อีซูซุ ยกระดับมวยไทยรอบทางทีวี พลิกโฉมใหม่ในศึก Isuzu Thailand Championship ชิงถ้วยพระราชทาน พร้อมรถปิกอัพอีซูซุ

  • โดย : PR Autodeft
  • 21 มี.ค. 67
  • 1,488 อ่าน

กลุ่มตรีเพชรเดินหน้าจัดการแข่งขันศึกมวยไทย พร้อมยกระดับกีฬาต่อสู้ประจำชาติไทยถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ด้วยการเปิดตัวรายการ “Isuzu Thailand Championship” โดยปรับรูปแบบจาก “ศึกอีซูซุคัพ” มวยไทยระดับตำนานเป็นศึกชิงแชมป์การแข่งขันนักมวยไทยในรูปแบบยกทีม ค้นหาสายเลือดนักสู้รุ่นใหม่ทั่วประเทศไทยเข้าสู่วงการมวยไทยและเป็นตัวแทนนักชกไทยในสังเวียนมวยโลก THAI FIGHT พร้อมชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรถปิกอัพ อีซูซุดีแมคซ์ สปาร์ค 1.9 Ddi ทั้งหมด 3 คัน มูลค่ารวมกว่า 1,700,000 บาท

มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “อีซูซุได้จัดการแข่งขันมวยรอบถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ และยาวนานที่สุดของไทยมากกว่า 3 ทศวรรษ จนได้ชื่อว่า “มวยไทยทางทีวีระดับตำนาน” ปีนี้เราได้ปรับปรุงรูปแบบใหม่ เป็นการแข่งขัน 18 สุดยอดนักมวยจากทั่วประเทศ เพื่อชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง ในชื่อ “Isuzu Thailand Championship” ผู้ชนะเลิศการแข่งขันในปี 2024 นี้จะได้รับถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่ …เหนือลิมิต พิชิตโลก จำนวน 3 คัน พร้อมเข็มขัดแชมป์ และสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการแข่งขัน THAI FIGHT 2024 อีกด้วย”

การแข่งขันมวย Isuzu Thailand Championship เป็นการยกระดับมวยไทยถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ให้สูงยิ่งขึ้น เพิ่มความสนุกเร้าใจตลอดเกมการแข่งขัน ด้วยเกมการต่อสู้ชิงไหวชิงพริบของนักสู้บนสังเวียนมวยไทย พร้อมความเดือดทะลุจอด้วยการเปลี่ยนจากมวยสวมนวมเป็นมวยคาดเชือกโดยการจัดแข่งขันชกมวยแบบ “ยกทีมปะทะกัน” ซึ่งThai Fight International Boxing Association (TFIBA) หรือ สมาคมกีฬามวยไทยไฟท์นานาชาติ เป็นผู้รับรองการแข่งขัน ด้วยการนำนักมวยท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค จัดเป็นทีม ๆ ละ 3 คน เป็นตัวแทนของภูมิภาค โดยแบ่งเป็น 6 ภูมิภาค นักมวย 18 คน ดังนี้

ภาคเหนือ

- พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น เฟเธอร์เวต ได้แก่ กล้าศึก ส.รัตนพล

- พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ ซามูไร สีโอปอล

- พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ วรจักรเล็ก เกียรติฉัตรชัย

 

ภาคอีสานตอนบน

- พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น เฟเธอร์เวต ได้แก่ ชัยบุรี ลูกสิงห์นำชัย

- พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ เพชรตะวัน เกียรติเมืองปรางค์

- พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ ศักดิ์ณรงค์ ป้ายนต์ผลไม้

 

ภาคอีสานใต้

- พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ เพชรเอก บ้านไร่มณฑา

- พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ ปูซาน ปราสาทหินพิมาย

- พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ กิตติศักดิ์ ศิษย์ช่างเปา

 

ภาคตะวันออก + ตะวันตก

- พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ ธงชัย เพชรรุ่งเรือง

- พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ ฉลามดำ ที.บี.เอ็ม.ยิม

- พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ สิบสองปันนา เกียรติวินัย

 

ภาคกลาง

- พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ เพชรภาคใหม่ ช.ชนะมวยไทย

- พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ ยอดเทวินทร์ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง

- พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ ชนะชัย ช.ชนะมวยไทย

 

ภาคใต้

- พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ เมืองทรัพย์ เกียรติทรงฤทธิ์

- พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ รักณรงค์ ช.ณรงค์ศักดิ์

- พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ ยอดแสนชัย นายกเอท่าศาลา

รูปแบบการแข่งขัน

ทำการแข่งขันชกในรูปแบบมวยคาดเชือก แข่งขันชกกัน 3 ยก จะมีทีมเข้าแข่งขัน 6 ทีม ตามภูมิภาคที่กำหนดไว้ และทำการแข่งขันแบบยกทีม ซึ่งนักมวยทั้ง 3 คน 3 รุ่นน้ำหนักของแต่ละทีม จะต้องแข่งขันชกเพื่อชัยชนะในการสะสมคะแนน ซึ่งทุกทีมจะแข่งขันแบบพบกันหมด ทั้ง 6 ทีม โดยทุกทีมจะทำการแข่งขันในรอบแรก ทีมละ 5 ไฟท์ รวมการแข่งขันในรอบแรก และมีการเก็บคะแนนแบบระบบ League โดยกำหนดการให้คะแนน ดังนี้

- ชนะน็อค ได้ 3 แต้ม

- ชนะคะแนน ได้ 2 แต้ม

ในกรณีแข่งขันชกครบ 3 ยก ผลการตัดสินออกมา “เสมอ” จะทำการแข่งขันชกกันต่อในยกที่ 4 ซึ่งจะเป็นยกตัดสิน เพื่อหาผู้ชนะ เมื่อทุกทีมทำการแข่งขันครบทุกทีมแล้ว จะนำเอาทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 1 - 4 เข้ารอบสองต่อไป แล้วทำการแข่งขันกันต่อ เพื่อหาทีมที่ดีที่สุด

 

การแข่งขันรอบแรก จะมีจำนวนทีม 6 ทีม นำมาแข่งขันแบบพบกันหมด โดยทุกทีมจะทำการแข่งขันในรอบแรก ทีมละ 5 ไฟท์ แล้วเอาทีมที่มีคะแนนเก็บมากที่สุด 4 อันดับแรก นำเข้าสู่รอบสอง (รอบ 4 ทีมสุดท้าย)

การแข่งขันรอบสอง จะมีจำนวนทีม 4 ทีม นำมาแข่งขันแบบไขว้ทีม คือ ด้วยการนำเอาทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 1 มาแข่งขันกับทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 4 และนำทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 2 มาแข่งขันกับทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 3 ในกรณีที่ทีมมีคะแนนผลการแข่งขันรวมเท่ากัน ก็จะนำเอาผลการให้คะแนนย่อยในแต่ละยก ของแต่ละคู่ นำมารวมกันทั้ง 3 คู่ ออกมาเป็นคะแนนรวมตัดสิน ซึ่งจะทำการแข่งขันยกทีมเพียงแค่ 2 ไฟท์ ทีมใดแพ้จะตกรอบทันที และทีมที่ชนะจะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศในสังเวียน THAI FIGHT และนักมวยทีมชนะเลิศ จะเป็นนักมวยในสังกัด THAI FIGHT

โดยทีมที่เป็นแชมป์จะได้รับถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเข็มขัดแชมป์ และรถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ สปาร์ค 1.9 Ddi คนละ 1 คัน รวมทั้งหมด 3 คัน เป็นมูลค่ารวมกว่า 1,700,000 บาท พร้อมได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนนักชกไทยในสังเวียนมวยโลก THAI FIGHT 2024

ผลการแข่งขันในไฟท์ที่ 1

- พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท

ภาคกลาง - เพชรภาคใหม่ ช.ชนะมวยไทย [แพ้คะแนน] ภาคตะวันออก - ธงชัย เพชรรุ่งเรือง

ภาคเหนือ - กล้าศึก ส.รัตนพล [ชนะคะแนน] ภาคอีสานเหนือ - ชัยบุรี ลูกสิงห์นำชัย

 

- พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท

ภาคเหนือ - ซามูไร สีโอปอล [ชนะน็อค ยก 2] ภาคอีสานเหนือ - เพชรตะวัน เกียรติเมืองปรางค์

ภาคกลาง - ยอดเทวินทร์ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง [เสมอ] ภาคตะวันออก - ฉลามดำ ที.บี.เอ็ม.ยิม

 

- พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท

ภาคกลาง - ชนะชัย ช.ชนะมวยไทยยิม [ชนะคะแนน] ภาคตะวันออก - สิบสองปันนา เกียรติวินัย

ภาคเหนือ - วรจักรเล็ก เกียรติฉัตรชัย [ชนะคะแนน] ภาคอีสานเหนือ - ศักดิ์ณรงค์ ป้ายนต์ผลไม้

แฟนมวยสามารถติดตามรายการ “Isuzu Thailand Championship” ทุกวันอาทิตย์ ทางช่อง 8 และ YouTube ช่อง THAI FIGHT OFFICIAL ตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น. ถ่ายทอดสดจาก THAI FIGHT ARENA @BEAT ACTIVE ไบเทค บางนา

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ