จีทีเอ บุรีรัมย์ คอนเฟิร์มจัด ซูเปอร์จีที 2019 ปูทางอนาคตความยิ่งใหญ่มอเตอร์สปอร์ต

  • โดย : Autodeft
  • 5 ก.ค. 61
  • 5,761 อ่าน

จีทีเอ เจ้าของลิขสิทธิ์ศึก ซูเปอร์ จีที จากประเทศญี่ปุ่น จับมือกับ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ยืนยันร่วมจัดการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที ระยะยาวในเมืองไทย ล็อกโปรแกรมช่วงเดียวกันในปีหน้า ชี้เจรจา ดีทีเอ็ม ลงตัวก่อนชิมลางหนึ่งสนามปี 2019 ขณะไทยเป็นตัวเลือกสำคัญ เผยความร่วมมือ “ไทย-ญี่ปุ่น” และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของไทย เป็นปัจจัยสร้างความสำเร็จ

Super GT

ภาพความตื่นตัวของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ณ ปัจจุบัน ราวกับหนังคนละฉากจากเมื่อ 5 ปีผ่านมา การลงทุนของผู้ผลิต การขยับตัวของทีมแข่ง การให้ความสนใจจากแฟนๆ คือสิ่งล้ำค่าที่ปลุกให้เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดด และหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการเกิดขึ้นของสนามแข่งรถระดับโลกในเมืองไทย รวมถึงเกมการแข่งขันระดับโลกที่ร่วมสร้างความยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน ศึก ซูเปอร์ จีที เดินทางมาเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในเมืองไทยเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2014 พร้อมกับที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้ถูกจารึกเป็นสนามแข่งรถมาตรฐานโลก แห่งแรกของเมืองไทยในปีเดียวกัน

Super GT

ปีแรกของการแข่งขัน “ซูเปอร์ จีที” นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เพราะนี่คือการเปิดโลกมอเตอร์สปอร์ตให้แฟนๆ ที่ไม่เคยรู้จักเลยได้เข้ามาสัมผัส ขณะที่แฟนพันธุ์แท้ของกีฬาความเร็วนั้นไม่ต้องพูดถึง ความตื้นตันมันเอ่อล้น... เพราะซีรีส์อย่าง ซูเปอร์ จีที นั้นมีทั้งความเข้มข้นของการแข่งขัน รถแข่งที่ล้ำสมัย แถมยังทรงคุณค่าด้วยตำนานในแบบฉบับของแดนอาทิตย์อุทัย แม้ในปีแรกของ “ซูเปอร์ จีที” ในเมืองไทยจะยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากนัก แต่การตบเท้าเข้ามาร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่โดยภาคเอกชนก็ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ดี ว่าเราจะได้เห็นการเติบโตอย่างมั่นคงของมอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทย

Super GT

จากวันนั้นถึงวันนี้ สนามช้าง เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซูเปอร์จีที มาแล้วทั้งสิ้น 5 ครั้ง และเปลี่ยนมาใช้ชื่อรายการว่า “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ” มาแล้ว 4 ครั้ง พร้อมกับบรรยากาศแห่งความยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเมืองไทย โดย ศึก ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2018 เพิ่งดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่ศึกมอเตอร์สปอร์ตระดับตำนานของประเทศญี่ปุ่นจัดขึ้นในเมืองไทย พร้อมกับภาพการแข่งขันสุดเข้มข้น แฟนๆ หลายหมื่นคนเข้าชมไม่แตกต่างจากทุกๆ ปี ที่สำคัญกิจกรรมที่ย้อมให้ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กลายเป็นญี่ปุ่นขนาดย่อมก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟน ทั้งไทยและเทศที่เดินทางเข้าชมการแข่งขัน

Super GT

ล่าสุด นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด และ มร.มาซากิ บันโดะห์ ซีอีโอของ จีทีเอ ฝ่ายจัดการแข่งขัน ซูเปอร์จีที ได้ร่วมกันแถลงข่าวความสำเร็จในรอบ 5 ปี ที่จัดการแข่งขันในเมืองไทย และความร่วมมือในอนาคต

นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวว่า “ซูเปอร์จีที และ สนามช้างฯ อยู่คู่กันมา 5 ปี นับตั้งแต่เราเปิดใช้สนามในปี 2014 พัฒนาการต่างๆ ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะฐานแฟนชาวไทยที่มีความนิยมต่อ ซูเปอร์จีที นั้นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดชมผ่านการถ่ายทอดสดพุ่งสูงขึ้น และแน่นอนว่ามีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมาเยือนจังหวัดบุรีรัมย์มากขึ้นในช่วงการแข่งขัน ทำให้เศรษฐกิจและเมือง มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบที่คล่องตัวสูงขึ้น สร้างรายได้ให้กับชาวเมืองได้อย่างมาก”

ด้าน มร.มาซากิ บันโดะห์ เผยว่า “การแข่งขันในเมืองไทยถือเป็นหนึ่งอีเวนต์ที่สำคัญของ ซูเปอร์จีที มีการเก็บคะแนนสะสมเช่นเดียวกับทุกๆ สนาม และแน่นอนว่าทุกอย่างเข้มข้นไม่ต่างจากสนามอื่นๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตขึ้นของเมืองบุรีรัมย์ โดยเฉพาะในปีนี้จะมีโมโตจีพีมาในเดือนตุลาคม สร้างความคึกคักและทำให้ทุกอย่างพัฒนาขึ้นเร็วมากๆ โดย จีทีเอ พร้อมที่จะสนับสนุนทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้ บุรีรัมย์ พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ”

มร.บันโดะห์ กล่าวถึงการแข่งขัน ซูเปอร์จีที ในเมืองไทยสำหรับปี 2019 ว่า “ปีหน้าสนามในประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในอีเวนต์สำคัญของเรา โดยโปรแกรมฤดูกาลหน้ายังอยู่ระหว่างการจัดสรรเวลาและยื่นต่อสมาพันธ์แข่งรถในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยจะแข่งขันในช่วงเวลาเดียวกันกับปีนี้”

Super GT

นอกจากนี้ มร.บันโดะห์ ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับ ดีทีเอ็ม สุดยอดการแข่งขันซูเปอร์คาร์สุดโหดของประเทศเยอรมนีว่า “เราได้ลงนามความร่วมมือเบื้องต้นด้านกฎเทคนิคของตัวรถแล้ว โดยปี 2019 จะมี 1 สนามที่ชิมลางแข่งขันร่วมกันระหว่าง ซูเปอร์จีที และ ดีทีเอ็ม เพื่อหาความเหมาะสมต่อไปในอนาคต โดยตั้งเป้าว่าจะร่วมแข่งขันด้วยกันอย่างจริงจังในปี 2021 ซึ่งหนึ่งในสนามที่เล็งไว้คือที่บุรีรัมย์นั่นเอง”

ทั้งนี้ นายเนวิน ได้ทิ้งท้ายว่า “เราอยู่กันมา 5 ปี และจะร่วมงานกันต่อไปในอนาคต หวังว่าจะสร้างประโยชน์กับวงการมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทยมากขึ้นครับ อนาคตเราจะไปจัดโร้ดโชว์ โปรโมทการแข่งขันของไทยที่ประเทศญี่ปุ่น และแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นจะหลั่งไหลเข้ามาที่ บุรีรัมย์ มากขึ้น”

นอกจากการเติบโตของมอเตอร์สปอร์ตไทยแล้ว เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมยานยนต์ก็เติบโตตามไปด้วย“ในไทยมีโรงงานของค่ายรถยนต์ และชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนไทยกับคนญี่ปุ่น และแน่นอนว่าจุดนี้ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์พัฒนาขึ้นในเมืองไทย การมาของ ซูเปอร์จีที ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่ายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์กล้าที่จะลงทุนเพิ่มในเมืองไทย 5 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการพัฒนาของเมืองบุรีรัมย์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จีทีเอ ชื่นชมในการพัฒนานี้ และพร้อมจะช่วยผลักดันให้ บุรีรัมย์เติบโตในทุกๆ ด้าน”

Super GT

Super GT

Super GT

Super GT

Super GT

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

 

5 เรื่องน่าสนใจ