เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดงานแสดงรถยนต์ประจำปี Mercedes-Benz StarFest 2018 ทัพรถหรูอวดโฉมทั่วประเทศ พร้อมให้สัมผัสสมรรถนะจัดเต็ม

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 24 ส.ค. 61
  • 5,961 อ่าน

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสีสันการตลาดครึ่งปีหลัง จัดงานแสดงรถยนต์ Mercedes-Benz StarFest 2018 แบบคาราวานทั่วประเทศไทย ขนทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Mercedes-Benz S-Class Coupé และ Mercedes-Benz S-Class Cabriolet พร้อมด้วยรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อื่นๆ อีกกว่า 7 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ทั้ง Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car, SUV และ Mercedes-AMG

Mercedes-Benz StarFest 2018

มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในครึ่งปีหลังของปี 2018 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงยึดมั่นในแนวคิดที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของแบรนด์รถยนต์หรูในประเทศไทย โดยสำหรับกิจกรรม “Mercedes-Benz StarFest” ถือเป็นอีกหนึ่งงานแสดงรถยนต์ประจำปีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างดี ซึ่งจากฐานลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่เพิ่มมากขึ้นในทุกปี ทำให้เมื่อปีที่ผ่านมา   เราได้ริเริ่มจัดกิจกรรมสตาร์เฟสในรูปแบบของคาราวานขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วประเทศไทยได้สัมผัสยนตรกรรมอันล้ำสมัยของเรากันอย่างใกล้ชิด ซึ่งกิจกรรมนี้ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”

Mercedes-Benz StarFest 2018

“เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จที่เกิดขึ้น ในปีนี้เราจึงได้จัดงาน “Mercedes-Benz StarFest 2018” ในรูปแบบคาราวานอีกครั้ง พร้อมขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 8 แห่งทั่วประเทศ โดยเราได้เริ่มจัดงานไปแล้ว 4 แห่ง เริ่มตั้งแต่จุดหมายแรก ณ ลาน Central Court, Eden และ Dazzle ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 18-22 กรกฎาคม, ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันที่ 25-29 กรกฎาคม, ห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาสุรินทร์ ในวันที่ 2-10 สิงหาคม และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 15-20 สิงหาคมที่ผ่านมา” มร.ฟรังค์ กล่าวเพิ่มเติม

“ซึ่งสำหรับจุดหมายต่อไป คือ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-29 สิงหาคมนี้ เราได้เตรียมความพิเศษไปมอบให้กับลูกค้าในภาคใต้ทุกท่าน ด้วยการนำยนตรกรรม 2 รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา อย่าง Mercedes-Benz S-Class Coupé และ Mercedes-Benz S-Class Cabriolet มาจัดแสดงแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก รวมถึงการขนทัพรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อื่นๆ อีกกว่า 7 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ทั้ง Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car, SUV และ Mercedes-AMG ไปให้ลูกค้าดาวสามแฉกได้ชมกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ คือการเชิญตัวแทนสื่อมวลชน ร่วมกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จำนวน 5 รุ่นได้แก่ CLA 250 AMG Dynamic, E 300 Cabriolet AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD, E 350 e AMG Dynamic และ S 350 d AMG Premium ในเส้นทางกรุงเทพฯ – ภูเก็ต เพื่อเข้าร่วมชมงานสตาร์เฟสในครั้งนี้อีกด้วย” มร.ฟรังค์ กล่าวปิดท้าย

Mercedes-Benz StarFest 2018

ในเส้นทางกรุงเทพฯ – ภูเก็ต ซึ่งทางทีมงานได้โอกาสสัมผัสกับทั้ง CLA 250 AMG Dynamic และ E 350 e AMG Dynamic กับระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร ในรูปแบบการเดินทางแบบคาราวาน ต้องบอกเลยว่าเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างไกล แต่ด้วยสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์ Mercedes-Benz แล้วนั้น จะทำให้คุณสนุกไปกับทุกจังหวะในการเดินทาง 

เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพมหานครกับ  E 350 e AMG Dynamic อีกหนึ่งรถยนต์พลังบวกขับเคลื่อนประสานกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยสำหรับ E 350 e AMG Dynamic โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกสง่างามอย่างมีระดับตามแบบฉบับของรถยนต์ตระกูลอี-คลาส มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED, ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS – Intelligent Light System), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง(cornering light), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus) เพิ่มเติมความพิเศษด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนลุคให้คุณดูหนุ่มสปอร์ตเต็มขั้นเลยทีเดียว

ส่วนของภายในเบาะที่นั่งตอนหลังสามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ ซึ่งรุ่น The E 350 e AMG Dynamic จะมาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง nappa, หน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ widescreen cockpit ขนาดใหญ่ ที่มีลูกเล่นมาให้เพียบ ชนิดที่ว่าคุณจะต้องใช้เวลาในการเล่นและเลือกใช้งานฟังก์ชันต่างๆ กันได้แบบเพลินๆ ยาวๆ ไม่ว่าจะแสดงผลระบบความบันเทิง การปรับสี การเปลี่ยนรูปแบบเรือนไมล์ได้ถึง 3 แบบ แสดงระบบนำทาง เป็นต้น พร้อมระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)

โดยความบันเทิงมากับระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ระบบ COMAND Online พร้อม Controller, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad, ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) และ Android (Android Auto) รวมถึงการติดตั้งระบบแผนที่นำทาง พร้อมเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ The E 350 e มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” ระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) และระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging for mobile phone) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง ที่ให้ภาพที่คมชัดมากๆ เลยทีเดียว รวมถึงระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) และระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) โดยมีการเตือนด้วยสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงที่บริเวณกระจกมองข้าง

และสำหรับ The E 350 e นี้ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1,991 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-4,000 ต่อนาที และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 440 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุดถึง 250 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC PLUS) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ซึ่งตลอดการขับขี่กับเส้นทางลงใต้ครั้งนี้ ต้องขอบอกเลยว่าเป็นไปอย่างนุ่มสบายตลอดเส้นทาง ในจังหวะที่ต้องมีการเร่งแซงตัวรถขนาดใหญ่แบบนี้ ก็พร้อมที่จะพาคุณทะยานออกไปได้อย่างง่ายดาย กับขุมกำลังทั้งจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า เรียกได้ว่ายากที่ใครจะไล่ตามได้ทันในทันที

แม้ในช่วงที่ได้เปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารนั้น ความนุ่มนวลที่ตัวรถมอบให้ ไม่นานนักก็จะทำให้คุณต้องเผลอหลับไป บวกกับความเงียบภายในห้องโดยสาร การโอบกระชับของเบาะที่นั่ง ทั้งหมดนี้ก็จะมอบการเดินทางที่แสนสะดวกสบายให้คุณกับระยะทางที่ดูไกลไม่น้อยเลยทีเดียว โดยราคาค่าตัวของ E 350 e AMG Dynamic อยู่ที่ 4,190,000 บาท

เมื่อมาถึงช่วงก่อนเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 44 Southern Seaboard แวะพักดื่มน้ำกันเล็กน้อยก่อนมุ่งหน้ากันต่อ ทีมงานก็ได้เปลี่ยนรถมาขับน้องเล็กสุดในทริปครั้งนี้กับ CLA 250 AMG Dynamic ความรู้สึกแรกการขับต้องบอกเลยว่าคล่องตัวมากเลยทีเดียว หากถามว่าการขับขี่เดินทางไกลออกต่างจังหวะแบบนี้เป็นเช่นไร ต้องขอกบอกเลยว่าสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจแบบสบายๆ กันเลย จะใช้ขึ้นเหนือหรือล่องใต้ก็หายห่วง

โดยสำหรับรูปลักษณ์ภายนอก CLA 250 AMG Dynamic ได้รับการออกแบบให้มีความผสมผสานกันระหว่างความเร้าใจแบบสปอร์ตและความปราดเปรียว กระจังหน้า diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 18 นิ้ว, ชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง), หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ, ไฟหน้าแบบ LED High Performance, ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ในกรอบไฟหน้า และไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด 

ภายในออกแบบอย่างทันสมัย เบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต รวมถึงที่วางแขนสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง พร้อมกับประโยชน์การใช้สอยที่โดดเด่น อย่างปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push start), วิทยุ-ซีดี MB Audio 20 พร้อมจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth), ระบบรองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation SD-Card Navigation), ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) ครบครัน

ซึ่งเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการ, ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 12 สี เป็นต้น โดย CLA 250 AMG Dynamic มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200 -4,000 รอบต่อนาที  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. แม้ว่าจะไม่นุ่มนวลสบายเท่าพี่ใหญ่ แต่ก็มอบความมั่นใจในสมรรถนะการขับขี่สุดคล่องตัวเลยทีเดียว มาพร้อมราคาค่าตัว CLA 250 AMG Dynamic 2,440,000 บาท

ส่วนสำหรับคันหรูมาดสปอร์ตอย่าง E 300 Cabriolet AMG Dynamic เป็นรถเปิดประทุน 4 ที่นั่งที่ผสานรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่เร้าอารมณ์ โดย ดีไซน์ภายนอก นั้นประกอบด้วยกระจังหน้าแบบ diamond radiator grille, กระโปรงหน้าที่ทอดตัวยาว พร้อม    ช่องรับลมทั้งบนฝากระโปรงและใต้กันชนหน้าเพื่อช่วยเสริมความคล่องตัว และนวัตกรรมไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED อีกทั้งยังมาพร้อมกับหลังคา soft top แบบคลาสสิก ที่สามารถกางเปิดหรือพับเก็บได้ภายในเวลา 20 วินาที และสามารถทำงานได้ขณะรถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

ดีไซน์ภายใน ใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนังแท้ ที่มีวัสดุเสริมด้านข้างเพื่อลดแรงกระทำต่อตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อขับขี่แบบเปิดประทุน และสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรจุสัมภาระด้านหลังได้, ระบบไฟในห้องโดยสารสามารถเลือกปรับแต่งได้ถึง 64 สี, ระบบเครื่องเสียงไฮเอนท์ Burmerter® surround sound system, ระบบอินโฟเทนเม้นท์แบบ COMAND Online NTG 5.5 รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth® การคุยโทรศัพท์ผ่านลำโพงของรถ สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ และ Android Auto 

ในด้าน ความปลอดภัยและเทคโนโลยี มีระบบ DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ, ระบบป้องกันขณะรถพลิกคว่ำ และระบบ Active Brake Assist ช่วยหยุดรถให้อัตโนมัติ โดย E 300 Cabriolet AMG Dynamic ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 245 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,300-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม. ที่ 6.6 วินาที/ชม. ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. สนนราคา E 300 Cabriolet AMG Dynamic ราคา 5,190,000 บาท

มาดลุยอย่าง Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC นั้นก็มีปรัชญาทางการออกแบบที่ต้องการสื่อถึงความสวยงามและเรียบง่าย สะท้อนผ่านเส้นสายลวดลายที่โค้งมน ผสมผสานความดุดัน ความสะดวกสบาย หรูหรา เทคโนโลยีระบบรักษา ความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างลงตัว สำหรับ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD  มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System  และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic เพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ ลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลังและสง่างามไปพร้อมกัน รวมถึงเพิ่มความดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว โดยสำหรับ ดีไซน์ภายใน ถูกออกแบบโดยเน้นความหรูหรา ทันสมัย ด้วยลายไม้แบบ Open-pore brown ash wood แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิม 

โครงสร้างตัวถัง เป็นโครงสร้างน้ำหนักเบาที่ผสานด้วยการใช้วัสดุแบบอะลูมิเนียมและโลหะความทนทานสูง โดย GLC 250 d 4MATIC มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ และเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600 -1,800 รอบต่อนาที  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม. สนนราคา GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD 3,290,000 บาท

และที่สุดกับการเดินทาง S 350 d AMG Premium ยนตรกรรมหรูเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 6 สูบเทอร์โบคู่ สุดยอดนวัตกรรมที่ทำให้เครื่องยนต์ทรงพลังมากขึ้น ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น และปล่อยไอเสียน้อยลง รวมถึงคุณสมบัติอัจฉริยะมากมายที่ส่งผลให้สมาชิกลำดับล่าสุดของรถยนต์ตระกูล The S-Class ถือเป็นอีกขั้นของการพัฒนานวัตกรรมรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ โดยดีไซน์ภายนอก หรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ  3 ก้าน งามสง่าด้วยไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ULTRA RANGE ที่ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตรโดยอัตโนมัติหากไม่พบรถยนต์ที่วิ่งสวนทางมา รวมถึงไฟ daytime สำหรับขับขี่กลางวันแบบ LED 3 เส้น รับกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว 

ดีไซน์ภายใน รวมถึงบริเวณห้องโดยสารสร้างนิยามอีกขั้นของความสะดวกสบาย ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control โดยเทคโนโลยีนี้จะควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น การปรับโทนสีของไฟภายในห้องโดยสาร Premium Ambient Light ระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง รวมถึงโปรแกรมนวดของเบาะที่นั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 6 แบบ เพื่อช่วยให้คุณผ่อนคลายตลอดการเดินทาง พร้อมการตกแต่งภายในด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม รวมถึงที่นั่งตอนหลังที่มาพร้อมกับ Chauffeur Seat Package ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริหารซึ่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังได้มากยิ่งขึ้น 

สำหรับเทคโนโลยีและระบบมัลติมีเดีย มาพร้อมกับระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า ระบบแผนที่นำทาง ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย สำหรับที่นั่งด้านหน้า ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง โดย  The S 350 d AMG Premium มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,925 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 286 แรงม้า ที่ 3,400-4,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,200-3,200 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีระบบกันสะเทือนแบบถุงลม(AIRMATIC) พร้อมระบบควบคุมแบบอัตโนมัติ เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มนวล สนนราคา The S 350 d AMG Premium ราคา 6,990,000 บาท

สำหรับงาน “Mercedes-Benz StarFest 2018” จะยังคงยกคาราวานเพื่อจัดแสดงรถยนต์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยจุดหมายต่อไป คือ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ในวันที่ 4-9 กันยายน, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ในวันที่ 12-16 กันยายน และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ขอนแก่น  ในวันที่ 18-23 กันยายนนี้ ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ