ไฟเลี้ยว... เปิดเถอะครับ .... เพื่อความปลอดภัย

  • โดย : Autodeft
  • 30 มี.ค. 59
  • 14,562 อ่าน

พูดกันปากฉีกถึงรูหูมาแล้วไม่รู้กี่รอบ กับเรื่องราวทางด้านความปลอดภัยในการขับขี่ แม้ว่าอุบัติเหตุอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องเคราะห์กรรม หากเป็นเรื่องของความประมาทไม่ว่าจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ก็ตามที

 

การให้สัญญาณในการขับขี่เป็นเรื่องที่คนสมัยนี้มักลืมไปเสียสนิท ..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สัญญาณไฟเลี้ยว” ผมก็ไม่รู้ว่าผู้ผลิตเขาติดตั้งมาให้ แต่ทำไมไม่ใช้กัน ... มันไม่ได้ยากอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำไป...แต่ทุกวันนี้ราก็เห็นรถไม่ใช่สัญญาณไฟเลี้ยวบ่อยมาก หรือใช้ก็ใช้แบบผิดๆ จนกลายเป็นที่มาของอุบัติเหตุหลายราย

ก่อน อื่น สัญญาณไฟเลี้ยวนั้นใช้งานง่ายมาก มันอยู่บนคอพวงมาลัยด้านขวามือของท่าน สำหรับรถยนต์จากผู้ผลิตญี่ปุ่น จีน และ อินเดีย ส่วนรถยนต์จากผู้ผลิตยุโรปและอเมริกานั้น จะติดตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือ (บางรุ่นอาจอยู่ขวามือ จงศึกษาในรถของท่าน) บนตำแหน่งคอพวงมาลัยเช่นกัน

วิธีใช้ ..ง่ายครับ โยกขึ้น และลง เพื่อให้สัญญาณเสียเวลาไม่เกิน  2    วินาที ใช้มันเพื่อให้สัญญาณ กับเพื่อนร่วมทาง ตามทิศทางที่ท่านประสงค์จะไป ...ไม่ว่า ...

จะเปลี่ยนช่องทางเดินรถ หรือเลน

จะเลี้ยวเข้าซอย เข้าห้าง หรือส่งเพื่อนข้างทาง

หรือต้องการเลี้ยวกลับรถ หรืออะไรก็ตาม ...

 

“เปิดไฟเลี้ยว!!!! เถอะครับ .....ได้โปรดดดดดดด!!!!! “

 

วันนี้ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาออฟฟิศ ที่อาคารรสา ขับมาจนถึงข้ามแยกคลองประปา ด้วยความเร็วปกติ อยู่ๆรถ   Toyota Prius ทะเบียนสวย ก็เปลี่ยนเลนจากซ้ายไปขวา ตัดหน้าผมอย่างกะทันหัน โดยไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว ...ดีนะว่าเบรกทัน (ถ้าเบรกไม่ทันก็ลงไปวัดพื้นแน่นอน)  ผมเลยแซงขึ้นหน้า แล้วทำสัญญาณมือ และแสดงสัญญาณไฟเลี้ยวให้ดูว่า รถของท่านมีไฟเลี้ยว .....นะครับ และควรจะเปิดไฟเลี้ยว...  ไม่ว่าคุณจะซื้อรถมากี่ล้านบาท จะหรูแค่ไหน ก็ติดสัญญาณไฟเลี้ยวมาให้ทุกรุ่น .... ทำไมถึงไม่เปิดล่ะครับ ....!! หรือโรงเรียนสอนขับรถเขาไม่ได้สอนว่าจะเลี้ยวต้องเปิดไฟเลี้ยว ...

 

คำถามที่เจอบ่อย ก็ไม่พ้นทำไมควรเปิดไฟเลี้ยว .....

1. เพื่อนร่วมทางรู้ว่าท่านจะไปทางไหน
2.เมื่อเพื่อนร่วมทางรู้เขาจะเตรียมตัวหาทางหลบท่านได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถมอเตอร์ไซค์  ที่ต้องอาศัยการทรงตัว มันจะมักหลบเร็วๆไม่ได้ เพราะมีกลิ้งแน่นอน

3.จากข้อ 1 และ  2  คุณสามารถป้องกันต้นตอของอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะ การหักหลบกะทันหันของเพื่อนร่วมทาง หรือ การเบรกกะทันหันของเพื่อนร่วมทาง ซึ่งเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุบนถนนมากมาย

4.จากข้อ 3  คุณจะทำให้การจราจรคล่องตัวขึ้น เพราะ รถคันอื่นจะทราบทิศทางที่ไป และตัดสินใจที่ถูกต้องในการขับขี่ได้

เห็นยังว่า แค่คุณใส่ใจคำว่าไฟเลี้ยว ก็ช่วยให้สังคมน่าอยู่มากขึ้นแล้ว ... และที่สำคัญมีกฎหมายจราจรบังคับเรื่องการใช้ไฟเลี้ยวด้วยนะครับ

ตามมาตรา  38 (2)  ของกกฎหมายจราจรทางบก  พ.ศ.  2522 ระบุว่า  "เมื่อจะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น  ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณยกเลี้ยวสีเหลืองอำพัน  หรือให้สัญญาณกระพริบสีขาวหรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่หน้ารถหรือข้างรถ  และไฟสัญญาณกระพริบสีแดงหรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่ท้ายรถไปในทิศทางที่จะเลี้ยวเปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น"

ก็ชัดเจนแล้วว่า กฎหมายสั่งให้คุณต้องเปิดไฟเลี้ยว  < - >  ...แล้วทำไมถึงไม่ใช่ ยิ่งเดี๋ยวนี้รถหลายคันมีกล้องหน้า ถ้าคุณไม่เปิดไฟเลี้ยว เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา  มีหลักฐานพิสูจน์ได้แน่นอน ...แบบไม่ต้องสืบพยานอันใด  

 

คราวนี้ใช้งานไฟเลี้ยวให้ถูกต้องอย่างไร ..

ก่อนอื่น...จำไว้ว่า “ไฟเลี้ยว” ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คุณคิดว่า คุณเปิด แล้วจะเลี้ยวหรือเปลี่ยนช่องทางได้ตามอำเภอใจ มันไม่ใช่บัตรเบ่งถึงความเป็นผู้ดีบนถนน หรือบอกว่า ฉันเปิดไฟเลี้ยวแล้ว ต้องได้ไปนะ ...หรือ เพื่อนร่วมทางต้องหยุดต้องยอม

 ถ้าคุณคิดแบบนั้น ....ผิดถนัด ...และได้เวลาคิดใหม่ เสียที

หลังจากตกเย็น ... ระหว่างที่ผมกับเดือน... กำลังเดินทางไปเซ็นทรัลเวสเกท ระว่างขับมาด้วยความเร็วมาเรื่อยๆ ตามเลนขวา จนมาถึงช่วงทางเบี่ยงสะพานกลับรถแห่งหนึ่ง ก่อน เซ็นทรัลเวสเกทไม่ไกลนัก ขณะที่ผมอยู่ช่องทางกลาง ซึ่งต่อไปจะเป็นช่องทางขวาสุด หลังจากพ้นทางเบี่ยงขึ้นสะพานกลับรถไปแล้ว ปรกฎว่า มีรถยนต์กระบะวีโก้ มีมาด้วยความเร็วทางด้านขวา ดีที่เขาเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อขอเข้าช่องทาง ที่ผมกำลังขับ แต่เขาไม่ดูกระจกมองข้างซ้ายด้วยซ้ำ พอเขาเปิดไฟเลี้ยว ก็แหย่ปาดเข้ามาเลย...เฮ้ย!!!! งานมา!!!

นาทีนั้นผมร้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่เบี่ยง หน้ารถเจ้าหนูแดงด้านขวาแหกทั้งแถบแน่ เพราะ ท้ายกระบะ ยังไม่พ้นหน้ารถด้วยซ้ำ ..ผมมองซ้ายอย่างเร็ว แล้วเปลี่ยนช่องทางครึ่งเลน ..  เพื่อหลบเจ้าวีโก้ คันนั้น จากนั้น คุณคิดว่าเกิดไร ..แตรสิครับ แตรยาวๆ... แบบนี้ต้องด่ามันครับ ...แล้วแน่นอน เอาคืนตามอัธยาศัยเล็กน้อย ..พอสมควร ..

ถ้าไม่ใช่ผมจะเป็นอย่างไร ... ถ้าไม่ใช่นักขับมากประสบการณ์จะเป็นอย่างไร

นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ ของ การใช้ไฟเลี้ยวอย่างผิดๆ ของคนไทย ...เปิดแล้วต้องเข้าเลย เขาต้องให้ไปเลย หรือเขาต้องหยุด  สรุป ชนแหกยับเยินมาแล้วไม่รู้กี่ราย ...เพราะคิดผิดๆกับ การใช้ไฟเลี้ยว แล้วทำตัวเองเสียเวลา รวมถึงเพื่อนร่วมทางที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย

แล้วที่ถูกมันใช้อย่างไรล่ะ !!  

1.เมื่อจะเปลี่ยนช่องทาง เลี้ยวรถ หรือ ทำอะไรที่เปลี่ยนทิศทางรถจากเดิม มองกระจกมองข้างทิศทางที่จะไป  

2.ยกสัญญาณไฟเลี้ยว ทิศทางที่จะไป และสำคัญมากที่คุณต้องยกให้ถูกทิศทาง เลี้ยวซ้าย ให้ยกไฟเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาให้ยกไฟเลี้ยวขวา

3.อย่าเพิ่งออก ให้ดูจังหวะที่เหมาะสม โดยสังเกตจากช่องว่างระหว่างรถคุณและรถในช่องที่จะไป ว่าว่างมากพอหรือไม่ รถคันหลังในเลนที่คุณจะไป  เขามีการชะลอความเร็วหรือไม่  

4.เมื่อประเมินได้แล้ว เปลี่ยนช่องทาง แล้วปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ทันที.. หากต้องการเปลี่ยนช่องทางตอ

5.กรณีเลี้ยวเข้าซอย หรือรอกลับรถ ต้องเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ก่อนเลี้ยวเสมอ....ไม่ใช่มาเปิดขณะเลี้ยว ... โดยการเปิดไฟเลี้ยวต้องทำก่อนถึงจุดเลี้ยว ในระยะ   50   เมตร เพื่อเปิดโอกาสให้รถคันที่ตามมา สามารถเปลี่ยนช่องทางหนีได้ ... รวมถึงยังป้องกันการที่รถคันหลังจะไม่เห็นไฟเลี้ยวแล้วเสยท้ายรถคุณ

 

การใช้ไฟเลี้ยวมีประโยชน์นะ ... มันป้องกันอุบัติเหตุได้ ที่สำคัญ ยังทำให้ การจราจรบนถนนคล่องขึ้นด้วย ... เพื่อนร่วมทางไม่ต้องมานั่งเบี่ยงกะทันหัน หรือ สลับช่องทางไปมา เพราะไม่รู้ทิศทางที่รถอีกคันที่จะไป...มีประโยชน์ขนาดนี้ ค่ายรถยนต์เขาก็ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานแล้ว ก็ใช้กันเถอะ...ครับ ช่วยๆ กันคนละไม้คนละมือ ลดอุบัติเหตุบนถนนการจราจรคล่องตัว เราก็กลับถึงบ้านไว และปลอดภัย เท่าๆ กัน ...

 

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@nattayodc), Blog  ส่วนตัว

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ