2021 Lamborghini Huracán STO กระทิงดุจอมซ่าส์ 640 แรงม้า บุกไทยแล้วเริ่มต้น 29.99 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 16 ม.ค. 64 00:00
- 6,882 อ่าน
ครั้งแรกในประเทศไทยที่สาวกกระทิงดุจะได้รู้จักกับ Lamborghini Huracán STO ผลงานจากแผนก Squadra Corse’s ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งอย่าง Lamborghini Huracán Super Trofeo EVO และ GT3 EVO ในรูปแบบที่เหมาะสำหรับการใช้งานบนถนนสาธารณะกับพละกำลังสูงสุด 640 แรงม้า ทำให้เป็นลัมโบร์กินีที่มีพละกำลังแรงม้าต่อน้ำหนักดีที่สุดเพียง 2.09 กิโลกรัมต่อแรงม้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.0 วินา
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ เรนาสโซ มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย กล่าวว่า “หลังจากลัมโบร์กินีปล่อย Livestream ให้สาวกกระทิงดุได้ชมโฉม Lamborghini Huracán STO พร้อมกันแบบเรียลไทม์ทั่วโลกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ทาง ลัมโบร์กินี ออโตโมบิลี ได้ส่งรถ Lamborghini Huracán STO มาให้แฟนพันธุ์แท้ในไทยได้ยลโฉมคันจริงเป็นครั้งแรกกันอย่างใกล้ชิดที่โชว์รูม Lamborghini Bangkok โดย Lamborghini Huracán STO เป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการถ่ายทอด DNA จากสนามแข่งสู่ท้องถนน ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงความเร้าใจตามแบบฉบับของรถแข่ง ในรูปแบบที่เหมาะสำหรับการใช้งานบนถนนสาธารณะ”
ศักดิ์ นานา กรรมการ เรนาสโซ มอเตอร์ กล่าวถึงไอคอนแห่งความแรงตัวล่าสุดของแบรนด์ลัมโบร์กินี พร้อมมอบประสบการณ์ที่สุดแห่งยนตรกรรมส่งตรงจากสนามแข่งขันสู่ท้องถนนว่า “บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำ Lamborghini Huracán STO ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง Huracan GT3 EVO แชมป์ 3 ปีซ้อนจากรายการแข่งขัน 24 Hours of DAYTONA หนึ่งในการแข่งขันที่ยากและโหดที่สุดในโลก มานำเสนอให้ลูกค้าที่หลงใหลในแบรนด์ลัมโบร์กินีได้สัมผัสและเป็นเจ้าของ”
Lamborghini Huracán STO - Super Trofeo Omologata: ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ล่าสุดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง โดยแผนก Squadra Corse’s ที่วิจัยและพัฒนารถแข่งของทางค่ายอย่าง Huracán Super Trofeo EVO และ Huracán GT3 EVO ที่พิชิตชัยชนะจากรายการ 24 Hours of Daytona 3 สมัยและ 12 Hours of Sebring 2 สมัย ด้วยเครื่องยนต์ V10 แบบ NA ที่มอบพละกำลังสูง 640 แรงม้า และแรงบิด 565 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปที่ล้อคู่หลัง ส่งผลให้ Huracán STO สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.0 วินาที และจาก 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 9.0 วินาที ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจหลักสำคัญของ Huracán STO นั้นคือหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถที่สามารถจัดการกับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดีไซน์ตัวถังที่ถูกออกแบบเพื่อสร้างแรงกดอากาศได้สูงและยังสามารถรีดอากาศออกจากตัวรถได้ดีในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งการนำวัสดุน้ำหนักเบามาใช้บนตัวรถเพื่อลดน้ำหนักสูงสุด ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่เสมือนรถแข่งได้อย่างแท้จริง
Huracán STO ได้รับการเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกใหม่ เพื่อช่วยให้อากาศสามารถไหลผ่านตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทุกรายละเอียดของ Huracán STO ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ตและเดินตามปรัชญา “design always follows function” Huracán STO คือผลงานระหว่างการร่วมมือของแผนกวิจัยและพัฒนาของลัมโบร์กินี แผนกมอเตอร์สปอร์ต Squadra Corse และแผนกดีไซน์ Centro Stile ฟังก์ชั่นหลายส่วนของรถได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งที่ทาง Squadra Corse ผลิตขึ้นมาและถูกนำมาใช้ใน Huracán STO
Cofango คือการนำฝากระโปรงหน้า ซุ้มล้อ และกันชนหน้า ของตัวรถมาดีไซน์ใหม่ให้เป็นชิ้นเดียวกัน และทำให้ Huracán STO มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว ดีไซน์ใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถในตำนานของค่ายอย่าง Lamborghini Miura และ Sesto Elemento ดีไซน์ด้านหน้าใหม่นั้น นอกจากช่วยลดน้ำหนักของตัวรถแล้วยังช่วยเพิ่มความเป็นมอเตอร์สปอร์ตของตัวรถได้อย่างลงตัว ช่องดักอากาศบริเวณฝากระโปรงหน้าช่วยจัดระเบียบให้อากาศไหลเวียนผ่านตัวรถได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้การระบายความร้อนเครื่องยนต์ดียิ่งขึ้นและยังสร้างแรงกดให้กับรถมากยิ่งขึ้นอีกด้วย บริเวณด้านหน้าของ Huracán STO ได้ติดตั้งสปลิตเตอร์หน้าใหม่ที่มีช่องระบายอากาศไปยังใต้ท้องรถจนถึงดิฟฟิวเซอร์หลังที่ช่วยลดการต้านลมเมื่อต้องการทำความเร็วในทางตรง
ซุ้มล้อหลังของตัวรถถูกพัฒนามาจากรถแข่ง One Make Race อย่าง Super Trofeo EVO ช่วยให้ตัวรถลู่ลมมากยิ่งขึ้นและในขณะเดียวกันก็ยังสร้างแรงกดด้านท้ายของตัวรถ ส่งผลให้สมรรถนะของตัวรถทั้งทางตรงและทางโค้งมีประสิทธิภาพสูงเหมือนกับรถแข่งในสนาม ช่องดักอากาศ NACA ที่ถูกติดตั้งบนซุ้มล้อหลังนั้นทำหน้าที่ดักอากาศเข้าไปในเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์สร้างพละกำลังได้อย่างต่อเนื่องแม้ในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน ฝาเครื่องยนต์ของตัวรถได้รับการออกแบบใหม่และติดตั้งช่องดักอากาศด้านบนเพื่อช่วยระบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ บริเวณในห้องเครื่องได้รับการติดตั้งครีบลำเลียงอากาศ เพื่อการจัดสรรให้อากาศสามารถระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ครีบอากาศบริเวณฝากระโปรงหลังนั้นช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับ STO ในขณะเข้าโค้ง โดยอากาศจะถูกตัดผ่านและไหลไปที่สปอยเลอร์ด้านท้าย ส่งผลให้ตัวรถมีความนิ่งมากยิ่งขึ้นเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง สปอยเลอร์หลังของ Huracán STO สามารถปรับตั้งได้ 3 ระดับ เพื่อให้สมดุลตามแต่ละรูปแบบของสนามได้อย่างลงตัว ช่องดักอากาศเบรกหน้าใหม่ถูกดีไซน์เพื่อระบายความร้อนให้กับระบบเบรกแบบใหม่อย่าง CCM-R brakes ที่ถูกพัฒนาจากรถ F1 โดย Brembo
Huracán STO สามารถสร้างแรงกดได้สูงสุดในรถคลาสเดียวกันและยังมีบาลานซ์รถที่ดีที่สุดสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลังอีกด้วย Huracán STO มีประสิทธิภาพในการไหลเวียนของอากาศได้ดีขึ้นมากถึง 37% และสร้างยังสามารถแรงกดได้มากขึ้นถึง 53% เมื่อเทียบกับ Huracán Performante โครงสร้างภายนอกของ Huracán STO กว่า 75% ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนักตัวรถและเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวถังได้เป็นอย่างดี น้ำหนักตัวรถเปล่าเพียง 1,339 กิโลกรัม ซึ่งลดลงไปถึง 43 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับรุ่นพิเศษอย่าง Huracán Performante โดยกระจกบานหน้าของ Huracán STO เบาลง 20% เมื่อเทียบกับ Huracán Performante และยังมีออพชั่นเสริมอย่างล้อแม็กนิเซียมน้ำหนักเบา
Huracán STO มอบความรู้สึกความเป็นนักแข่งให้กับผู้ขับขี่ทุกครั้งที่ได้อยู่หลังพวงมาลัยด้วยเครื่องยนต์ V10 แบบเดียวกับรถ Super Trofeo สร้างกำลังสูงสุด 640 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 565 นิวตันเมตร ตัวรถมีการขยายฐานล้อให้กว้างขึ้น พร้อมระบบช่วงล่างที่ปรับตั้งมาโดยเฉพาะอย่าง Lamborghini’s MagneRide 2.0 ทำให้ STO สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของรถแข่งได้อย่างไร้ขีดจำกัดแม้บนถนนสาธารณะ ระบบเลี้ยวล้อหลังถูกติดตั้งเพิ่มเพื่อความคล่องตัวเมื่อใช้งานทุกวันและยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ดั่งใจในทุกสภาพแวดล้อมเมื่ออยู่ในสนามแข่งอีกด้วย
3 โหมดการขับขี่แบบใหม่ Huracán STO’s ได้รับการติดตั้งโหมดการขับขี่ใหม่ 3 โหมด: STO, Trofeo และ Pioggia โหมด STO ถูกปรับตั้งให้เหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันทั่วไปหรือบนถนนคดเคี้ยวในชนบท ระบบ Lamborghini Veicolo Dinamica Integrata (LDVI) ถูกนำมาติดตั้งเพื่อช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างราบรื่นและธรรมชาติยิ่งขึ้น ในโหมด Trofeo ตัวรถจะถูกตั้งค่าให้ตอบสนองกับการขับขี่บนสนามแข่งในพื้นผิวที่แห้ง ระบบ LDVI จะคอยจัดสรรแรงบิดให้ไปที่ล้อที่มีแรงยึดเกาะสูงสุดซึ่งทำงานควบคู่กับระบบ performance traction control ของรถ อีกทั้งระบบ Brake Temperature Monitoring (BTM) ใหม่จะคอยแจ้งสถานะอุณหภูมิของเบรกแบบเรียลไทม์ และในโหมดการขับขี่ Pioggia นั้น ตัวรถจะคอยควบคุมให้ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบกระจายแรงบิด ระบบเลี้ยวล้อหลัง และระบบเบรก ABS ให้เหมาะสมกับพื้นผิวถนนที่เปียก โดยระบบ LDVI จะทำการวิเคราะห์แรงยึดเกาะของรถเพื่อถ่ายกำลังแรงบิดไปที่ล้อสูงสุดโดยไม่ลื่นไถลในทางตรงและระบบกระจายแรงบิดจะทำการกระจายกำลังไปยังล้อที่มีแรงยึดเกาะสูงสุดในขณะกำลังเข้าโค้ง
ระบบเบรก CCM-R ระบบเบรกของ Huracán STO ได้รับการถ่ายทอดจากสนามแข่งอย่างแท้จริง ด้วยเทคโนโลยีจาก Brembo ระบบเบรก CCM-R ช่วยให้การหยุด Huracán STO ทำได้อย่างมั่นใจแม้จะถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง ระบบเบรก CCM-R สามารถทนความร้อนได้มากกว่าระบบเบรกเซรามิคทั่วไปถึง 4 เท่า และทนทานต่อการใช้งานในสนามมากขึ้นถึง 60% เมื่อผู้ขับขี่ต้องการทำเวลาต่อรอบในสนามแข่ง ระบบเบรก CCM-R นั้นยังเพิ่มขีดจำกัดของแรงเบรกมากขึ้นไปอีกถึง 25% ทำให้ระยะการเบรกลดลงถึง 7%
ภายในของ Huracán STO ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตด้วยการนำเอาวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้บริเวณแผงประตูภายใน เบาะแบบสปอร์ตพร้อมแผ่นหลังจากวัสดุคาร์บอน และนำเอาวัสดุอัลคันทาร่ามาใช้เพื่อให้สัมผัสที่กระชับมือยิ่งขึ้น พรมบริเวณพื้นรถถูกแทนที่ด้วยแผ่นอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ระบบเซฟตี้เบลท์ 4 จุดที่ยึดไว้กับคานไทเทเนียมด้านหลังเบาะที่พัฒนาร่วมกับ Akrapovic ถูกนำเข้ามาเพิ่มความปลอดภัยตามแบบฉบับรถแข่ง ฝากระโปรงหน้าของตัวรถถูกออกแบบใหม่ให้สามารถเก็บหมวกกันน็อคได้ทำให้ Huracán STO พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสนามแข่ง ระบบ HMI ถูกพัฒนาจาก Huracan EVO เพื่อบอกค่าสำคัญต่างๆ ให้แก่ผู้ขับขี่เช่น การทำงานของระบบ LDVI รวมไปถึงอุณหภูมิของระบบเบรกอีกด้วย สำหรับราคาเริ่มต้นของ Lamborghini Huracán STO อยู่ที่ 29,990,000 บาท
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com