เจาะรถเด่น!! New Volvo XC40 Recharge เอสยูวีเล็กทางเลือกใหม่ด้วยไฟฟ้าล้วนและเสียบปลั๊กใครมาก่อนปลายปีนี้รู้กัน
- โดย : Autodeft
- 22 ก.ย. 63 00:00
- 12,972 อ่าน
นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะตีแสกหน้าคู่แข่งเยอรมันอย่างจังๆ ด้วยการเปิดตัวทางเลือกใหม่ในตระกูล XC40 ที่จะเข้ามาเติมเต็มทางเลือกให้กับสาวกที่ชื่นชอบ รักและห่วงใยสิ่งแวดล้อม
New Volvo XC40 Recharge ในรูปแบบ Plug-In Hybrid และ Electric EV 100 % ภายนอก 2 รุ่นนี้มีความคล้ายกับรุ่น XC40 ปกติหล่อตั้งแต่ การใช้ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/50 R19 และ 20 นิ้วพร้อมยาง 245/45R20 ตะแกรงหน้าชุบโครเมี่ยมมันวาวแบบติดลอยประดับด้วยโลโก้ Iron Mark ที่สะท้อนถึงงานออกแบบแนวใหม่ที่พร้อมสะกดทุกสายตา ไฟหน้าทรงค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์ Thor’s Hammer แบบ LED ฝากกระโปรงหน้าดีไซน์แตกต่างจากรุ่นอื่นในตระกูล XC บั้นท้ายที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นยาว พร้อมไฟท้าย L Shaped แบบ LED หลังคาแบบ Panoramic Sunroof เพื่อการนำแสงธรรมชาติเข้าสู่ห้องโดยสาร พร้อมช่องเสียบชาร์จจะอยู่ทางด้านซ้านของบังโคลนรถ และสีทูโทนตัดสีรอบคันแบบสีดำ Black Stone และสีเทา Thunder Grey Metallic ในส่วนหลังคารถ กระจกมองข้างและ คิ้วชายล่าง
ส่วนรุ่น Recharge Recharge EV 100 % เหมือนกันกับรุ่น Recharge Plug-In Hybrid แต่เด่นด้วยกระจังหน้าพร้อมโลโก้ Iron Mark แบบไส้ในปิดทึบไม่มีเส้นแนวนอน ล้ออัลลอยขนาด 19 กับ 20 นิ้ว นิ้วไซส์เดียวกันกับรุ่น Recharge Plug-In Hybrid ฝากระโปรงหน้าเปิดมากลายเป็นที่วางสัมภาระ 30 ลิตร และช่องชาร์จไฟที่เสา C
ภายในเหมือนกับรุ่นปกติ ด้วยรายละเอียดการตกแต่งที่สวยงามเพื่อเสริมความสง่างาม เพียบพร้อมด้วยระบบจัดเก็บสัมภาระที่ยอดเยี่ยม พื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่น อาทิ สเตชั่นสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย ระบบเสียงชั้นนำระดับพรีเมียมจากแบรนด์ Harman Kardon สรรค์สร้างประสบการณ์การฟังเพลงอันน่ารื่นรมย์ ติดตั้งจอสั่งการแบบทัชสกรีนเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน 9 นิ้ว สามารถลากนิ้วและแตะเพื่อสั่งงานระบบนำทางผ่านแอปพลิเคชั่นอย่างง่ายดายเสมือนการใช้อุปกรณ์แท็บเล็ตทั่วไป ระบบสั่งการด้วยเสียง และมาตรวัดอันทันสมัย แบบจอสี TFT ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ แต่ในรุ่น Recharge EV 100 % ออพชั่นจะต่างกันที่มาตรวัดจอสีพร้อมระบบความบันเทิงด้วยระบบปฎิบัติการ Android ที่มีความเด่นตรงที่สามารถอัพเดทผ่านทาง OTA (over-the-air)
ขุมพลังมี 2 ขนาดในรุ่น Recharge Plug-In Hybrid มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 3 สูบ รหัส B3154T5 ให้พลังสูงถึง 180 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที จับคู่กับ Lithium-ion battery ขนาดความจุ 10.7 กิโลวัตต์ชั่วโมงให้กำลัง แรงม้า 82 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันรีดพลังถึง 262 แรงม้า แรงบิด 425 นิวตันเมตรจับคู่กับเกีบร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด ถ้าเลือกใช้งานแบบไฟฟ้าล้วน จะสามารถวิ่งได้ไกลสุสุดประมาณ 46 กิโลเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายในระยะเวลาเพียง 7.3 วินาทีเท่านั้น และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 204 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนตัวแบตเตอรี่นั้น สามารถชาร์จให้เต็มได้เร็วที่สุด 2.5 ชั่วโมงผ่านระบบชาร์จเร็ว แต่ถ้าเป็นสายชาร์จปกติ จะใช้ระยะเวลาราว 3.5-6 ชั่วโมง ขับเคลื่อนล้อหน้า
ในขณะที่รุ่น Recharge Electric มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่แบบ Dual electric permanent magnet synchron front and rear motors ขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ AWD รหัส E400V6 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 78 กิโลวัตต์ชั่วโมงให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 660 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 4.9 วินาที สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 400 กิโลเมตร/การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง รองรับการชาร์จเร็วจาก 0-80% ได้ใน 40 นาทีและติดตั้งระบบความปลอดภัย Advanced Driver Assistance System (ADAS)
พร้อมระบบ IntelliSafe มอบความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุดได้แก่ ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำรุ่นล่าสุด (City Safety) ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลังออกจากที่จอด (Cross Traffic Alert with Break Support) พร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบการบังคับพวงมาลัยเพื่อหลบรถวิ่งสวน (Oncoming Lane Mitigation), ระบบแจ้งเตือนเมื่อมียานพาหนะอยู่ในมุมอับของสายตา (Blind Spot Information),ระบบเตือนการชนด้านหลังพร้อมเบรกเมื่อรถหยุดนิ่ง (Rear Collision Warning with braking at standstill), ระบบตรวจจับ: ยานพานะ คนเดินเท้า จักรยาน สัตว์ใหญ่, ระบบป้องกันรถยนต์วิ่งออกนอกช่องทาง (Run-off Road Mitigation), ระบบการบังคับพวงมาลัยเพื่อหลบรถวิ่งสวน (Oncoming Lane Mitigation), ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information), ระบบแจ้งเตือนเพื่อป้องกันรถวิ่งออกนอกเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Aid), กล้องมองหลังสำหรับการจอดรถ (Rear parking camera), ระบบเซ็นเซอร์ช่วยในการจอดด้านหน้า-หลัง (Park assist front and rear) ระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามสภาพถนนและระบบแจ้งเตือนป้ายความเร็ว (Adaptive Cruise Control – with speed sign assist), ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ (Pilot Assist) และระบบช่วยในการจอดรถกึ่งอัตโนมัติ (Park Assist Pilot) กล้องแบบ 360 องศาที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นรอบตัวรถได้แบบ Bird’s–eye view
เอสยูวีสองทางเลือกใหม่จากวอลโว่ ทั้ง New Volvo XC40 Recharge Plug-In Hybrid และ New Volvo XC40 Recharge Electric เตรียมเข้าจำหน่ายที่ไทยช่วงปลายปีนี้ ทันงาน Motor Expo 2020 งานนี้จะมาพร้อมกันหรือใครมาก่อน ต้องติดตาม
ที่มา media.volvocars 1
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com