GEKO จับมือ SWAG ตั้งเป้าผลักดันธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเติบโตสูงสุดในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

  • โดย : รัฏฐพิชญ์ มงคลกิตติสุพรรณ
  • 28 ธ.ค. 64
  • 3,193 อ่าน

GEKO Life Pte Ltd บริษัทฟินเทคสัญชาติสิงคโปร์ผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อแบรนด์ SWAG EV แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมเจ้าแรกของสิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย GEKO จะเข้าเป็นเจ้าของ SWAG อย่างเต็มตัว ขณะที่แบรนด์ SWAG จะยังคงอยู่และดำเนินธุรกิจตามปกติต่อไป

ประเทศไทยมียอดการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางกระแสการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังคึกคักในภูมิภาคอาเซียน

ในปี 2563 อาเซียนมียอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ใหม่อยู่ที่ 14 ล้านคัน โดยในประเทศไทยเพียงประเทศเดียวมียอดสูงกว่า 1.8 ล้านคัน คิดเป็นยอดขายสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนี้มีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าราว 3,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐและการตระหนักถึงประโยชน์ของยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ไทยยังตั้งเป้าให้มีการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนให้ได้ 1 ล้านคันภายในปี 2573 อีกด้วย

SWAG ถือว่าเป็นแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าระดับแนวหน้าท่ามกลางกระแสความนิยมดังกล่าว ด้วยสถานะทางการตลาดที่ยอดเยี่ยมในไทย ในฐานะแบรนด์มอเตอร์ไซค์สุดเทรนดี้ระดับพรีเมียมที่นำเสนอมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าที่มีความโดดเด่นแก่ผู้ขับขี่ในเมือง และด้วยการร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยและบริษัทบ้านปู ส่งผลให้ SWAG สามารถขยายเครือข่ายดีลเลอร์และตั้งศูนย์ดูแลลูกค้าหลังการขายได้อย่างครอบคลุม

ปัจจุบัน มีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ SWAG โลดแล่นอยู่บนท้องถนนในประเทศไทยกว่า 250 คัน โดยมี 2 รุ่น ได้แก่ Type S และ Type X นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม 2565 SWAG ยังเตรียมเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในชื่อ Type V ที่มาพร้อมความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และระยะการวิ่งสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายและตอกย้ำความเป็นผู้นำของ SWAG ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

แม้กระแสความต้องการมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามที่ได้กล่าวมา แต่บริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคกลับมีจำกัด เนื่องจากประชาชนบางกลุ่มยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน (unbanked) หรือไม่ผ่านเงื่อนไขในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (underbanked)

ด้วยเหตุนี้ บริษัทฟินเทคผู้ให้บริการสินเชื่ออย่าง GEKO ที่เน้นให้บริการเช่าซื้อแก่ผู้ซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในประเทศไทยจึงมีบทบาทสำคัญในภาคส่วนดังกล่าว ซึ่งตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2562 จนถึงปัจจุบัน GEKO ยังเป็นแพลตฟอร์มฟินเทคผู้ให้บริการสินเชื่อระดับจุลภาคเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการเช่าซื้อแก่ผู้บริโภคด้วยการทำ e-KYC, การให้คะแนนเครดิตด้วย AI, แผนการแบ่งชำระหนี้ที่มีความยืดหยุ่นสูง, มีระบบโทเคนเพื่อการชำระเงิน ตลอดจนตั้งปณิธานในการลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างพฤติกรรมที่ดีให้แก่ผู้ขับขี่ โดย GEKO ดูแลสินเชื่อของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ต่าง ๆ รวมกว่า 350 คัน ส่งผลให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสินเชื่อสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารายใหญ่ทึ่สุดในประเทศไทย

คุณกันตินันท์ ตันวีนุกูล (เบ็น) ประธานกรรมการบริหาร GEKO ประเทศไทย กล่าวในโอกาสที่บริษัทเข้าซื้อกิจการของ SWAG ว่า "การควบรวมกิจการของ SWAG เข้ากับ GEKO เป็นการช่วยเสริมประสิทธิภาพทางธุรกิจของกันและกันโดยขยาย Ecosystems และด้วยความร่วมมือครั้งนี้ เราจะสามารถส่งมอบคุณค่าให้แก่ตลาดได้อย่างมหาศาลและยั่งยืน ผ่านการส่งมอบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคุณภาพสูงควบคู่กับบริการทางการเงินที่แตกต่าง นำไปสู่การสร้างประสบการณ์การซื้อรถที่ราบรื่นให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยผู้ซื้อยานยนต์ไฟฟ้ามักเป็นกลุ่มคนที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสูงและเป็นคนที่พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งคุณค่าที่เรานำเสนอนั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร้ที่ติ"

"เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้รวมแบรนด์ SWAG เข้าสู่เครือบริษัทของเรา เพื่อเร่งการทำตลาดในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และเราหวังว่าจะสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีไทยขึ้น มีเงินเหลือจากต้นทุนการเดินทางที่ลดลง เพราะพลังงานไฟฟ้าสามารถผลิตจาก Renewable Source ได้ ส่งผลให้ประหยัดและมีเงินเก็บมากขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิต" คุณเบ็นกล่าว

นอกจากนี้ หลังการควบรวมกิจการแล้ว SWAG และ GEKO ยังได้เตรียมเปิดระดมทุนรอบ pre-Series A ในช่วงต้นปี 2565 รวมมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 800 ล้านบาท โดยทางบริษัทจะนำเงินทุนดังกล่าวไปใช้ในการเพิ่มยอดขายให้ได้ตามเป้า ร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างบัญชีสินเชื่อ ขยายตลาด และสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ในตลาดสำคัญ ๆ

"ในปี 2565 เราคาดหวังว่าจะมีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า SWAG เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1,000 คันบนท้องถนนในประเทศไทย และอีกกว่า 500 คันบนท้องถนนของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน โดยเราจะบุกตลาดเพิ่มเติมในปี 2565 โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย" คุณเบ็นกล่าวสรุป

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ