เช่ารถขับเที่ยว มีแบบไหนและเช่าอย่างไรบ้าง

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 20 ต.ค. 63
  • 6,358 อ่าน

ปัจจุบัน การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยเครื่องบิน ได้รับความนิยมสูงขึ้นทุกวัน เนื่องมาจากตั๋วเครื่องบินที่มีราคาถูกลงทุกวัน บางทีอาจจะถูกกว่าค่าเติมน้ำมันในการเดินทางด้วยการขับรถไปเองด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงทำให้การเช่ารถขับท่องเที่ยว ก็ได้รับความนิยมเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งหลายคนที่กำลังเลือกจะท่องเที่ยวเมืองไทยด้วยวิธีนี้ กำลังลังเลว่า จะเลือกเช่ารถอย่างรดี วันนี้เรามีแนวทางการเช่ารถมาฝากให้ทุกคนนำไปป

เช่ารถ

Business photo created by prostooleh - www.freepik.com

เช่าได้จากที่ไหน?

ปัจจุบันมีแหล่งที่ทำการเช่ารถอยู่หลากหลายทาง ความสะดวกหรือยุ่งยากก็แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีให้เลือกได้ดังนี้

1. บริษัทให้เช่ารถ

ปัจจุบันมีบริษัทให้เช่ารถมากมาย อาทิเช่น Avis, Budget, Sixt, Hertz, Thai Rent a Car เป็นต้น ซึ่งแต่ละค่ายก็จะมีรุ่นรถ, ราคา และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป การเช่ารถผ่านทางบริษัทประเภทนี้ มีความน่าเชื่อถือสูง ทั้งคุณภาพของรถ, มาตรฐานในการให้บริการ, เงื่อนไขค่าบริการและค่าปรับที่ชัดเจน รวมทั้งมีสาขาให้บริการครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ หลายบริษัทมีบริการรับรถที่หนึ่ง คืนรถอีกที่หนึ่งได้ แต่แน่นอนว่า การเช่ารถผ่านทางบริษัท จะมีราคาในการเช่าที่สูงกว่าทั่วไป รวมทั้งจะต้องมีบัตรเครดิตเพื่อเอาไว้ใช้ในการทำมัดจำด้วย

2. เช่ากับผู้ให้เช่ารถประจำพื้นที่

รูปแบบที่หลากคนเลือกใช้ในการเช่ารถท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ ก็คือการเช่ารถกับผู้ให้เช่าประจำท้องที่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คือการนำรถส่วนบุคคลที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน มาปล่อยเช่าให้นักท่องเที่ยวได้ใช้งานกัน ซึ่งการเช่ารถในรูปแบบนี้ จะมีราคาที่ถูกกว่าการเช่าผ่านทางบริษัทเช่ารถทั่วไป ประมาณหนึ่งเลย เพราะการให้เช่ารูปแบบนี้ ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถเช่า ดังนั้นรูปแบบการชำระภาษีรวมทั้งค่าเบี้ยประกันภัยจึงเป็นราคาปกติเหมือนรถส่วนบุคคลทั่วไป ต้นทุนจึงต่ำกว่าบริษัทเช่ารถ จึงสามารถเรียกค่าเช่ารถได้น้อยกว่านั่นเอง

3. เช่าผ่านแอพลิเคชั่น

โลกแห่งการสื่อสารผ่านทาง Smartphone ย่อมมีแอพเพื่อให้เลือกใช้งานเพื่อเช่ารถได้อยู่แล้ว ปัจจุบันมีให้เลบือกใช้งานหลายแอพ เช่น Drivemate, HAUP, Rent a car club เป็นต้น โดยแอพประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าผ่านทางผู้เข้าร่วมปล่อยเช่ารถ ที่เป็นเจ้าของรถแต่อยากหารายได้เพิ่มในช่วงที่ไม่ได้ใช้รถ ซึ่งก็คือรูปแบบเดียวกันกับ Airbnb นั่นเอง ซึ่งการเช่ารถในรูปแบบนี้ จะราคาไม่สูง สะดวก จองไม่ยาก

เช่ารถ

เช่าอย่างไร?

การเช่ารถท่องเที่ยวในต่างจังหวัดนั้น ขั้นตอนอาจจะไม่แตกต่างกันมาก แต่จะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกันบ้าง โดยขั้นตอนจะมีประมาณนี้

1. การเช่าผ่านบริษัทเช่ารถ

- เลือกและจองรถ เข้าหน้า Website หรือแอพลิเคชั่น หรือโทรเข้า Call Center ของบริษัทเช่ารถ เพื่อเช็คราคาและจอง เมื่อทำการจองเรียบร้อย จะได้รับ e-mail หรือ SMS เพื่อยืนยันการจองในครั้งนี้ ให้ตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้อง

- ติดต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ให้ไปที่เคาน์เตอร์ของบริษัทที่เราทำการเช่า ยื่นเอกสาร จากนั้นทางพนักงานจะมีเอกสารให้เซ็น พร้อมขอใบขับขี่และบัตรประชาชนเพื่อไปถ่ายเอกสาร ให้อ่านเอกสารและเซ็นให้ครบถ้วน และชำระเงินค่าเช่าให้เรียบร้อย

- การมัดจำ ทางบริษัทจะรับการมัดจำด้วยบัตรเครดิตเท่านั้น และบัตรเครดิตใบนั้นจะต้องมีวงเงินมากพอ (ประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับทางบริษัท) โดยจะทำการรูดเพื่อดักวงเงินเอาไว้ ไม่ได้เป็นการเรียกเก็บเงิน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวรถ ทางบริษัทจะมีการเรียกเก็บเงินผ่านทางบัตรเครดิตต่อไป โดยวงเงินที่ถูกดักเอาไว้ จะได้คือนหลังจากคืนรถเรียบร้อยภายใน 7 - 15 วัน

- รับรถ หลังจากดำเนินการเรื่องเอกสารเรียบร้อยแล้ว จะมีพนักงานพาไปรับรถ โดยจะมีการพาดูรายละเอียดรอบคันว่ามีอะไรเสียหายบ้างหรือเปล่า, มีอุปกรณ์อะไรอยู่ในรถบ้าง และน้ำมันเต็มหรือไม่ ถ้ามีจุดตำหนิตรงไหน ก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ระบุลงไปในเอกสารเอาไว้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็ให้เซ็นรับรถ แล้วเก็บเอกสารเอาไว้ เพื่อใช้ในการคืนรถในขั้นตอนต่อไป

- คืนรถ ก่อนเราคืนรถนั้น เราต้องเติมน้ำมันคืนให้เต็มถัง โดยเมื่อรถถึงมือเจ้าหน้าที่ในสนามบิน เข็มจะต้องขึ้นเต็ม ถ้ามีการลดลง ทางบริษัทจะคำนวนค่าน้ำมันตามขีดที่ลดลง แล้วเก็บเงินจากเราไป จากนั้นให้เราเอารถไปจอดในจุดเดิมที่รับรถมา จะมีเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบรถ แต่ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดจอด ให้นำเอกสารรับรถไปยื่นกับเคาน์เตอร์ของบริษัท เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจรถหาร่องรอยความเสียหาย ถ้าเกิดความเสียหาย เช่น มีรอยขูดขีด, มีร่องรอยการชน, มีกลิ่นบุหรี่ภายในรถ หรือเกิดรอยยางมะตอย ทางบริษัทจะทำการหักเงินประกัน ตามมูลค่าที่กำหนดเอาไว้ภายในสัญญา แล้วให้ผู้เช่าเซ็นรับทราบ เมื่อเรียบร้อยทุกอย่างก็เดินทางกลับได้เลย

- ค่าปรับย้อนหลัง ในกรณีที่ผู้เช่าอาจจะมีการขับรถผิดกฎหมายจราจร เช่น จอดในที่ห้ามจอด, ขับรถเร็วเกินกำหนด แล้วมีการเรียกเก็บค่าปรับมา ทางบริษัทจะทำการแจ้งเรามาในภายหลัง เพื่อเรียกเก็บค่าปรับ+ค่าดำเนินการ เราต้องชำระเงินในส่วนนี้เอง ไม่อย่างนั้นทางบริษัทผู้ให้เช่าจะทำการเรียกเก็บเงินผ่านทางบัตรเครดิตแทน

2. การเช่าผ่านผู้ให้เช่ารถประจำพื้นที่

- โทรสอบถามและจองรถ ถ้าเราได้ข้อมูลรถเช่ามาแล้ว ให้โทรสอบถามกับทางผู้ให้เช่าว่า รถที่เราต้องการเช่านั้น ราคาเท่าไหร่ และวันที่ต้องการเช่านั้นว่างหรือไม่ ถ้ารถว่างและทางผู้ให้เช่าตกลงเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่ทางผู้ให้เช่าจะขอให้โอนเงินค่าเช่าก่อนครึ่งหนึ่ง หรืออาจจะน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับการตกลง ให้เราเก็บสลิปการโอนเงิน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการรับรถ

- เมื่อถึงวันเดินทาง ให้โทรแจ้งผู้ให้เช่าว่าเราจะเดินทางถึงปลายทางประมาณกี่โมง และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ให้โทรติดต่อหาผู้ให้เช่า แล้วนัดหมายกันว่าจะเจอกันตรงไหน

- รับรถ เมื่อพบกับผู้ให้เช่าแล้ว ให้ทำการตรวจสอบรถรอบคัน ว่ามีจุดไหนที่ผิดปกติหรือเปล่า ถ้ามี ให้ระบุเอาไว้บนใบรับรถ และควรต้องถ่ายรูปเก็บเอาไว้ด้วย ตรวจสอบระดับน้ำมันว่าอยู่ในระดับสูงสุดหรือเปล่า ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ให้เซ็นรับรถแล้วเก็บสำเนาเอาไว้ ชำระเงินค่าเช่าส่วนที่เหลือ จะเป็นเงินสดหรือโอนเงินก็ได้ ไม่รับบัตรเครดิต และจะต้องมีการวางเงินมัดจำเอาไว้ด้วยเงินสดตามที่ตกลงกัน ส่วนใหญ่จะอยุ่ที่ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท โดยเงินส่วนนี้ จะได้รับคืนในวันคืนรถ

- คืนรถ ให้โทรแจ้งผู้ให้เช่าล่วงหน้าว่าเราจะคืนรถกี่โมง พร้อมแจ้งสถานที่ (ถ้าไม่คืนที่เดิม เราสามารถตกลงเป็นสถานที่อื่นภายในจังหวัดได้ ในกรณีที่จุดนั้นไม่ไกลจนเกินไป) และก่อนนำไปคืน เราก็ต้องเติมน้ำมันให้เต็มถัง เมื่อถึงสถานที่คืนรถแล้ว ให้ทางผู้ให้เช่าตรวจสอบรถให้เรียบร้อย ถ้าทุกอย่างปกติ ก็รับเงินมัดจำคืน แล้วเดินทางกลับได้เลย

- ค่าปรับย้อนหลัง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงว่าจะเอาแบบไหน จะโอนเงินเพื่อให้เจ้าของรถไปชำระเอง หรือจะเอารายละเอียดของใบสั่งมาชำระให้ก็ได้

3. การเช่าผ่านแอพลิเคชั่น

ขั้นตอนการใช้งานของแต่ลบะแอพนั้น จะแตกต่างกันในรายละเอียด แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีขั้นตอนตามนี้ครับ

- เข้าแอพลิเคชั่นหรือหน้า Website ทำการสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน ยืนยันตัวตนผ่านทางโทรศัพท์, อัพโหลดเอกสารส่วนตัว (ใบขับขี่, บัตรประชาชน) กรอกรายละเอียดบัตรเครดิต เป็นต้น

- ค้นหารถที่ต้องการ ทำการสั่งจอง กดเพื่อยืนยันการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต

- นัดหมายกับเจ้าของรถ ผ่านทางแเอพ

- เมื่อพบเจ้าของรถ ให้ทำการตรวจสอบรายละเอียดของตัวรถ ถ้าเรียบร้อยให้เซ็นเอกสารรับรถ หรือทำการยืนยันการรับรถผ่านทางแอพ ถ้ามีสิ่งผิดปกติ ให้ทำการบันทึกและถ่ายรูปสิ่งผิดปกตินั้นเอาไว้เป็นหลักฐาน

- คืนรถ ให้นัดหมายกับเจ้าของรถถึงเวลาและสถานที่ให้เรียบร้อย ก่อนคืนรถ ให้เติมน้ำมันให้เต็มถัง เมื่อพบกับเจ้าของรถ ให้ร่วมกันตรวจสอบความผิดปกติของตัวรถ ถ้าปกติทุกอย่าง ก็ให้เซ็นรับทราบร่วมกัน หรือกดยืนยันผ่านทางแอพ แล้วแยกย้ายกันได้เลย

- ค่าปรับย้อนหลัง ทางแอพจะมีการแจ้งมาเองว่าต้องมีการชำระเงินค่าปรับจากการขับขี่ผิดกฎหมาย ขึ้นอยู่กับแอพว่าจะใช้การหักเงินจากบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนเอาไว้ หรือใช้การชำระค่าใบสั่งแทน อันนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของทางแอพเอง

เช่ารถ

ข้อควรระวังในการเช่ารถ

แน่นอนว่าการเช่ารถขับ มันมีข้อควรระวังมากมายมากกว่าการขับรถของตัวเองนัก ดังนั้นเราควรจะใส่ใจกับเรื่องตามนี้ให้มากที่สุด

- ต้องตรวจรถให้ละเอียด "ก่อน" เซ็นเอกสารรับรถทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรอยข่วน, รอยกะเทาะ, รอยเลอะที่เช็ดไม่ออก, รอยที่ล้อแม็กซ์ ถ้าพบ ต้องระบุให้เชัดเจนทุกจุด ซึ่งการเช่าผ่านทางบริษัทให้เช่ารถ ขั้นตอนนี้ส่วนใหญ่พนักงานจะชวนพาดูทุกจุดโดยละเอียดพร้อมกัน แต่ถ้าเช่าจากผู้ให้เช่าในพื้นที่ เราต้องเป็นคนละเอียดเอง เพราะถ้าเราไม่ละเอียด แล้วเจอเจ้าของรถที่ไม่ซื่อสัตย์ เราอาจจะซวยเจอการขูดรีดจากรอยที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้ทำก็เป็นได้

- ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร เพราะถ้าเราขับรถจนไปเกิดอุบัติเหตุ รถเสียหาย ถ้าเป็นรถที่เช่ามาจากบริษัทเช่ารถ ส่วนใหญ่แล้วจะมีการให้เลือกชำระค่าประกันภัย 2 แบบคือ

1. SCDW (special collision waive damage) คือการชำระค่าประกันภัย แบบไม่ต้องเสียเพิ่ม กรณีที่การชนนั้น เสียหายอยู่ในวงเงินที่กำหนดเอาไว้

2. CDW (collision waive damage) คือการชำระค่าประกันภัย ที่ต้องมีการชำระเงินส่วนแรกก่อนตามที่กำหนดไว้ อาจจะอยุ่ที่ 1,000 - 10,000 บาท ตามวงเงินความเสียหายที่กำหนดเอาไว้

ทั้งนี้จะไม่มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากการเกิดอุบัติเหตุอีกแล้ว แต่ในกรณีที่นำรถที่เช่าผ่านทางผู้ให้เช่าในพื้นที่ ต้องขึ้นอยู่กับการตกลงว่าจะชดเชยค่าเสียหายกันเท่าไหร่ และโดยส่วนใหญ่ทางเจ้าของรถจะทำการเรียก "ค่าขาดประโยชน์" จากการเสียเวลาในการซ่อมรถเข้าไปด้วย เรียกได้ว่าต้องจ่ายกันอ่วมแน่นอน ส่วนการนำรถที่เช่าผ่านแอพลิเคชั่น ก็ขึ้นอยู่กับทางนโยบายของแต่ละแอพว่าเป็นอย่างไร ต้องตรวจสอบก่อนการใช้งานทุกครั้ง

- สอบถามให้ชัดเจน ว่าน้ำมันที่เติมนั้น ต้องเป็นประเภทไหน ป้องกันการเติมน้ำมันผิดประเภท

- ห้ามสูบบุหรี่และรับประทานอาหารภายในรถเด็ดขาด เพราะถ้าเจ้าของรถพบกลิ่นที่ผิดปกติไป อาจถูกเรียกค่าปรับในการทำความสะอาดตัวรถได้

การเช่ารถเพื่อขับขี่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัดนั้น ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แถมยังสะดวกกับการเดินทางในทริปนั้น ๆ อีกด้วย เพียงแต่เราต้องละเอียดรอบคอบมากกว่าการใช้งานรถยนต์ของตัวเอง เพื่อความสบายใจของทั้งผู้เช่ารถและผู้ให้เช่ารถนั่นเอง

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ