วิจัยชี้ ขับรถทุกวันสะดวกจริง แต่สภาพจิตใจย่ำแย่...

  • โดย : Autodeft
  • 23 ก.ย. 57
  • 11,947 อ่าน

วิจัยจากประเทศอังกฤษเก็บข้อมูลนานกว่า 18 ปีเผยคนเมืองนักขับสภาพจิตใจย่ำแย่เหตุรู้สึกสันโดษไม่ได้เข้าสังคม ชี้เดินหรือปั่นจักรยาน ตลอดจนใช้บริการรถสาธารณะ ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น นอนหลับเต็มตื่น และชีวิตดูมีค่ามากขึ้น

 

 

ทุกวันนี้ในบ้านเรามองว่าการขับรถไปยังสถานที่ต่างๆ ถือว่าเป็นการสร้างความสะดวกให้กับตัวเอง บ้างมองว่าการมีรถขับเป็นการสร้างฐานะให้ตัวเองดูดีไปด้วยแต่ใครจะคิดว่า การที่เรายึดติดกับการขับรถทำให้สุขภาพจิตแย่ก็เป็นไปได้

ถามองบนพื้นฐานความจริงที่เราต้องเจอคนจำนวนมากที่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ต่างกัน ความวุ่นวายบนถนน และท้ายสุดสภาพการจราจรที่ชวนหงุดหงิด การขับรถยนต์อาจจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่เราคิด ในขณะที่เราอาจจะติต่างไปเอง การวิจัยล่าสุดในอังกฤษกลับช่วยเรายืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว

งานวิจัยชิ้นใหม่ล่าสุดจากแดนผู้ดีชี้ว่า การขับรถยนต์เดินทางทุกวันในเขตเมืองไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย และมันทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ โดยจากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยแองเลียตะวันออก ที่ทำการเก็บข้อมูลมานานกว่า 18  ปี จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนชาวเมืองในประเทศอังกฤษกว่า 18,000 คน ถูกเปิดเผย Factcoexit

พบว่า คนที่เดนิทางโดยวิธีการอื่นๆนอกจากการขับรถยนต์ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะปั่นจักรยาน เดิน หรือใช้การโดยสารสาธารณะ กลับเป็นผู้ที่มีความสุขมากกว่าผู้ที่ขับรถยนต์ด้วยตัวเองเสียอีก

โดยจากการศึกษายังชี้ว่าผู้ที่ไม่เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว มีความรู้สึกหลับเต็มตื่นมากขึ้น รู้สึกว่าชีวิตพวกเขามีคุณค่ามากขึ้น และยังสามารถขจัดความรู้สึกไม่มีความสุขทั่วไปได้เป็นอย่างดีด้วย

และที่น่าแปลกใจแม้ว่าบริการรถสาธารณะจะมีบ้างที่ไม่สามารถตอบโจทย์การเดินทาง อาจจะเพราะการบริการที่ไม่ดีและขาดช่วง ทำให้เกิดความเครียดระหว่างการเดินทางบ้าง แต่ท้ายที่สุดคนที่เดินทางโดยการโดยสารสาธารณะกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น พวกเขาคิดว่า พวกเขาได้สังคมและบ้างคิดว่าได้พักผ่อนในระหว่างการเดินทาง

แต่กับผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะด้วยตัวเองกลับต่างกันตรงที่ พวกเขาต้องมีสมาธิในการขับอยู่ตลอดเวลา และท้ายที่สุดบ้างรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวในสังคม

อย่างไรก็ดี การศึกษาที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษนี้กลับมีเรื่องที่น่าแปลกใจ เมื่อพบว่าชาวอังกฤษชอบเดินมากเป็นพิเศษ โดยจากการสำรวจหากชาวเมืองคนไหนเดินมากขึ้น พวกเขาจะมีความสุขมากขึ้น และทุกๆ  10  นาที ที่พวกเขาได้เดิน พวกเขาจะมีคะแนนความสุขที่ดีขึ้น ต่างจากคนขับรถที่จะมีคะแนนความสุขลดลงทุกๆ 10  นาทีที่นั่งหลังพวงมาลัย

แม้การวิจัยชิ้นนี้จะมาจากอังกฤษ แต่ก็ชี้ชัดว่า การขับรถอาจจะช่วยให้คุณสะดวกจริง แต่เช่นเดียวกัน อาจจะขาดความเป็นมนุษย์ที่ต้องการสังคมและรู้สึกโดเดี่ยวก่อความเห็นแก่ตัว ดังนั้นหากมีโอกาส วันไหนไม่รับละทิ้งรถยนต์ที่ขับเสียบ้างหันมาใช้รถสาธารณะบ้างถ้าคุณมีโอกาสทำได้

 

ที่มา  Factcoexit

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ