Hands On : New Honda City หน้าใหม่ เติมความสปอร์ตและหรูหราอีกขั้น

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 2 ก.พ. 60
  • 10,912 อ่าน

Sub-Compact ยอดนิยมอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่ได้รับความนิยมมาตลอดระยะเวลาทำตลาดในประเทศไทย ล่าสุดเผยโฉมใหม่กันไปเรียบร้อย ปรับลุคเปลี่ยนมาดให้ดูหรูหราและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น บนเรือนร่างเจนเนอเรชั่นที่ 4 ภายใต้แนวคิดหลัก “Advanced Energetic Smart Star” ยกระดับให้เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน และล่าสุดกับการสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดของทีมงานตลอดการเดินทางกว่า 350 กิโลเมตร บนเส้นทางไปกลับ กรุงเทพฯ

อีกหนึ่งโอกาสอันดีที่ทาง ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด ได้เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมสัมผัสความเป็นที่สุดกับ Honda City ใหม่ ที่เพิ่งเผยโฉมไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา สภาพเส้นทางโดยรวมนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ย่านชุมชนที่มีการจราจรหน่าแน่น ตลอดจนไปถึงเส้นทางวิ่งออกนอกเมือง ถนนเลนสวนและคดเคี้ยว สวนผึ้ง จ.ราชบุรี แรกเห็นรูปโฉมภายนอกที่เปลี่ยนไป ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มาพร้อมกระจังหน้าโครเมี่ยมดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าใหม่ที่มีทั้งแบบ LED (รุ่น SV และ SV+) และมัลติรีเฟลกเตอร์ (รุ่น S, V และ V+) และไฮไลท์เด่นกับ LED daytime ในทุกรุ่น ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ภายในโคมไฟหน้าได้อย่างลงตัว เข้ากันกับกันชนด้านหน้าใหม่และไฟตัดหมอกหน้า LED เส้นสายตัวรถยังคงดีไซน์เดิม อีกจุดที่สามารถสังเกตได้ถึงความแตกต่างจากด้านท้ายก็คือ กันชนหลังพร้อมดีไซน์สไตล์สปอร์ตใหม่ และโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยสีทูโทนดีไซน์ใหม่ ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 175/65 R15 (รุ่น V และ V+) และ 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/55 R16 (รุ่น SV และ SV+) อีกด้วย

พร้อมออกเดินทางจาก บริษัท เอที ฮอนด้า ออโตโมบิล (เอกชัย-บางบอน) จำกัด ที่มีพื้นที่รองรับลูกค้าและให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจรและเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ล้อหมุนมุ่งสู่ถนนกาญจนภิเษก เพื่อมุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 การจราจรช่วงนี้ค่อนข้างหนาแน่นมีรถมาก ในช่วงนี้เองทำให้ทีมงานได้สัมผัสกับความคล่องตัวในการขับขี่ Honda City ใหม่ พวงมาลัยถูกเซ็ตน้ำหนักมาได้เบากำลังดี ให้ความคล่องตัวในการเปลี่ยนเลนไปมาได้อย่างง่ายดาย บวกกับพละกำลังตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นออกตัว และใช้ความเร็วเดินทางบนเส้นทางออกนอกเมือง ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 1.5  ลิตร ที่มอบพละกำลัง 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที และยังสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E85 จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT และ Paddle Shift ที่เลือกเปลี่ยนได้ถึง 7 สปีด ภายใต้เทคโนโลยี Honda Earth Dream พร้อมระบบ G-Design Shift ซึ่งหากใครที่ต้องการอีกทางเลือกกับระบบเกียร์ธรรมดา ทางฮอนด้าก็มีตัวเลือกพร้อมรองรับ ด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด อีกเช่นกัน

ช่วงการเดินทางจาก จ.นครปฐม สู่ จ.ราชบุรี ถนนค่อนข้างโล่ง เป็นช่วงที่ทีมงานได้ลองใช้ความเร็ว กับผู้โดยสารรวมทั้งหมด 3 ท่านและสัมภาระ อัตราเร่งในช่วงนี้บอกได้เลยว่าเหลือเฟือสบายๆ ครั้นจะเร่งแซงหรือเพิ่มความเร็วสามารถทำได้ในทันที เพียงเติมคันเร่งหรือจะใช้ Paddle Shift ในการควบคุมเกียร์ เพื่อเรียกกำลังจากเครื่องยนต์ก็สามารถทำได้เพียงปลายนิ้ว ได้ในโหมดการขับขี่ D ทันที หากต้องการความเร้าใจในการขับมากขึ้น โหมด S ก็พร้อมตอบโจทย์ได้อย่างดี หรือใครที่เน้นอัตราประหยัดและไม่ได้เร่งรีบอะไร ก็เลือกเปิดโหมด ECON ช่วยประหยัดกันได้ตามต้องการ จุดหมายแรกเราแวะพักจิ๊บกาแฟกันเล็กน้อยที่ ร้านกาแฟคนรักษ์สวน จุดนี้เองทางฮอนด้าได้จัดกิจกรรมให้ทีมงานและผู้ร่วมเดินทางทุกท่านได้สัมผัสกับความอเนกประสงค์และความจุสัมภาระ

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มาพร้อมช่องวางขวดน้ำถึง 6 จุด เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60/40 ห้องเก็บสัมภาระท้ายขนาดใหญ่จุได้มากถึง 536 ลิตร และยังได้ถูกเพิ่มเติมไฟอ่านแผนที่ และไฟส่องสว่างภายในแบบ LED แผงคอนโซลหน้าตกแต่งใหม่ด้วยสีดำ Gun Metallic ระบบจอสัมผัสใหม่ รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สายผ่าน Bluetooth สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Andriod และ iOS พร้อมลำโพง 8 จุด มาตรวัดเรืองแสงใหม่สีขาว และโทนสีห้องโดยสารสีดำทุกรุ่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติใช้งานง่ายผ่านระบบสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ปุ่ม Push Start ใหม่ รวมไปถึงคันเบรกมือและที่เปิดประตูในรถ ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม เพิ่มเติมความหรูหราให้มากขึ้น

เดินทางกันต่อไปยังจุดหมายต่อไปที่ เดอะซีนเนอร์รี่ รีสอร์ท เพื่อทานอาหารกลางวัน ในช่วงการเดินทางนี้ถนนส่วนใหญ่เป็นเลนสวน มีรถบรรทุกใหญ่และรถชาวบ้านเป็นระยะ จึงต้องมีการเร่งแซงหลายๆ จังหวะ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ก็สามารถตอบสนองได้อย่างมั่นใจทุกครั้งในการเร่งแซง พร้อมทั้งการควบคุมพวงมาลัยในช่วงใช้ความเร็วก็ให้ความมั่นใจแก่ผู้ขับ น้ำหนักไม่หนักหรือเบามากจนเกินไป ทำให้ตลอดการเดินทางไม่รู้สึกเมื่อยล้าจากการคุมพวงมาลัย รวมไปถึงครั้งที่ต้องมีการเบรกรถกะทันหัน ก็สามารถชะลอหรือหยุดรถได้อย่างมั่นใจ และด้วยระบบความปลอดภัยที่ทางฮอนด้าใส่มาให้ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) และ ISOFIX & Child Anchor จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น และเพิ่มถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด ในรุ่น SV+ รวมไปถึงกล้องมองภาพขณะถอยหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (รุ่น V+, SV และ SV+) อีกด้วย

ไม่นานเราก็เดินทางมายังจุดหมาย ณ เดอะซีนเนอร์รี่ รีสอร์ท รับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อย ก็พร้อมออกเดินทางล้อหมุนกันต่อ ไปทำอีกหนึ่งกิจกรรมสุดท้ายของทริปนี้ ที่ โคโรฟิลด์ ฟาร์มเมล่อนออร์แกนิค เรียนรู้วิถีธรรมชาติการปลูกอย่างปลอดภัย พร้อมกับการตกแต่งต้นบอนไซ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ช่วงเดินทางสุดท้ายนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงหนึ่งที่เราได้สัมผัส Honda City ใหม่ กันอย่างเต็มๆ ขับขี่บนถนนเลนสวน 2 เลน และถนนหลัก 4 เลน เจอกับทั้งการจราจรที่หนาแน่นและทางโล่งๆ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ สามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดี อีกทั้งระบบความบันเทิงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในรถที่ครบครัน ทำให้การเดินทางตลอดระยะทางกว่า 350 กิโลเมตร เป็นไปอย่างสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน

Honda City ใหม่ ได้ถูกยกระดับความหรูหราและความสปอร์ตให้มากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ถือเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมตอบโจทย์ผู้บริภาคได้มากยิ่งขึ้น ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน สมรรถนะการขับขี่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยในการขับขี่ต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่าลงตัว ในราคาที่น่าคบหา ทั้งหมดนี้ก็เหลือเพียงแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะไปสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ คุณเท่านั้นที่จะตอบคำถามในใจ กับ New Honda City เหนือกว่าที่สุด คือที่สุดในทุกด้าน

 

New Honda City มีทั้งหมด 6 รุ่น ดังนี้

• รุ่น SV+ CVT                 ราคา 751,000 บาท
• รุ่น SV CVT                   ราคา 736,000 บาท
• รุ่น V+ CVT                   ราคา 689,000 บาท
• รุ่น V CVT                     ราคา 649,000 บาท
• รุ่น S CVT                      ราคา 589,000 บาท
• รุ่น S MT                        ราคา 550,000 บาท

สีภายนอกให้เลือก 6 สี ได้แก่ - สีน้ำเงิน Cosmic Blue (เมทัลลิก) (สีใหม่) - สีเงิน Lunar Sliver (เมทัลลิก) - สีขาวมุก White Orchid - สีเทา Model Steel (เมทัลลิก) - สีดำ Crystal Black (มุก) - สีขาว Taffeta White

 

เรื่องและขับทดสอบโดย รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ (toptaro)

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com


 

5 เรื่องน่าสนใจ