Honda Connect นวัตกรรมใหม่เพื่อความสะดวกและปลอดภัยสำหรับลูกค้าฮอนด้า

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 7 พ.ค. 61
  • 8,809 อ่าน

ในปัจจุบัน นวัตกรรมต่างๆในรถยนต์ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บางทีซื้อรถปีนี้ ปีหน้ากลับมีรุ่นใหม่กว่าที่เพิ่มเทคโนโลยีเข้ามาอีกเพียบ ทำเอาหลายคนก็บ่นว่าเสียดายกันตามๆกัน แต่ล่าสุดกับนวัตกรรมใหม่ของฮอนด้าที่เรียกกันว่า Honda Connect กลับกลายเป็นว่ารองรับสำหรับลูกค้ารุ่นเก่าให้สามารถติดตั้งระบบใหม่นี้ได้ด้วย จะเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้มาทำความรู้จักกันครับ

Honda Connect

ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกับระบบ Honda Connect กันก่อน โดยฮอนด้า คอนเนคเป็นเทคโนโลยีที่ผสานการทำงานกับแอปพลิเคชันบนมือถือสมาร์ทโฟน ที่จะทำให้ผู้ขับขี่และรถยนต์สื่อสารกันได้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมการขับขี่แห่งอนาคตที่เทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ช่วยเตรียมความพร้อมให้รถยนต์และผู้ขับขี่ ที่ประกอบด้วยฟังก์ชั่นหลักทั้งการตรวจสอบและแจ้งเตือนสถานะความพร้อมของรถยนต์ การแสดงข้อมูลลักษณะการขับขี่ และระบบติดต่อช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้รถยนต์ และเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นในตลอดทุกการเดินทาง

Honda Connect

Honda Connect เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถยนต์สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้อย่างอัจฉริยะเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยการนำเทคโนโลยี Telematics ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะที่ผสมผสานการทำงานระหว่าง Wireless Telecommunication และ Informatics Application มาพัฒนาเพื่อควบคุมการรับส่งข้อมูลทางไกล โดยทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือสมาร์ทโฟน และกล่องอุปกรณ์รับส่งข้อมูลทางไกล (Telematics Control Unit หรือ TCU) ที่ถูกติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้า ทำหน้าที่เก็บข้อมูลสำคัญผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ เพื่อจัดเก็บและประมวลผลโดย Cloud Technology พร้อมด้วยระบบ GPS ที่ช่วยในการตรวจสอบพิกัดรถยนต์ได้อย่างแม่นยำ และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน Call Center ยังสามารถแจ้งเตือนหรือติดต่อเพื่อส่งความช่วยเหลือให้ผู้ขับขี่ได้อย่างทันท่วงที

Honda Connect

6 ฟังก์ชั่นการใช้งานหลักของ “ฮอนด้า คอนเนค” ประกอบไปด้วย
1) ฟังก์ชั่นสถานะรถยนต์ ช่วยแจ้งสถานะความพร้อมและความผิดปกติของรถยนต์และระบบต่างๆ ของรถยนต์เมื่อเปิดสวิตช์กุญแจก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ได้แก่
• ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่
• อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น
• ระบบไฟฟ้า
• ระบบเบรก
• การแจ้งเตือนการบำรุงรักษา เพื่อให้ผู้ใช้ได้ดูแลรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งสามารถเรียกดูได้ทั้งประวัติการเข้ารับบริการและกำหนดการเข้ารับบริการครั้งถัดไป
2) ฟังก์ชั่นข้อมูลลักษณะการขับขี่ ที่จะบันทึกข้อมูลการขับขี่และแสดงผลพฤติกรรมการขับขี่ต่างๆ ที่สามารถให้แสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี ประกอบด้วย
• ระยะทางการขับขี่
• ช่วงเวลาการขับขี่
• อัตราความเร็วสูงสุด
• อัตราความเร็วเฉลี่ย
• การเบรกและการเร่งกะทันหัน
• การบันทึกประวัติการเดินทางในแต่ละครั้ง โดยสามารถตั้งค่าให้เป็นทริปโปรด และสามารถแชร์ในเฟซบุ๊กได้อีกด้วย

Honda Connect

3) ฟังก์ชั่นตรวจสอบพิกัดรถยนต์
• สามารถขอพิกัดของรถยนต์ (Find My Car) ได้โดยผ่านฟังก์ชั่นแสดงพิกัดรถยนต์ เมื่อเลือกฟังก์ชั่นขอพิกัดรถยนต์ ระบบจะทำการส่งพิกัดไปยังอีเมลที่ลงทะเบียนไว้ (เพื่อความเป็นส่วนตัวของข้อมูล)
• ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงพิกัดรถยนต์ หรือสายไฟแบตเตอรี่ของรถยนต์ถูกตัด ระบบจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนความผิดปกติมาที่ฟังก์ชั่นสถานะพิกัดรถยนต์ในแอปพลิเคชันบนมือถือ
4) ฟังก์ชั่นติดต่อเพื่อช่วยเหลือฉุกเฉิน
• เมื่อถุงลมทำงานในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ระบบจะส่งสัญญาณไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า (Honda Call Center) เพื่อติดต่อและประสานงานให้ความช่วยเหลือไปยังเบอร์โทรที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรสำรองฉุกเฉิน หากไม่สามารถติดต่อได้ ระบบจะทำการติดต่อหน่วยบริการการช่วยเหลือฉุกเฉิน (1669) เพื่อให้เข้าช่วยเหลือทันที
• ในกรณีเหตุฉุกเฉินอื่นๆ ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปที่ฟังก์ชั่นเบอร์โทรสำคัญสำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น ศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า สถานีตำรวจ รถพยาบาล บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง รวมทั้งบริษัทประกันภัย เพื่อบริการประสานงานความช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งสามารถแก้ไขและตั้งค่าได้ตามความต้องการ
5) ฟังก์ชั่นค้นหาและแชร์การเดินทาง ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันแผนที่ เพื่อค้นหาเส้นทางหรือสถานที่ใกล้เคียง โดยสามารถทำการบันทึกสถานที่ที่ใช้ประจำ เพื่อช่วยในการนำทางไปยังจุดหมายได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกทั้งสามารถแชร์บันทึกการเดินทางพร้อมภาพถ่ายบนเฟซบุ๊กส่วนตัว และรายละเอียดอื่นๆ ประกอบด้วย
• แสดงพิกัดรถยนต์
• สถานที่ใช้งานประจำ
• ผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า
• สถานีบริการน้ำมัน
• ตู้เอทีเอ็ม
• ร้านสะดวกซื้อ
6) ฟังก์ชั่นข่าวสารและสิทธิพิเศษ ทำหน้าที่ให้บริการแจ้งข้อมูลข่าวสารและสิทธิพิเศษต่างๆ รวมถึงแจ้งเตือนการต่อประกันภัยและภาษีรถยนต์ล่วงหน้าให้กับผู้ใช้งาน

Honda Connect

สำหรับลูกค้าฮอนด้าที่ต้องการติดตั้งระบบ Honda Connect สามารถติดต่อศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ เพื่อนัดหมายและนำรถยนต์ฮอนด้าเข้าไปติดตั้งกล่อง TCU เข้ากับตัวรถยนต์ฮอนด้า โดยกล่อง TCU สำหรับฮอนด้า คอนเนค พร้อมจำหน่ายในราคา 5,900 บาท ฟรีค่าติดตั้ง และค่าสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์เพื่อการส่งข้อมูลรายปี รวม 2 ปี ส่วนค่าใช้จ่ายหลังจากนั้น ทางฮอนด้าแจ้งว่าไม่น่าจะเกินปีละ 1,500 บาท มีรุ่นที่สามารถติดตั้งระบบนี้ได้ดังนี้ครับ

รุ่นรถยนต์

ปี

บริโอ้ / บริโอ้ อเมซ

2016-2017

ซิตี้ / แจ๊ซ

2014-2017

โมบิลิโอ

2014-2017

บีอาร์-วี

2016-2017

ซีวิค

2012-2017

ซีวิค แฮทช์แบ็ก

2017

เอชอาร์-วี

2015-2017

ซีอาร์-วี

2012-2017

แอคคอร์ด

2013-2017

โอดิสซีย์

2014-2017

หมายเหตุ :  รุ่นรถยนต์ที่ยังไม่สามารถรองรับนวัตกรรม “ฮอนด้า คอนเนค” ได้แก่
• รถยนต์ไฮบริด - แอคคอร์ด ไฮบริด, ซีวิค ไฮบริด และแจ๊ซ ไฮบริด
• รถยนต์นำเข้า – ฟรีด, สเตปแวกอน และ ซีอาร์-ซีร์

เอาจริงๆแล้ว ถ้าเทียบกับเทคโนโลยี, ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่ได้มา แลกกับเงินเพียง 5,900 บาท ต้องถือว่าคุ้มมากๆ เอาแค่มันช่วยติดตามการโจรกรรมได้ เท่านี้ก็คุ้มเกินคุ้มแล้วล่ะครับ

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ