3 Deft Drive สุดประทับใจในปี 2560 ของ Earthpark02

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 27 ธ.ค. 60
  • 16,081 อ่าน

1 ปีที่ผ่านมาของผม กับการทำงานเพื่อนำเสนอข่าวในวงการรถยนต์ที่ Autodeft กับการทดสอบรถยนต์มามากมายหลายรุ่น หลากยี่ห้อ มีทั้งชอบมาก ชอบน้อย และไม่ชอบในแต่ละรุ่น และเมื่อรำลึกย้อนถอยหลังไปตลอดปีนี้ แล้วก็ประมวลดูว่า รุ่นไหนบ้างนะที่เราประทับใจมากที่สุด เลยเอามาบอกกันต่อให้เพื่อนๆได้รู้กันด้วยครับ

Toyota Camry

Toyota Camry 2.5 HV Premium
การทดสอบรถยนต์ระบบ Hybrid กับรุ่น Toyota Camry 2.5 HV Premium ในปีนี้ ที่เอามาเป็นจุดประสงค์หลักก็คือ มีคนเคยถามเข้ามาว่า ใช้รถอยู่แถวต่างจังหวัด รถไม่ได้ใช้งานในช่วงรถติดมากซักเท่าไหร่ ถ้าจะใช้รถยนต์ระบบ Hybrid มันจะประหยัดเหมือนใช้ในเมืองมั้ย เอาจริงๆข้อมูลตรงนี้ตอนแรกก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าจะประหยัดหรือเปล่า ก็เลยตัดสินใจคุยกับน้องๆในทีมว่า เราลองเอามาทดสอบกันดีมั้ย ว่าวิ่งทางไกลมันประหยัดได้ดีเหมือนกับการใช้ในเมืองหรือเปล่า สุดท้ายก็ตัดสินใจเอามาทดสอบ และเพื่อให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น เลยเอา Toyota Camry 2.5G มาทดสอบความประหยัดไปพร้อมกันซะเลย เพื่อให้เห็นว่าระบบ Hybrid ช่วยได้มากขนาดไหน

Toyota Camry

ที่ประทับใจ ต้องบอกว่าเป็นรถยนต์ Hybrid ที่อุปกรณ์ความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบเครื่องจริงๆ ทั้งตัวเบาะที่เป็นหนังนั่งนุ่มสบาย ตัวรถกว้างขวาง เบาะเป็นระบบไฟฟ้าทั้ง 4 ที่นั่ง ย้ำว่าทุกเบาะจริงๆ เพราะเบาะหลังก็สามารปรับให้เอนได้ด้วยไฟฟ้าเช่นกัน แอร์แยกเป็น 3 โซน คือด้านหน้า 2 ข้างและด้านหลังอีก 1 ซึ่งด้านหลังตรงเบาะเท้าแขนตรงกลาง มีปุ่มควบคุมได้ทั้งแอร์, เครื่องเสียง, ม่านไฟฟ้า และแน่นอนเบาะที่นั่งด้านหลัง เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนนั่งหลังได้มากจริงๆ เหมาะกับเป็นรถยนต์ผู้บริหาร

เรื่องความปลอดภัยก็มีอุปกรณ์ครบ ทั้งเซ็นเซอร์รอบคัน, กล้องมองหลัง, ระบบเตือนมุมบอดด้านข้าง  BSM, ระบบเตือนการออกนอกเลน Lane Departure Warning และอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งระบบ Dynamic Radar Cruise Control ที่ช่วยปรับระดับความเร็วได้อัตโนมัติ ตัวรถนั้นขับง่าย ขับสบาย ช่วงล่างทำได้ดี มีความนุ่มนวลแต่หนึบ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้ฉลาดมาก ช่วยเข้ามาทำงานแบบไฟฟ้าล้วนในย่านความเร็วสูงมากถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเมื่อกดคันเร่งแรงๆ มอเตอร์ก็เข้ามาช่วยให้การออกตัวดีกว่าแบบเครื่องยนต์ล้วนๆอีกด้วย

Toyota Camry

สุดท้ายกับอัตราประหยัด ผมทดลองใช้ในเมืองได้ 10.8 กิโลเมตร/ลิตร กับการจราจรแสนติดขัดในกทม. กับนอกเมืองเส้นทางกรุงเทพฯ-จันทบุรี ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร ได้ที่ 17.1  กิโลเมตร/ลิตร เมื่อเทียบกับที่น้อง TopTaro ขับตามไปพร้อมกันในตัว  Toyota Camry 2.5G จะได้ในเมือง 6.8 กิโลเมตร/ลิตร และนอกเมือง 9.56 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า เมื่อใช้ทางไกลนอกเมืองก็ประหยัดได้เช่นกัน ภาพรวมจึงออกมาน่าพอใจมากสำหรับผม และช่วยไขข้อข้องใจส่วนตัวได้เช่นกันว่าระบบ Hybrid ขับไปไหนก็ประหยัดกว่า ราคาค่าตัวที่ 1,849,000 บาท ผมว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากจริงๆ

ชมคลิปบททดสอบเต็มของ Toyota Camry 2.5 HV Premium ได้ที่นี่

 

Porsche Panamera 4S

Porsche Panamera 4S
ในปีๆหนึ่ง โดยปกติพวกผมจะได้เทสรถยนต์ตลาดซะเป็นส่วนใหญ่ โอกาสที่จะได้ลองรถยนต์แบบหรูๆ แพงๆ นั้นมีน้อยมาก แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่ทาง ปอร์เช่ ประเทศไทย มีจดหมายเชิญเข้าไปร่วมการทดสอบ Porsche Panamera 4S Sport Saloon ตัวหรูราคา 13.5 ล้านบาท ถึงจะเป็นการทดสอบสมรรถนะในสนามทดสอบในระยะทางสั้นๆ แต่มันก็มีเรื่องประทับใจมากมายเลยครับ

Porsche Panamera 4S

ต้องบอกว่ารถยนต์ Porsche Panamera 4S Sport Saloon คันนี้มันแรงมากจริงๆ แรงระดับ 440 แรงม้า แถมแรงบิดยังอยู่ในระดับ 500 นิวตันเมตร ดังนั้นทุกแรงที่กดลงไปที่คันเร่ง มันก็จะตอบสนองกับเท้าเราได้ทันที ภายในหรูหรา นั่งสบาย อุปกรณ์ที่เรานึกออกว่าควรจะมีก็มีให้หมด การออกแบบก็สวยงามทั้งภายในภายนอก เข้าไปนั่งทีนึกว่าอยู่ในห้องนักบิน ด้านหลังก็ออกแบบเหมาะกับการเป็นรถยนต์ผู้บริหาร สามารถควบคุมหน้าจอด้านหน้าได้อย่างสบาย มีหน้าจอด้านหลังให้ทั้ง 2 ด้าน

Porsche Panamera 4S

การขับขี่ต้องถือว่าสุดยอดจริงๆ มีโหมดให้เลือกใช้หลายแบบ ปกติ, สปอร์ต, สปอร์ตพลัส ให้เหมาะกับการขับขี่ของแต่ละคน โดยการทดสอบครั้งนี้จะถูกแบ่งเป็นหลายสถานี เพื่อรีดเอาสมรรถนะที่สุดยอดของคันนี้ออกมาแสดงอย่างเต็มที่ ทั้งอัตราเร่ง, Panic Brake, Slalom และอื่นๆ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของผมที่เป็นผู้ขับขี่ทั้งหมด สิ่งที่ชอบที่สุดของการทดสอบรถยนต์คันนี้ ต้องอยู่ที่อัตราเร่งครับ เมื่อกดคันเร่งเต็มที่ รถก็ทะยานไต่ความเร็วไปได้แบบต้องร้อง "เฮ้ย" ออกมา พุ่งสู่ความเร็วระดับ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมงด้วยระยะทางไม่น่าจะเกิน 300 เมตร แต่สามารถเบรกหลบสิ่งกีดขวางด้านหน้าในระยะไม่เกิน 20 เมตรได้โดยปลอดภัย และรถยนต์ไม่มีอาการเสียหลักแต่อย่างใด มันคือสุดยอดรถยนต์ในฝันของผมจริงๆ

อ่านบททดสอบเต็มของ Porsche Panamera 4S ได้ที่นี่

 

Mazda CX-5

Mazda CX-5
รถยนต์ SUV รุ่นใหม่ที่เพิ่งออกลงตลาดได้ไม่นานอย่าง Mazda CX-5 ที่เป็นรุ่นปรับโฉมใหม่ ส่วนตัวผมได้รับจดหมายเชิญเพื่อเข้าร่วมทำการทดสอบแบบกลุ่มหลังการเปิดตัวไม่นาน เส้นทางที่ใช้นั้นคือ อุบลราชธานี-กรุงเทพฯ เป็นกลุ่มที่ 3 ในการทดสอบ  ซึ่งครั้งนี้มีโอกาสทดสอบทั้ง 2 เครื่องยนต์คือเบนซินและดีเซล แต่ตัวที่ประทับใจมากที่สุดต้องยกให้ตัว XDL หรือเครื่องยนต์ดีเซลตัวท็อปนั่นเอง

Mazda CX-5

เครื่องยนต์ SKYACTIV-D 2.2 ลิตร DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 ขั้น ให้กำลัง 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร กลายเป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในการทดสอบ เพราะมันให้กำลังลากรถขนาด SUV และผู้โดยสารตัวอวบระยะสุดท้ายไป 3 คน ไต่ระดับจาก 0 ไปถึงความเร็วย่าน 180 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้แบบไม่ฝืนกำลังเครื่อง ไหลไปได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่ตัวแรงบิดนั้นเป็นแบบ Flat Torque ที่ให้แรงบิดสูงแบบต่อเนื่องไม่เหี่ยวปลาย จะกดแซงก็ไม่มีปัญหา กดเท้าไปที่คันเร่งก็พุ่งออกไปได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าสนุกไม่พอ จะสับเกียร์ด้วยตัวเองก็ทำได้ เครื่องยนต์ให้การตอบสนองได้ดีในรถยนต์คลาส SUV ขนาดนี้

Mazda CX-5

อีกอย่างที่ถูกใจคือเรื่องการทรงตัว ถึงแม้จะอยู่ในย่านความเร็วสูง แต่การทรงตัวถือว่านิ่งดี เข้าโค้งแบบไหนก็เอาอยู่ ตัวรถไม่โยนไปโยนมา ถึงแม้ว่าตัวรถจะสูงก็ตาม คงต้องขอบคุณระบบช่วงล่าง SKYACTIV-CHASSIS และระบบ G-Vectoring Control และระบบขับเคลื่อน AWD ที่ให้ความนุ่มนวลแต่เกาะถนนอย่างดี แถมมาด้วยระบบความปลอดภัยที่จัดมาให้เต็มที่ ผ่านระบบ I-Active Sense ที่อัดแน่นด้วยระบบมากมายเหนือมาตรฐานทั่วไป เช่น ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS (Smart City Brake Support), ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support) เป็นต้น

Mazda CX-5

การออกแบบภายในก็ถูกปรับให้ดีขึ้นหลายจุด ทั้งแท่นเกียร์ที่ถูกยกให้สูงขึ้น ทำให้อยู่ในระดับที่เอื้อมไปเปลี่ยนเกียร์ได้ง่ายขึ้นกว่าเจนก่อน, ตัวหน้าจอแสดงผลที่เคยเป็นจอพลาสติกก็ตัดออก เป็นการส่องไปที่กระจกหน้าแทน, เบาะหลังปรับเอนได้, มีจุดชาร์จ USB 2 ช่อง, มีแอร์หลัง, ซันรูฟ เป็นต้น แถมยังมีชุดลำโพงจาก Bose อีก 10 ตัว โดยมีการเพิ่ม Subwoofer เข้ามาที่ท้ายรถด้วย และสุดท้ายที่ถูกใจ คือการเก็บเสียงที่ทำได้ดีขึ้นกว่าตัวเดิม ทำให้การพูดคุยระหว่างข้างหน้ากับข้างหลังไม่ต้องตะโกนคุยกันเลย 

Mazda CX-5

อ่านบททดสอบเต็มของ Mazda CX-5 ได้ที่นี่

 

จริงๆยังมีอีกหลายรุ่นที่ได้ทดสอบแล้วประทับใจ อย่างเช่น Porsche Macan Turbo ที่ได้ไปลุยทดสอบกันถึงสิงคโปร์, Ford Ranger ที่ได้ไปลุยกันจริงๆที่ป่ากาญจนบุรี เป็นต้น แต่ที่เลือก 3 รุ่นที่กล่าวออกมานี้ ต้องบอกว่ามันมีเรื่องของอารมณ์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ได้หมายความว่าที่ไม่ได้กล่าวออกมาจะเป็นรถยนต์ที่แย่กว่าหรือสู้ 3 คันนี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าเป็นการเลือกจากความรู้สึกส่วนตัวก็แล้วกันครับ ส่วนในปีหน้าพวกเราทีมงาน Autodeft ก็จะพยายามทดสอบรถยนต์ให้ได้มากและละเอียดมากที่สุด เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกคนได้นำไปใช้อย่างเป็นประโยชน์มากที่สุดครับ ผมขอสัญญา
Earthpark02

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ