แม้รถสปอร์ตจากเยอรมนีอย่าง Porsche จะเป็นสัญลักษณ์ของสมรรถนะและความประณีตระดับพรีเมียม แต่ล่าสุดแบรนด์รถหรูรายนี้กำลังเดินหน้าเข้าสู่เส้นทางใหม่ ด้วยการเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้จากการผลิตรถยนต์ ให้กลายเป็นวัสดุโฟมสำหรับพวงมาลัย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดของเสียจากอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ยังเปิดประตูสู่การใช้วัสดุรีไซเคิลในรถยนต์ระดับไฮเอนด์อย่างจริงจัง
Mercedes-Benz กำลังจะเข้าร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ในการเปิดตัว ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Steer-by-Wire หรือการเชื่อมต่อพวงมาลัยกับล้อหน้าแบบไร้กลไกเชิงกล โดยรถยนต์รุ่นแรกที่ติดตั้งเทคโนโลยีนี้จาก Mercedes จะเปิดตัวในปีหน้า
ไฟเปลี่ยนเกียร์ที่ติดตั้งไว้ที่ขอบพวงมาลัย สามารถพบเห็นได้ในรถแข่ง และมีติดตั้งในซุปเปอร์คาร์ของ Ferrari และสามารถซื้อได้จากแค็ตตาล็อก M Performance ของ BMW แต่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกและไม่ใช่เพียงเพราะมักจะจับคู่กับวัสดุหุ้มคาร์บอนไฟเบอร์ แต่ทาง Hyundai กำลังนำฟีเจอร์นี้มาสู่รถยนต์ที่ใช้งานกันบนท้องถนนในราคาที่ถูกลง
ล่าสุดทาง Lexus ได้ปล่อยวีดีโอที่แสดงให้เห็นการทำงานของระบบบังคับเลี้ยวและพวงมาลัยใหม่ Steer-By-Wire ใน Lexus RZ ใหม่ หรือพวงมาลัยทรง yoke ที่เราน่าจะเคยเห็นกันในรถไฟฟ้า Tesla ซึ่งทาง Lexus ได้ออกแบบและพัฒนาให้ผู้ขับขี่สามารถจับพวงมาลัยที่ตำแหน่งเดิมไม่ต้องยกมือขึ้นเมื่อต้องการหักเลี้ยวมุมที่มากขึ้น
วงการยานยนต์มักจะมีแนวคิดอะไรใหม่ ๆ ออกมาให้เห็นอยู่เสมอ เมื่อคิดอะไรได้ต่างก็รีบจดสิทธิบัตรป้องกันการเลียนแบบก่อนทันที ล่าสุดก็ได้เห็นแนวคิดแปลกใหม่อีกแล้ว เมื่อ Hyundai ค่ายรถยนต์แดนกิมจิ ได้ทำการจดสิทธิบัตรพวงมาลัยแบบใหม่ ที่ฝังหน้าปัดข้อมูลการขับขี่เอาไว้ด้วยในเยอรมนี
โลกของรถยุคใหม่ อะไร ๆ ก็จะเป็นการคิดนอกกรอบอยู่เสมอ เหมือนกับ GM ที่ได้มีการเปิดภาพพวงมาลัยแบบใหม่ ที่อาจจะนำมาใช้ใส่ในรถยนต์ใหม่ของตัวเองในอนาคต
ปกติแล้วถ้าเราอยู่ในประเทศที่กฎหมายให้ขับรถฝั่งไหน ผู้ผลิตรถยนต์ก็จะทำการผลิตรถยนต์ใหม่ออกมามีพวงมาลัยอยู่ในฝั่งที่ถูกต้องจากโรงงาน อย่างเช่นในเมืองไทยที่พวงมาลัยต้องอยู่ด้านขวาของตัวรถ แต่ต่อไปจากนี้อาจจะไม่ต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อค่ายรถยนต์จากแดนไวกิ้งอย่างวอลโว่ ได้ทำการจดสิทธิบัตรรูปแบบการผลิตรถยนต์ ที่สามารถเปลี่ยนฝั่งของพวงมาลัยได้เอง จะเลือกให้เป็นรถขับซ้ายหรือขวาได้เลย