ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไร ให้รถของเรารอด ชาวบ้านไม่เดือนร้อน
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 30 ก.ย. 65 00:00
- 7,005 อ่าน
สภาวะโลกร้อนทุกวันนี้ ทำให้ภูมิอากาศของโลกเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังประสบปัญหาเรื่องฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมหลายจุด หลายคนยังไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ต้องขับรถฝ่าน้ำท่วมไป วันนี้ AUTODEFT จะมาแนะนำวิธีการขับรถผ่านจุดน้ำท่วม ให้ปลอดภัยทั้งรถ ทั้งตัวเรา และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นกันครับ
เลี่ยงได้ก็เลี่ยง
จริงอยู่ว่า รถยนต์ในปัจจุบัน จะสามารถขับรถผ่านทางน้ำท่วมได้อยู่แล้ว แตกต่างกันที่ว่า แต่ละรุ่นจะสามารถวิ่งฝ่าน้ำท่วมได้ในระดับที่ไม่เท่ากัน แต่ถ้าให้ดีที่สุด การไม่ต้องวิ่งผ่านในจุดที่เป็นน้ำท่วมคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะในการลุยน้ำท่วมในแต่ละครั้ง เราบอกไม่ได้หรอกว่าเราจะผ่านมันไปได้อย่างปอดภัยทุกครั้ง ดังนั้นการที่หลีกเลี่ยงไม่วิ่งผ่านไปในจุดที่เกิดน้ำท่วม จะเป็นวิธีป้องกันได้ดีที่สุด โดยเราสามารถตรวจเช็คได้จากการรายงานผ่านสำนักข่าวต่าง ๆ, บน Twitter หรืออาจจะเป็น Google Maps ก็พอเช็คเบื้องต้นได้
ประเมินความลึกให้ดี
รถแต่ละคัน จะมีการลุยน้ำท่วมได้ลึกแตกต่างกันไป อย่างรถเก๋งซีดานทั่วไป ก็แนะนำว่าไม่ควรขับลุยน้ำลึกเกิน 30 ซม., รถอเนกประสงค์ SUV หรือ Crossover ก็จะได้ประมาณ 50 ซม. ส่วนรถกระบะหรือ PPV ก็น่าจะลุยได้ร่วม 80 ซม. แต่ถ้าเอาจริง ๆ เราควรรู้ว่าท่อไอดี ที่ดูดอากาศจากข้างนอกเข้ามาเผาไหม้ในห้องจุดระเบิดอยู่ตรงไหน จุดนั้นจะเป็นตัวการหลักที่ทำให้รถเราดับ จากการดูดน้ำเข้าไปสู่ห้องจุดระเบิดโดยตรง เราก้ไม่ควรขับให้น้ำท่วมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับท่อไอดี ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ ยังมีผลให้รถดับเมื่อขับผ่านน้ำท่วมได้น้อยกว่า ถ้าทางที่เราต้องวิ่งผ่านไป ดูแล้วรถของเราอยู่ในระดับที่พอผ่านได้ ก็ลุยได้เลย แต่ถ้าประเมินแล้วมันลึกเกินความสามารถของตัวรถ แนะนำให้ถอยหรือจอดดีกว่าครับ เสี่ยงไปดับกลางทางจะไม่คุ้ม
ปิดแอร์ก่อนลุย
หลายคนสงสัยว่า ทำไมก่อนที่เราจะขับรถลุยน้ำท่วมต้องปิดแอร์ นั่นก็เพราะว่า เราต้องการให้พัดลมหน้าเครื่องหยุดทำงาน ถ้าเราไม่ปิด พัดลมจะทำงานอยู่ตลอดเวลา มีโอกาสให้ตัวใบพัดไปปัดเอาน้ำขึ้นมาสะบัดใส่ตัวเครื่องกระจายไปหมด และมีโอกาศที่น้ำจะวิ่งเข้าสู่ท่อไอดีได้อย่างง่ายดาย และอาจจะเสี่ยงทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวใบพัดเองได้ ทั้งการหักหรือหลุดออกมา ดังนั้นจึงควรดับแอร์ก่อนลุยน้ำท่วมลึกทุกครั้ง
ขับช้า ๆ
การขับฝ่าน้ำท่วมนั้น เราควรขับด้วยความช้า น้ำยิ่งลึกต้องยิ่งช้า เอาให้ไม่เกินระดับ 10-20 กม./ชม. จะช่วยลดความสูงของตัวน้ำช่วงที่เราวิ่งผ่านได้ รวมทั้งยังลดความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมทาง ทั้งรถที่วิ่งอยู่, จอดอยู่ใกล้ ๆ ที่เราขับผ่าน รวมถึงชาวบ้านบนถนนที่เดินผ่านไปมาด้วย และถ้าเป็นไปได้ ห้ามหยุดรถโดยเด็ดขาด ถ้าหยุด ควรแตะคันเร่งไว้เบา ๆ ให้รอบเครื่องเกินกว่า 1,000 รอบ/นาทีขึ้นไป ป้องกันการไหลย้อนของน้ำเข้าสู่ท่อไอเสีย
รักษาระยะห่างกับคันหน้าให้มากกว่าปกติ
เวลาเราขับรถลุยน้ำ ผ้าเบรกจะเปียก ดังนั้นจึงทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกนั้นลดลง จากเดิมที่เราใช้ความเร็วขนาดนี้ เบรกได้ในระยะที่เราเคยชิน แต่เมื่อขับรถลุยน้ำท่วม เบรกจะมีระยะทางที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ควรเพิ่มระยะห่างให้มากกว่าที่เราขับบนพื้นแห้งปกติ
ถ้าดับ ห้ามสตาร์ทใหม่
ถ้าคุณตัดสินใจขับรถลุยน้ำท่วมแล้วโชคร้าย รถเกิดดับไปกลางทางระหว่างแช่น้ำอยู่ สิ่งแรกที่ควรทำคือ “ทำใจ” แล้วค่อยออกจากรถอย่างระมัดระวัง และที่สำคัญคือ อย่าพยายามสตาร์ทรถใหม่ เพราะอาจจะเป็นการดูดน้ำให้เข้าสู่ระบบมากขึ้น จนเพิ่มจุดที่เสียหายให้มากกว่าเดิม วิธีดีที่สุดคือปล่อยรถแช่น้ำไป เรียกรถลากหรือรถยกมาเอารถออกไปจากจุดที่ดับ แล้วนำไปที่ศูนย์บริการหรืออู่ ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบต่อไป
ลุยเสร็จ อย่าเพิ่งดับ ย้ำเบรกบ่อย ๆ
ถ้าเราเป็น Survivor ที่สามารถขับรถผ่านน้ำท่วมมาได้ เราควรคำนึงไว้อยู่เสมอว่า “อย่าเพิ่งดับรถ” เพราะมีความเป็นไปได้ว่าน้ำอาจจะยังค้างอยู่ในท่อไอเสีย หรือจุดต่าง ๆ ภายในห้องเครื่องอยู่ ดังนั้นควรจะขับหรือเปิดเครื่องเอาไว้อย่างน้อยสัก 10 นาทีค่อยดับเครื่องได้ และช่วงที่เบรก ควรย้ำเบรกกันบ่อย ๆ เพื่อให้เบรกเกิดความร้อนจนไล่น้ำออกจากผ้าเบรกให้หมดนั่นเอง
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com