FLYING SPUR HYBRID อัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดานที่ดีที่สุดของเบนท์ลีย์

  • โดย : PR Autodeft
  • 24 พ.ค. 65
  • 3,410 อ่าน

(ครูว์ 3 พฤษภาคม 2565) New Flying Spur Hybrid ถือเป็นอัครยนตรกรรมแกรนด์ทัวริ่งแบบไฮบริดรุ่นที่สองที่ได้รับการยอมรับให้เป็นอัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดานที่ทรงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเบนท์ลีย์ ซึ่งมีตัวเลขอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยเพียง 75 กรัม ต่อ กิโลเมตร รับรองโดยมาตรฐาน WLTP

• Flying Spur Hybrid ได้รับการยอมรับให้เป็นอัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดานที่ดีที่สุดของเบนท์ลีย์

• อีกก้าวบนเส้นทางของเบนท์ลีย์สู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูที่ยั่งยืนที่สุดของโลก

• อัตราการปล่อยมลพิษ 75 กรัม ต่อ กิโลเมตร (WLTP) ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของเบนท์ลีย์

• วิ่งเป็นระยะทางรวมกว่า 805 กม. และ กว่า 41 กม. สำหรับการใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า (WLTP)

• ระบบส่งกำลังแบบใหม่มอบสมรรถนะอันโดดเด่น โดยไม่ลดทอนสัมผัสแห่งความหรูหรา

• พละกำลังกว่า 536 แรงม้า แรงบิดกว่า 750 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 ความจุกระบอกสูบ 2.9 ลิตร และ มอเตอร์ไฟฟ้าขั้นสูง 

• Flying Spur Hybrid พร้อมรับคำสั่งจองแล้วในสหราชอาณาจักร ยุโรป รวมถึงเอเชียและประเทศไทย

• อัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดาน Flying Spur มาพร้อมเครื่องยนต์รุ่น V8, W12, Hybrid และ รุ่นพิเศษ Mulliner

การเปิดตัวของ Flying Spur Hybrid ได้ก่อให้เกิดอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ไฮบริดเป็นครั้งแรก เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนแบบครบวงจร และการเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมชั้นนำที่ยั่งยืนของโลก หลังจากที่ได้รับการรับรอง Flying Spur Hybrid พร้อมรับคำสั่งจองในสหราชอาณาจักร ยุโรป และเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยภายในปี 2567 อัครยนตรกรรมทุกรุ่นจะมีให้ครอบครองในรูปแบบของเครื่องยนต์ไฮบริด ก่อนการเปิดตัวอัครยนตรกรรมไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) รุ่นแรกของเบนท์ลีย์ในปี 2568 โดยมีแผนจะเปลี่ยนสู่การผลิตอัครยนตรกรรมไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) แบบเต็มรูปแบบทั้งหมดภายในปี 2573

 

Flying Spur ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเครื่องยนต์แบบไฮบริดไม่ได้ลดทอนความหรูหราหรือประสิทธิภาพแต่อย่างใด ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ Flying Spur มาพร้อมกับความเงียบสงบในทุกโหมดของการขับขี่

การผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงและมอเตอร์ไฟฟ้า (E-Motor) ขั้นสูง มอบความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการขับขี่เพื่อการตอบสนองและประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยม เฉกเช่นเดียวกับเครื่องยนต์แบบ W12 และ V8 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 

 

ระบบส่งกำลังใหม่ที่ได้รวมเอาเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 ขนาด 2.9 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าขั้นสูง มอบพละกำลังกว่า 536 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้นกว่า 95 แรงม้า เมื่อเทียบกับ New Bentayga Hybrid อัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดาน New Flying Spur จึงกลายเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 800 กม. เมื่อเติมเชื้อเพลิงเต็มถัง

 

พละกำลังมหาศาล แรงบิดที่เหนือกว่า และการตอบสนองของคันเร่งที่รวดเร็วของเครื่องยนต์รุ่นไฮบริด ที่แตกต่างจาก Flying Spur V8 เพียงเล็กน้อย มอบอัตราเร่งที่ 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4.3 วินาที ซึ่งช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม

มอเตอร์ไฟฟ้า (E-motor) มอบพลังงานจากแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 18.0 kWh และสามารถชาร์จพลังงานได้ 100% ภายในระยะเวลาเพียงแค่สองชั่วโมงครึ่ง (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แปลงพลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงเพื่อจ่ายให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเสริมเข้ากับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้า 12v ของรถยนต์

 

ความงดงามของวัสดุและการออกแบบที่ร่วมสมัย
การตกแต่งภายในของ Flying Spur แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของเบนท์ลีย์ในการสรรค์สร้างห้องโดยสารที่ทันสมัย มอบที่สุดของความหรูหราและนวัตกรรม โดยลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีของวัสดุหนังได้กว่า 15 เฉดสี (5 เฉดสีมาตรฐาน และ 10 เฉดสีพิเศษ) และรูปแบบของไม้วีเนียร์ที่หลากหลายกว่า 8 รูปแบบเพื่อการรังสรรค์การออกแบบเฉพาะตัว ฝีเย็บและโลโก้สามารถระบุรูปแบบของการเล่นสีที่ต้องการ เช่นเดียวกับฝีเย็บที่ตัดกันบนเบาะโดยสาร ชวนให้หวนระลึกถึง Flying Spur รุ่นดั้งเดิมจากปี 2493

การรังสรรค์จากความคลาสสิคและงานฝีมือของเบนท์ลีย์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนำเสนอการออกแบบแบบร่วมสมัย อาทิ การออกแบบรูปทรงเพชรแบบ 3 มิติบนแผงหนัง และ ฝีเย็บรูปทรงเพชรบนเบาะโดยสาร ซึ่งรวมอยู่ในออปชั่น Mulliner Driving Specification

 

โดยลูกค้าสามารถระบุเฉดสีเฉพาะตัวจากเฉดสีภายนอกเพิ่มเติมอีกกว่า 60 เฉดสี รวมถึงเฉดสีจาก Mulliner และ การออกแบบตามความต้องการของลูกค้า มากไปกว่านั้น ออปชั่น Blackline Specification ยังนำเสนอการตกแต่งภายนอกแบบร่วมสมัยอย่าง ‘Flying B’ เรืองแสงสีดำสไตล์สปอร์ต

 

การเปิดตัวของ Flying Spur Hybrid เป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของเบนท์ลีย์บนเส้นทางของกลยุทธ์ ‘Beyond100’ สู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูที่ยั่งยืนที่สุดของโลก

เอเอเอสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไฮบริด ใหม่ (New Flying Spur Hybrid) กับราคาเริ่มต้นที่ 14.2 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V  

 

# # # #

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ