การดูแลหม้อน้ำรถยนต์ สิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 12 เม.ย. 64 00:00
- 15,363 อ่าน
การดูแลรักษารถยนต์คือสิ่งที่สำคัญอย่างมากเพื่อให้เราได้ใช้งานอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยแต่ละอย่างก็จะมีรูปแบบในการตรวจเช็คที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ต่องดูแลอย่างใกล้ชิด และบ่อยมากที่สุด คงหนีไม่พ้นการตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ เพราะระบบหล่อเย็นจะช่วยให้การทำงานของเครื่องยนต์ทำได้ต่อเนื่อง ถ้าหากระบบนี้ทำงานผิดพลาด จะทำให้เกิดการเสียหายอันใหญ่หลวงได้ วันนี้เราจึงมาย้ำกันอีกรอบในการดูแลหม้อน้ำกั
ทำไมต้องมีหม้อน้ำ
หม้อน้ำนั้นคือส่วนประกอบหลักของระบบหล่อเย็น ซึ่งจะทำหน้าที่ในการระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมผ่านทางน้ำ โดยระบบจะเอาน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำว่าเครื่องยนต์เข้าไปวิ่งวนรอบจุดที่เกิดความร้อนสะสม และระบายเอาน้ำนั้นออกมาลดอุณหภูมิที่ภายนอกในหม้อน้ำ แล้วนำน้ำกลับเข้าไปรับความร้อนใหม่ วนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้าระบบนี้มีปัญหา ไม่สามารถระบายความร้อนได้ เครื่องยนต์จะมีความร้อนสะสม จนเกิดความร้อนที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนภายในได้มากมาย เช่น ทั้งฝาสูบ ปะเก็น ลูกสูบ เป็นต้น ยิ่งถ้าเราใช้งานไปจนเครื่องน็อคแล้วดับเอง ก็หมายความว่าต้องเตรียมตัวซ่อมเครื่องขนานใหญ่ จนอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เลยก็เป็นได้
ดูแลหม้อน้ำอย่างไร
เบื้องต้นง่าย ๆ ในการดูแลหม้อน้ำรถยนต์ ถ้าคุณใช้งานรถยนต์ใหม่ที่อายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี และยังอยู่ในระยะรับประกันของทางค่ายรถยนต์ "ยังไม่จำเป็นต้องดูแล" ก็ได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วระบบระบายความร้อนจะยังคงทำงานได้สมบูรณ์อยู่ คนขับจะทำหน้าที่เพียงคอยสังเกตุที่หน้าปัดอยู่เสมอว่า ถ้ามีสัญลักษณ์ความร้อนสูง หรือเข็มความร้อนดีดขึ้นไปมากกว่าปกติเมื่อไหร่ (ส่วนใหญ่จะเกินครึ่ง) ให้ทำการจอดรถแล้วเรียกศูนย์บริการเพื่อให้นำรถไปตรวจสอบทันทีเพื่อความปลอดภัย
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้งานรถมาเกิน 2 ปีแล้ว หรือรถอยู่นอกระยะรับประกัน แนะนำให้เปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อตรวจสอบระดับน้ำในหม้อพักน้ำให้อยู่ตรงระดับ High อยู่เสมอ (ห้ามเติมจนเกินขีดนี้ หรือเต็มหม้อพักน้ำ ไม่อย่างนั้นระบบจะดึงน้ำทิ้งไปจนหมด) โดยยังไม่จำเป็นต้องเปิดที่ฝาหม้อน้ำ
แต่ถ้าคุณเริ่มใช้งานรถของคุณเกิน 4 ปีเป็นต้นไป แนะนำให้เปิดตรวจสอบดูน้ำในหม้อน้ำด้วยการเปิดฝาหม้อน้ำด้วยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยน้ำในหม้อน้ำควรต้อง "เต็ม" ตลอดเวลา ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำเริ่มลดลง ให้เติมน้ำไปจนเต็ม และต้องควรเริ่มตรวจสอบแล้วว่าน้ำมันหายไปจากจุดไหน เพราะปกติแล้วการใช้งานนั้น น้ำไม่ควรลดลง โดยเฉพาะเมื่อเราใช้น้ำยาหล่อเย็นผสมลงไปด้วย
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รถคุณเริ่มมีปัญหาเรื่องน้ำในหม้อน้ำลดลงแล้ว คุณควรตรวจสอบน้ำในหม้อน้ำและหม้อพักทุกวันก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานรถยนต์ของคุณเอง
น้ำยาหล่อเย็นจำเป็นไหม
ในระบบหล่อเย็น ตามเส้นทางต่าง ๆ จะมีส่วนประกอบมากมาย และแน่นอนว่ามีส่วนที่เป็นเหล็กด้วย ดังนั้นถ้าหากเราใช้น้ำในการเติมหม้อน้ำเพียงอย่างเดียว จะเป็นการเร่งให้เกิดสนิมหรือตะกรันภายในระบบ จนเกิดอาการรั่วหรือการอุดตันภายในหม้อน้ำได้อย่างง่ายดาย การเติมน้ำยาหล่อเย็นลงไปผสมด้วย จะเป็นการช่วยลดตะกรัน, ลดการเกิดสนิม ช่วยให้ระบบหล่อเย็นทำงานได้สมบูรณ์ในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น รวมทั้งน้ำยาหล่อเย็นยังช่วยให้จุดเดือดของตัวน้ำมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ด้วย ลดการระเหยของน้ำได้มากกว่าเดิม โดยอายุการใช้งานของน้ำยาหล่อเย็นนั้นอยู่ที่ประมาณ 1 ปี แต่ถ้าใช้งานแบบคุณภาพสูง ก็จะมีอายุการใช้งานยาวยาวนานถึง 2 ปีเลยทีเดียว
ทำไมน้ำยาหล่อเย็นต้องมีสี
ที่น้ำยาหล่อเย็นต้องมีสี เพราะจะช่วยหาจุดรั่วของน้ำได้ง่ายขึ้น โดยสังเกตุจากจุดเลอะภายในตัวเครื่อง ถ้าตรงไหนมีสีเดียวกับน้ำยาหล่อเย็นเกาะอยู่ แสดงว่าตรงนั้นคือจุดรั่วของน้ำ ให้รีบทำการแก้ไขโดยทันที รวมทั้งยังช่วยให้เราสังเกตุได้ด้วยเมื่อเติมน้ำลงในหม้อน้ำว่า น้ำยาหล่อเย็นเจือจางเกินไปหรือเปล่า ถ้าดูแล้วสีเริ่มใสใกล้เคียงกับน้ำเปล่าแล้ว ต้องทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำใหม่และเติมน้ำยาหล่อเย็นลงไปเพิ่มด้วยทันที
ข้อควรระวังในดูแลหม้อน้ำ
สิ่งสำคัญในการดูแลน้ำในหม้อน้ำ ที่คุณต้องท่องจำให้ขึ้นใจ ก็คือคุณไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องร้อน โดยเฉพาะหลังการดับเครื่องไม่เกินครึ่งชั่วโมง เพราะภายในหม้อน้ำจะมีแรงดันจากการขยายตัวของน้ำอย่างมหาศาล ถ้าคุณเปิดฝาขณะร้อน จะส่งผลน้ำภายในหม้อน้ำที่มีความร้อนสูงมาก พุ่งออกมาจนเป็นอันตรายต่อตัวคุณและคนที่อยู่ใกล้เคียงได้ และถ้าโชคร้าย ตัวฝาหม้อน้ำอาจจะถูกแรงดันจนกระเด็นไปโดนตัวเราหรือคนอื่นจนเกิดอันตรายได้ ดังนั้นจึงควรรอหลังจากดับเครื่องไปแล้วอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แต่ถ้ารีบกว่านั้น ก็ควรต้องรออย่างน้อย 15 นาที แล้วหาผ้าหนา ๆ มาจับที่ฝาหม้อน้ำแล้วค่อย ๆ หมุนเบา ๆ เพื่อให้น้ำนั้นระบายแรงดันออกมาทีละน้อย จะช่วยให้ลดความอันตรายจากน้ำร้อนได้
และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือถ้าหม้อน้ำยังร้อนอยู่ "ห้ามเติมน้ำโดยเด็ดขาด" เพราะการเติมน้ำเย็นลงไปจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการหม้อน้ำแตก จากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่รวดเร็ว ถ้าซวยกว่านั้น น้ำที่มีอุณภูมิเย็นที่วิ่งไปจนถึงเครื่องยนต์ ก็อาจจะส่งผลเสียจนถึงตัวเครื่องยนต์เลยก็เป็นได้
หม้อน้ำไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหา
แน่นอนว่าระบบหล่อเย็นนั้น หม้อน้ำคือสิ่งสำคัญที่สุดในการระบายความร้อน ปัญหาหลักที่พบบ่อยในหม้อน้ำคือหม้อน้ำตันและหม้อน้ำรั่ว จนทำให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่หม้อน้ำก็ไม่ใช่ทั้งหมดในระบบระบายความร้อน ยังมีระบบอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เช่น ฝาหม้อน้ำ, ท่อยางทางเดินน้ำ, ปั๊มน้ำ, วาล์วน้ำ, พัดลมหม้อน้ำ เป็นต้น ทุกชิ้นล้วนสำคัญ ถ้าจุดไหนทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้ระบบระบายความร้อนทำงานไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องคอยสังเกตุอยู่เสมอให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะ สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ "ขับรถจนความร้อนพุ่ง มันจะเกิดจากสาเหตุไหนได้บ้าง?"
อย่าไปเชื่อคนที่บอกว่า "ให้ตรวจเช็คน้ำในหม้อพักน้ำอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องเปิดฝาหม้อน้ำก็ได้" เพราะถ้าคุณใช้งานรถเกินกว่า 4 ปีแล้ว ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าน้ำในหม้อน้ำจะไม่ลดลงเองโดยที่น้ำในหม้อพักไม่ลดลง ยิ่งถ้าตัวฝาหม้อน้ำมีอาการเสื่อมสภาพทั้งอาการลูกยางเสื่อมหรือตัวสปริงล้า ก็จะส่งผลให้น้ำในหม้อพักไม่ถูกดูดมาเข้าที่หม้อน้ำก็เป็นได้ ดังนั้นการเปิดดูที่ตัวหม้อน้ำตรงก็สำคัญ เสียเวลาเล็กน้อย แต่ช่วยลดต้นเหตุของเครื่องพัง ก็น่าจะคุ้มค่านะครับ
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com