ไฟตัดหมอก..ใช้อย่างเข้าใจ....มีประโยชน์กว่าที่คิด

  • โดย : Autodeft
  • 24 มิ.ย. 58
  • 36,731 อ่าน

รู้ลึกอีกครัง เรื่องของการใช้ไฟตัดหมอก... เราควรใช้งานมันอย่างไร จึงจะถูกต้อง ปลอดภัย และได้ประโยชน์

 

 

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

 

ด่ากันทั่วเมืองจนหลายคนเอือมละอา และยังไม่มีทางแก้กันอย่างชัดเจนกับๆฟตัดหมอก อุปกรณ์ออพชั่นเสริมเพื่อการส่องสว่างยามค่ำคืนของตัวรถ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อนว่ามันต้องใช้อย่างไร แค่คิดเอาเหมาะว่า เขามีให้ก็น่าจะเปิดใช้ทั้งหมด ทั้งที่ควรจริงแล้วไฟหน้าก็เพียงพอต่อการส่องสว่างยามเดินทาง ยังมาคำถามว่า สรุป ไฟตัดหมอก...ควรจะใช้งานอย่างไร

หลายคนอาจจะใช้ไม่เป็น แต่ส่วนใหญ่จากที่เห็นได้ตามท้องถนน ต้องเรียนตาตรงว่า คนส่วนใหญ่ยังใช้ไฟตัดหมอกไม่ถูกอีกจำนวนเยอะมาก ด้วยความเข้าใจผิดบางประการ และอาจจะไม่มีความรู้เลย ทำให้ในวันนี้ถนนเมืองไทยวุ่นวาย ไปโดยปริยาย

ไฟตัดหมอก ...ในปัจจุบันอาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ของรถยนต์ ซึ่งผลิตติดชุดไฟดวงเล็กเสริมจากไฟหน้าเดิม โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้กับผู้ขับขี่ยามที่แสงสว่างอาจจะส่องสว่างได้ไม่เพียงพอตามความต้องการ

โดยไฟตัดหมอกเป็นการพัฒนาจากสปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ในอดีต แต่มีการปรับย่อขนาดให้มีความเล็กลง แม้ว่าขนาดเล็กของมันอาจจะดูไม่น่าจะช่วยในเรื่องการส่องสว่างอะไรมากมายนัก แต่ในตัวโคมไส้หลอดที่ใช้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นหลอดไส้แบบ   H3 ซึ่งเป็นไส้แบบเดียวที่ใช้กับสปอร์ตไลท์ทั่วไป ซึ่งแม้จะมีกำลังไฟ (วัตต์) น้อยกว่า แต่ประสิทธิภาพความสว่างก็ไม่ได้แตกต่างกัน และเมื่อเปิดใช้งานก็จะเพิ่มทัศนวิสัยได้มากพอสมควรเลยทีเดียว

จุดนี้เองที่ทำให้ไฟตัดหมอกถูกกร่นด่าจากสังคม โดยเฉพาะจากการใช้งานอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้บางราย เนื่องจาก ลักษณะการกระจายแสงจะเป็นการเดินทางในเชิงกว้างตามแนวนอน ด้วยความต้องการเน้นการกระจายแสงเพื่อสร้างทัศนวิสัยในการขับขี่มากขึ้น ทำให้แม้หลอดตัดหมอกจะมีขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพสูงในการทะลุทะลวง และแยงตาผู้ขับขี่ที่ขับรถสวนเลนมา หรือสะท้อนกระจกหลังอย่างชัดเจน  

ยิ่งปัจจุบัน รถยนต์บางรุ่นให้ไฟตัดหมอกหลังมาด้วย เพื่อเสริมการมองเห็นของผู้ขับขี่รถยนต์ที่ตามมาข้างหลัง ยามทัศวิสัยแย่ การใช้งานไม่ถูกต้องก็ยิ่งส่งผลให้เกิดอันตรายในการขับขี่

ตามกฎหมายการใช้งานไฟตัดหมอก ไม่ถูกต้องก็มี โดยระบุตามประมวลกฎหมายจราจรทางบก แก้ไขปี  พ.ศ.  2536   ว่า

 “ไฟตัดหมอกที่ติดตั้งในรถยนต์นั้น สามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรค อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถและต้องไม่มีรถอยู่ด้านหน้า หรือสวนมาในระยะของแสงไฟ หรือในระยะ 150 เมตร โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาวหรือแสงเหลือง ที่มีกำลังไฟไม่เกินดวงละ 55 วัตต์ เท่านั้น”

โดยบทของโทษจากการกระทำผิด...ในการใช้ไฟตัดหมอก หากตรวจพบ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับปรับเป็นเงิน   500  บาท ..แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ เนื่องจากคนจำนวนมากยังกล้าที่จะใช้ไฟตัดหมอกย่างพร่ำเพรื่อ

 

ไฟตัดหมอก..ใช้อย่างถูกต้องอย่างไร...

ทีนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่าแล้วไฟตัดหมอก จะใช้เมื่อไร..อย่างไร ด้วยรถบางรุ่นซื้อมาไม่มีไฟตัดหมอก และหรือรถที่มีก็ดูจะเป็นรถรุ่นสูงๆ เท่านั้น

เรื่องการใช้ไฟตัดหมอก แม้ว่าตัวไฟที่เราเรียก จะเรียกว่าไฟตัดหมอก ..ซึ่งมาจากการแปลภาษาว่า  Fog Lamp  แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การใช้ไฟสำรองเพิ่มทัศนวิสัย ต้องอยู่ในวิจารณญาณสำคัญของผู้ขับขี่ด้วย

แน่นอนชื่อของมันที่เราเรียกว่าไฟตัดหมอก ยังมาข้อสรุปในการใช้งานได้ทันทีว่า ไฟชนิดจะสามารถเปิดใช้ได้ในยามที่หมอกลง ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอกหนาจัดๆ อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวทางภาคเหนือ และยังพอที่ถูไถไปกับยามที่คุณอาจจะต้องขับรถผ่านควันหนาๆ เช่นควันไฟป่า หรือไฟไหม้หญ้าข้างทาง .แต่ก็ดูเหมือนว่า ช่วงเวลาที่จะได้ใช้ไฟตัดหมอกนั้นน้อย และไม่คุ้มค่าเกินไป

ที่จริงยังมีสถานการณ์บางแบบที่คุณยังสามารถใช้งานไฟตัดหมอกได้ โดยเฉพาะในหน้าฝนแบบนี้ ในยามฝนตกหนัก ไฟตัดหมอกเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยดี ยิ่งรถใครไฟหน้าเป็นแบบไฟซีนอนสีขาว กลางสายฝนแทบจะไม่มีประโยชน์อันใดในการส่องสว่าง ลองเปิดไฟตัดหมอกใช้งานจะพบว่าชีวิตดีขึ้นอีกเล็กน้อย

เช่นเดียวกันไฟตัดหมอกหลัง ก็ทำให้คุณไม่ดูเป็นคนโบราณ เปิดไฟผ่าหมากขับรถกลางสายฝนจนพาชาวบ้านงงไปตามๆกัน  แต่ไฟตัดหมอกหลังจะมีความสว่างกว่าไฟท้ายทั่วไป อีกพอสมควร จนในยามปกติ คุณสามารถเห็นรถที่เปิดไฟตัดหมอกหลังแล้วขับแบบไม่สนใจโลก ได้ในระยะ  300-400 เมตรเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดีในบางครั้ง ไฟตัดหมอกก็อาจจะใช้เป็นผู้ช่วยเหลือในบางโอกาส เช่น หลอดไฟหน้าคุณเกิดขาดขึ้นมากะทันหันในระหว่างการขับขี่ ตามต่างจังหวัดที่มีเส้นทางมืดมา การยอมใช้ไฟตัดหมอกช่วยส่องสว่างก็อาจจะพออนุโลมได้

แต่ท้ายที่สุดแล้ว.....ไม่ว่าในสถานการณ์ใดในการขับขี่ที่คุณอาจจะต้องใช้ไฟตัดหมอก ให้ถือว่า ไฟตัดหมอกควรจะปิดไว้เสมอ และ เปิดเมื่อต้องการใช้งานมันจริงๆ

 

“ไฟตัดหมอก” จะว่าไปอาจไม่ใช่ของจำเป็นที่สุดในการใช้งานรถยนต์ แต่ไฟแบบนี้ก็พอจะช่วยลดความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการขับขี่ในทัศนวิสัยอันย่ำแย่ก็พอได้ แต่ที่สำคัญไปกว่าการตระหนักว่าของแล้วต้องได้ใช้ คือวั่นช้อย่างถูกต้องอย่างไรเพื่อให้มีประโยชน์สูงสุด

 

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

 

5 เรื่องน่าสนใจ