ซูเปอร์คาร์น้องใหม่ในไทย McLaren 750S สปอร์ตคูเป้ตัวแรง ในราคาเริ่มต้น 32 ล้านบาท

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 9 ต.ค. 66 15:06
  • 4,271 อ่าน

แมคลาเรน แบงคอก จัดงานเปิดตัวแมคลาเรน 750S รุ่นคูเป้ (Coupé) ตัวแรง 750 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 2.8 วินาที เปิดราคาเริ่มต้นเอาไว้ที่ 32 ล้านบาท

McLaren 750S

McLaren 750S รถใหม่ 2023 มีการปรับชิ้นส่วนกว่า 30% ทั้งยกเครื่องใหม่และปรับแต่งใหม่จากรุ่น 720S ให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น ทำให้ทรงพลัง เบา ปราดเปรียวยิ่งขึ้น แรงกดเพิ่มมากขึ้น สมดุลด้านอากาศพลศาสตร์ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4 ลิตร Twin-Turbocharged ทรงพลัง 750 แรงม้า ด้วยแรงบิด 800 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนล้อหลังใหม่ สอดประสานกันกับชุดเกียร์ 7 สปีดเอื้อให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.8 วินาที และเร่งความเร็วจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.2 วินาที สำหรับรุ่นคูเป้ และ 7.3 วินาที สำหรับรุ่นสไปเดอร์ โครงสร้างหลักแบบโมโนค็อกพร้อมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์

McLaren 750S

McLaren 750S

รถยนต์ใหม่ 2023 McLaren 750S มีการใช้เบาะนั่งแบบรถแข่งที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์และล้อน้ำหนักเบาที่สุดที่ติดตั้งในโมเดลมาตรฐาน คือกุญแจสำคัญที่ส่งผลให้เบากว่า McLaren 720S ถึง 30 กิโลกรัม นอกจากนี้น้ำหนักรถเปล่ายังเบาสูงสุด เพียง 1,277 กิโลกรัม การออกแบบภายในได้รับการปรับแต่งใหม่ทั้งหมด มีจอควบคุม Active Dynamic Settings ติดตั้งตรงคอพวงมาลัยรถ และสวิทช์แบบคันโยก ทำให้คนขับสามารถปรับโหมดช่วงล่างและระบบส่งกำลังได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย

McLaren 750S

McLaren 750S

นอกจากนี้ McLaren 750S ยังภูมิใจนำเสนอ McLaren Control Launcher (MCL) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของแมคลาเรน ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ อำนวยความสะดวกให้คนขับสามารถบันทึกโหมดการขับที่ชื่นชอบ สร้างประสบการณ์การขับตามความต้องการเฉพาะบุคคลได้ และเลือกใช้ได้ทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านปุ่ม MCL ทรงเอกลักษณ์รูป Speedmark ซึ่งใช้ควบคุมได้หลากหลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอากาศพลศาสตร์ การตั้งค่าระบบส่งกำลัง และระบบเกียร์ 

McLaren 750S

McLaren 750S

เพิ่มเติมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย Apple CarPlay® ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นนี้ และที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบบ USB-C และ USB-A พร้อมด้วยหน้าจอ Central Information Screen แบบใหม่ กล้องมองหลังและกล้องมองรอบรถที่อัพเกรดให้มีความละเอียดและภาพคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี ระบบ Vehicle-Lift ใหม่ล่าสุด เพียงปุ่มเดียวก็สามารถยกด้านหน้าของรถขึ้นได้อย่างฉับพลันใน 4 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถแมคลาเรนรุ่นอื่นๆ และเร็วกว่าแมคลาเรน 720S (ที่ใช้เวลา 10 วินาที)

McLaren 750S

McLaren 750S

McLaren 750S ยังมาพร้อมกับชุดท่อไอเสียด้านท้ายกลางตัวรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก McLaren P1™ ส่งมอบเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เร้าใจ พร้อมการปรับแต่งอคูสติกให้โทนเสียงแตกต่าง คมชัด และค่อยๆ ดังขึ้นในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น มาพร้อมชุดช่วงล่างใหม่ล่าสุด PCC III (McLaren’s Proactive Chassis Control linked-hydraulic suspension)  ชุดสปริงและชุดดูดซับแรงกระแทกแบบน้ำหนักเบาที่คำนวณและออกแบบใหม่เพื่อความคล่องตัวกว่าในการขับ ชุดพวงมาลัยแบบ electro-hydraulic ที่เลื่องชื่อผนวกอัตราทดที่เร็วขึ้นเพื่อการเข้าโค้งที่คมมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกใหม่อัพเกรดมาพร้อมชุดเบรกเซรามิค ชุดปั๊มสุญญากาศและบูสเตอร์ชุดใหม่ และชุดโมโนบลอค แคลิเปอร์ (monobloc caliper) ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบเบรกของแมคลาเรน เซนนา (McLaren Senna) เทคโนโลยีระบายความร้อนแคลิเปอร์เบรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถฟอร์มูล่าวัน หรือ F1

McLaren 750S

McLaren 750S

McLaren 750S ได้รับการพัฒนาและต่อยอด ให้แตกต่างจาก McLaren 720S อาทิ ส่วนของปลายด้านหน้ารถ (จมูกรถ) ที่ต่ำลง ออกแบบให้ช่องรับอากาศเข้าบริเวณไฟหน้าหรือ Eye Socket ให้แคบลง Sill Air Intake แบบใหม่ ช่องรับอากาศเข้าแบบใหม่บริเวณซุ้มล้อหลัง ระบบควบคุมอากาศพลศาสตร์ด้านหลังพร้อมปรับการออกแบบเพิ่มความยาวส่วนหลังเพิ่มรีดลมไปยังปีกคาร์บอนไฟเบอร์ด้านหลังที่ออกแบบให้สูงขึ้นและยาวขึ้น โดยปีกชุดนี้อยู่เหนือชุดท่อไอเสียตรงกลาง

McLaren 750S

McLaren 750S

ออพชั่นสำหรับชุดตกแต่งไฟหน้ามีให้เลือกทั้งแบบสีเดียวกับตัวรถและแบบคาร์บอนไฟเบอร์ หรือจะเป็นชุดช่องรับอากาศแบบใหม่ทั้งที่กันชนหน้าและกันชนหลังก็มีให้เลือกเช่นกันในหมวดหมู่วัสดุน้ำหนักเบา (lightweight material) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแมคลาเรน ทัศนวิสัยการขับที่ดีรอบด้านบนโครงสร้างหลักแบบโมโนค็อกพร้อมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่มี A-pillar แบบบางพิเศษและ C-pillar แบบโปร่งแสงทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติให้เข้ามาให้ห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น

McLaren 750S

McLaren 750S เปิดให้ชาวไทยจองเป็นเจ้าของได้แล้ว โดยตั้งราคาเริ่มต้นเอาไว้ที่ 32 ล้านบาท

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ