ปากต่อปาก อิทธิพลเก่าที่ยังไม่เคยจางหายในการซื้อรถยนต์ยุคนี้

  • โดย : Autodeft
  • 29 ธ.ค. 57
  • 6,236 อ่าน

รายงานวิจัยการซื้อรถยนต์ในอินเดียชี้ การบอกแบบปากต่อปาก ยังคงเป็นอิทธิพลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อรถยนต์ในยุคนี้

 

 

ทุกวันนี้ คงถึงเวลาที่เราต้องยอมรับแล้วว่า กระบวนการซื้อรถยนต์ที่เรารู้จักกันมายาวนานนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยสิ้นเชิงจากครั้นเมื่ออดีตที่เรารู้จักกันมา โดยเฉพาะด้วยยุคข้อมูลข่าวสารที่แพร่หลายทำให้หลายคนสามารถติดตามข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นโจทย์ที่ทำให้เราหลายคนต่างสามารถตัดสินใจอะไรหลายอย่างได้ดีขึ้นกว่าเดิม

เราอาจจะคิดว่าเราสามารรถรู้สึกได้ แต่ความจริงแล้วมันอาจจะเป็นจริงมากกว่านั้นเสียอีก โดยเมื่อเร็วๆนี้มีรายงานจากอินเดียออกมาชี้ว่า การสื่อสารที่ทันสมัยมนยุคนนี้กำลังพาค่ายรถยนต์ทั้งหลายกลับสู่วังวนเดิม  เมื่อการบอกปากต่อปาก เป็นอิทธิพลสำคัญต่อการตัดสินใจ

เมื่อเร็วๆนี้ Deloitte India ได้เปิดการวิจัยในหัวข้อเรื่อง “Driving Through the Consumer’s Mind: Steps in the buying process” ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยวิธีการซื้อรถยนต์ของลูกค้าในประเทศอินเดีย โดยมันรวมตั้งแต่ขึ้นการตัดสินใจ ลูกค้าไปโชว์รูม  ไปจนถึงการค้นข้อมูล และ ตอบโต้กับสิ่งที่ตัวแทนจำหน่ายทั้งหลายต่อนำเสนอ เพื่อให้พวกเขาได้ข้อเสนอดีที่สุด ในการซื้อรถยนต์

จากการสำรวจกับคนจำนวนกว่า 1,813  คน ในอินเดีย โดยในจำนวนนี้กว่า 59%  เป็นกลุ่มคนใน Gen Y   ซึ่งมีอายุระหว่าง 19-36  ปี   และในจำนวนเดียวกัน มีผู้ตอบแบบสอบถามเป็น Gen X   หรือคนที่มีอายุระหว่าง  37-48  ปี   22 %  รวมถึง ยังมีคนที่เป็นกลุ่ม   Baby Boomer  หรือกลุ่มลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่  49 -  67  ปี  อีกร้อยละ  16

ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวชี้สิ่งสำคัญในเรื่องของปัจจัยในการซื้อรถยนต์ของชาวอินเดีย ว่า ในปัจจุบันการบอกแบบปากต่อปาก รวมถึงบทความประเภท   Review รถยนต์ นั้นมีอิทธิพลอย่างสูงมากต่อการตัดสินใจของลูกค้าที่มองหารถยนต์ในขั้นตอนการตัดสินใจ  ในขณะที่ปัจจุบันบทบาทของตัวแทนจำหน่าย หรือ สื่อสังคมออนไลน์

ในขณะที่อีกพฤติกรรมสำคัญของกลุ่มลูกค้า คือพวกเขาพยายามที่อยากขอลองขับทดสอบรถยนต์คนที่สนใจ โดยกว่า 70 %  เผยว่าการทดลองขับมีส่วนช่วยในการตัดสินใจที่ดี แต่ในการเยือนตัวแทนจำหน่ายแต่ละครั้ง ลูกค้านั้นจะไม่ใช้เวลาในการเลือกดูรวมถึงทดลองขับนานมากมายนัก และจะใช้เวลาเฉลี่ยเพียง   45   นาทีต่อการเยือนหนึ่งครั้งเท่านั้น

อย่างไรก็ดีปัจจุบันลูกค้าจำนวนมากมองหา ความคุ้มค่าและราคาจำหน่ายที่เหมาะสม โดยเฉพาะตัวลูกค้าเองหรือคนที่แนะนำให้กับคนที่พวกเขามองหารถยนต์คันใหม่อยู่ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเจ้าของรถคันนั้นหรือไม่  ซึ่งหมายถึงผู้ผลิตต้องพยายามสร้างสัมพันธ์มากยิ่งขึ้นในการสร้างอารมณ์ที่ในการซื้อระหว่างผู้ซื้อและผู้ชายที่ดี

ด้านกลุ่มผู้ซื้อรถยนต์ครั้งแรก มักจะให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากกว่าถึง  8  เท่าเทียบกับภาพลักษณ์ตราสินค้าที่ดูดีเมื่อขับขี่บนถนน ในขณะที่คนซื้อรถยนต์ซ้ำสอง เทคโนโลยี และความนุ่มนวลในการขับขี่ มีความสำคัญมากกว่า 3  เท่าเมือเทียบกับภาพลักษณ์ที่ดูดีของตราสินค้า

โดยในส่วนกระบวนการค้นข้อมูล ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้เวลาในการค้นคว้าข้อมูลรถยนต์กว่า 10  ชั่วโมง จากสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะบทความรีวิวรถยนต์ และจะมีการเปรียบเทียบ รถยนต์ที่พวกเขาคิดว่ามีความสามารถในการตอบสนองของพวกเขา ได้ในระหว่างรุ่นและยี่ห้อ แต่ท้ายสุดแล้วลูกค้าผู้ชายจะใส่ใจในเรื่องการค้นข้อมูลมากกว่าผู้หญิง

ด้านการเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจซื้อลูกค้ากว่า 50 % เผยว่า ก่อนการตัดสินใจพวกเขามีการเปรียบเทียบรถยนต์ระหว่างยี่ห้อมากถึง 4  ยี่ห้อ กว่าที่จะเดินดุมเข้าไปซื้อยี่ห้อเดียวที่ตัดสินใจเอาไว้ ในขณะที่อีกกว่า 40 %  เผยว่าพวกเขามีการเปรียบเทียบมากถึง   3  ยี่ห้อ  เลยทีเดียว
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ตัวแทนจำหน่ายสูญเสียลูกค้าคือการโฆษณาที่โอเวอร์มากไปของตัวสินค้าเอง รวมถึงกระแสปากต่อปากในสังคมออนไลน์ที่มีต่อผลิตภัณฑ์ ที่พวกเขาตัดสินใจ

แม้ว่ารายงานนี้อาจจะมาจากประเทศอินเดีย แต่สิ่งสำคัญมันแสดงถึงพฤติกรรมผู้ซื้อรถยนต์ยุคนี้ว่ามีการเปลี่ยนไปอย่างมากในยุคนี้ ..

 

ที่มา  Indian Autoblog

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ