มาดูวิธีคำนวณหาจำนวนที่ต้องผ่อนค่าเช่าซื้อรถยนต์กันเถอะ

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 14 มิ.ย. 60
  • 340,267 อ่าน

รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนในประเทศไทย เชื่อได้ว่าเกิน 80% ล้วนเคยผ่านการผ่อนชำระกับสถาบันการเงินทั้งสิ้น (เป็นความคิดส่วนตัว) เพราะด้วยค่าตัวของรถยนต์นั้นราคาไม่ว่าจะมือ 1 ป้ายแดงหรือรถยนต์มือสอง ก็ราคาหลักแสนอัพขึ้นไปเกือบทั้งนั้น ดังนั้นคงมีไม่กี่คนที่จะสามารถกำเงินไปซื้อโดยไม่ต้องกู้เงินไฟแนนซ์ หลายคนยังคำนวณไม่ถูกว่าถ้าซื้อรถยนต์ราคาเท่านี้ แล้วจะต้องผ่อนชำระเดือนละเท่าไหร่ วันนี้เลยมาอธิบายวิธีกา

Car Payment

ต้องอธิบายก่อนว่า รถยนต์ 1 คันที่เราต้องจ่ายเงินผ่อนนั้น จะมีประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ
1.) มูลค่ารถยนต์ที่จะทำการกู้ผ่านสถาบันการเงิน (หักเงินดาวน์แล้ว)
2.) ดอกเบี้ย
3.) ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%


ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะถูกรวมไปทั้งหมด แล้วผู้ที่รับผิดชอบจ่ายก็คือผู้ซื้อนั่นเอง วิธีการก็คือ
1.) นำราคาจำหน่ายของโชว์รูม หักด้วยเงินดาวน์ จะเหลือเป็นยอดจัดซื้อ
2.) นำยอดจัดซื้อ มาคูณด้วยดอกเบี้ยต่อปี เป็นจำนวนดอกเบี้ยรายปี
3.) นำจำนวนดอกเบี้ยรายปี คูณด้วยจำนวนปีที่ทำการผ่อนชำระ รวมเป็นดอกเบี้ยทั้งหมด
4.) นำดอกเบี้ยทั้งหมด บวกด้วยยอดจัดซื้อ รวมเป็นยอดหนี้ทั้งหมด
5.) นำยอดหนี้ทั้งหมด มาหารด้วยจำนวนเดือนที่ต้องผ่อนชำระ เป็นยอดชำระรายเดือน
6.) กรณีที่เป็นรถยนต์มือ 2 ให้บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

car payment

ตัวอย่างการคำนวณค่างวดรถป้ายแดง

นายเต้ยต้องการซื้อรถยนต์ Toyota Hilux Revo Prerunner Double Cab 2X4 2.4 TRD Sportivo ราคารวมอุปกรณ์ตกแต่ง 935,000 บาท (รวม VAT. 7% แล้ว) โดยจะดาวน์ 20% ผ่านสถาบันการเงินที่คิดดอกเบี้ย 5% ต่อปี ผ่อนชำระ 60 งวด (5 ปี) ก็จะเข้าสูตรคำนวณดังนี้
1.) 935,000 (ราคารถ) - 187,000 (เงินดาวน์) = 748,000 (ยอดจัดซื้อ)
2.) 748,000 (ยอดจัดซื้อ) x 5% (ดอกเบี้ยต่อปี) = 37,400 (จำนวนดอกเบี้ยรายปี)
3.) 37,400 (จำนวนดอกเบี้ยรายปี) x 5 (จำนวนปีที่ทำการผ่อนชำระ) = 187,000 (ดอกเบี้ยทั้งหมด)
4.) 187,000 (ดอกเบี้ยทั้งหมด) + 748,000 (ยอดจัดซื้อ) = 935,000 (ยอดหนี้ทั้งหมด)
5.) 935,000 (ยอดหนี้ทั้งหมด) ÷ 60 (จำนวนเดือนที่ต้องผ่อนชำระ) = 15,583.33 ปัดขึ้นเป็น 15,584 (ยอดชำระรายเดือน)

Car Payment

ส่วนการเช่าซื้อรถยนต์แบบรถมือสอง อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะราคาจำหน่ายส่วนใหญ่แล้วจะยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งการคำนวณก็จะต้องเพิ่มเข้าไปตรงจุดใดจุดหนึ่ง อาจจะบวกในราคารถ หรือบวกในค่างวดรถก็ได้ ตัวอย่างดังนี้

น้องท็อปต้องการซื้อรถยนต์ Suzuki Swift ราคาขายจากเต็นท์ 300,000 บาท โดยจะดาวน์ 20% ผ่านสถาบันการเงินที่คิดดอกเบี้ย 8% ต่อปี ผ่อนชำระ 48 งวด (4 ปี) ก็จะเข้าสูตรคำนวณดังนี้
1.) 300,000 (ราคารถ) - 60,000 (เงินดาวน์) = 240,000 (ยอดจัดซื้อ)
2.) 240,000 (ยอดจัดซื้อ) x 8% (ดอกเบี้ยต่อปี) = 19,200 (จำนวนดอกเบี้ยรายปี)
3.) 19,200 (จำนวนดอกเบี้ยรายปี) x 4 (จำนวนปีที่ทำการผ่อนชำระ) = 76,800 (ดอกเบี้ยทั้งหมด)
4.) 76,800 (ดอกเบี้ยทั้งหมด) + 240,000 (ยอดจัดซื้อ) = 316,800 (ยอดหนี้ทั้งหมด)
5.) 316,800 (ยอดหนี้ทั้งหมด) ÷ 48 (จำนวนเดือนที่ต้องผ่อนชำระ) = 6,600 (ยอดชำระรายเดือน)
6.) 6,600 (ยอดชำระรายเดือน) + 7% (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) = 7,062  (ยอดชำระรายเดือนสุทธิ)

หลายคนเคยถามว่า แล้วระหว่างเราผ่อนชำระ บังเอิญถูกหวยก้อนใหญ่มา เราจะปิดยอดก่อนเลยดีไหม ต้องบอกก่อนว่า สัญญาของการเช่าซื้อรถยนต์นั้นจะแตกต่างกับสัญญาจำนองบ้านที่มีการลดต้นลดดอก แต่ของรถยนต์นั้น จะมีการคำนวณโดยใส่ดอกเบี้ยเข้าไปในแต่ละงวดอยู่แล้ว การจะขอจ่ายเงินก้อนเพื่อปิดบัญชี ก็ไม่ได้ช่วยให้เราจ่ายเงินลดลงซักเท่าไหร่ อย่างมากทางสถาบันการเงินก็อาจจะลดให้ 2,000-3,000 บาท ดังนั้นถ้าถามความเห็นส่วนตัว ก็ควรจะผ่อนชำระรายงวดต่อไปตามปกติ แล้วเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนด้านอื่นๆ ก็ดูจะคุ้มค่ากว่าครับ

เรียบเรียงโดย Earthpark02

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ