนอก

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมกลับกังวลใจมากขึ้น คือการใส่ชุดแต่งนี้มา ดูเหมือนจะทำให้เจ้าหมูตู้   Ertiga Dreza  นี้กลับมีผลกระทบยิ่งขึ้นเมื่อขับบนทางหลวงที่มีลมแรง ยกตัวอย่างในการเดินทางของเราไปยังชลบุรี บนทางด่วนบูรพาวิถีเจ้า Suzuki Ertiga  Dreza   ต้องถูกคุมพวงมาลัยตลอดเวลา คุณต้องเกรงมือกับมัน ทำให้ อาจจะไม่สบายนักและตึงเครียดระหว่างการเดินทาง แต่ถ้าคิดว่าเน้นใช้ในเมืองเป็นสำคัญ ผมว่ามันก็ดูจะลงตัวอยู่ไม่หยอก

 

สรุป ...Suzuki Ertiga Dreza   ได้หล่ออย่างเดียวฟังชั่นเหมือนเดิม

 

ตั้งแต่ผมเห็นมันในเวบไซต์ต่างประเทศ จนมาเห็นตัวจริงในประเทศไทย ต้องยอมรับครับว่า  Suzuki Ertiga Dreza   เพิ่มความสดใหม่ที่ดูลงตัวภายนอก จนน่าสนใจ และก่อนที่ผมจะออกรีวิวนี้ ผมเห็นแถวบ้านผมไปออกเจ้า   Dreza   แล้ว ถึง   2-3   คัน เป็นการยืนยันว่า รถดูดีมีสไตล์ เป็นสิ่งที่ถูกจริตคนไทยมากขึ้นอย่างชัดเจน และซูซูกิเดินมาถูกทางแล้ว

อย่างไรก็ดี ส่วนที่ผมเห็นว่ายังไม่ลงตัวคือฟังชั่นภายใน ที่น่าจะเพิ่มได้มากกว่านี้อีก ...จริงอยู่ที่มันอาจจะทำให้รถมีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามันดูคุ้มก็ยอมจ่าย เช่นระบบแอร์อัตโนมัติ หรือ จะเป็นฟังชั่นทางด้านผู้ช่วยในการขับขี่ระบบ   Cruise Control   เป็นต้น ผมมองว่า เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องตอบโจทย์ ภายใต้คำว่ารถยนต์อเนกประสงค์ มันจะต้องสบายทั้งคนนั่งและคนขับ ไม่ใช่แม่ลูกนั่งไป พ่อขับรถ ถึงที่หมายพ่อเที่ยวไม่สนุก เพราะ ได้ความสะดวกสบายน้อยกว่า แถมยังต้องเหนื่อยกว่าเพราะเป็นผู้ขับขี่

ถึงแม้เราจะติงในเรื่องฟังก์ชั่นภายในที่แทบแลเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลง ประดุจเปลี่ยนเพียงแค่การออกแบบแพ็คเกจจิ้ง ภายนอกเท่านั้น ทว่าเรื่องสมรรถนะการขับขี่และเครื่องยนต์ในภาพรวมถือว่ายังดีเหมือนเดิม อันที่จริง ในงวดนี้ผมได้ลองเอา   Suzuki Ertiga Dreza   มาลองขับประหยัดตามมาตรฐานใหม่   Bonn Test Mode   จากการขับขี่ในอัตราเฉลี่ยตามการทดสอบด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอล   95   พบว่า  ความประหยัดรถรุ่นนี้ทำได้ดีไม่หยอก มันทำตัวเลขอัตราประหยัดได้ถึง  13.47  ก.ม./ลิตร ด้วยระบบเกียร์แบบดั้เดิม  4  สปีด และน่าจะดีกว่านี้ ถ้าได้ระบบ  CVT   เข้ามาประจำการ

จะว่าไป Suzuki  Ertiga  Dreza   ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากอย่างที่เราคิด ภาพรวมคือการเสริมหล่อตัวรถให้ลงตัวดูดีมากขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่ด้านหน้าจรดบั้นท้ายเปลี่ยนดั่งคนๆ เดียวกัน ที่ไปทำศัลยกรรมมาใหม่ จนดูสะดุดตามากขึ้น ทว่าเรื่องความเป็นงานหรือนิสัยส่วนตัวที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม .. ซึ่งเปรียบเหมือนฟังชั่นของรถคันนี้ที่ดีงามอยู่แล้วเป็นทุนเดิม .... คุณก็ต้องลองดูว่ามันจะเพียงพอต่อความต้องการของคุณแล้วหรือยัง ??

 

 

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@Nattayosc), Blog  ส่วนตัว

 

รถทดสอบ  Suzuki Ertiga  Dreza

ราคาจำหน่าย 715,000  บาท

สิ่งที่ชอบ  >>> การออกแบบที่ดูลงตัวสดใหม่ ทำให้รถคันนี้ดีกว่าเดิม ตั้งแต่ด้านหน้า จรดบั้นท้าย

 

สิ่งที่ไม่ชอบ >>> สีภายในที่ดูแก่ไม่แลวัยรุ่นเหมือนภายนอก ตลอดจนฟังก์ชั่นหรือออพชั่นรถที่ไม่ได้เพิ่มเติมจากเดิมเท่าไรนัก

 

สิ่งที่อยากให้มี >>>  Suzuki  สมควรจะเปลี่ยนระบบเกียร์เป็น  CVT   ได้แล้ว รวมถึงเพิ่มแอร์อัตโนมัติ และ ระบบ Cruise Control

 

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>>  Suzuki ertiga Dreza   คือการปรับโฉมรถให้ดูลงตัวน่าใช้งานมากขึ้น มันคือรถที่ให้การออกแบบภายนอกแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน น่าเสียดายที่ภายในไม่ได้ปรับออพชั่นมาให้มากมายเท่าที่คิดนัก แต่มันก็มากพอแล้วกับการใช้งานของคุณ

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ