อาการฝาสูบโก่ง มาจากสาเหตุอะไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่าฝาสูบโก่งแล้ว
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 5 ส.ค. 61 00:00
- 209,324 อ่าน
คนที่ใช้งานรถยนต์แบบป้ายแดงอาจจะไม่เคยเจอกับอาการฝาสูบโก่งกันสักเท่าไหร่ เพราะระบบการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ยังดีอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป การระบายความร้อนเริ่มมีปัญหา ถ้าไม่ดูแลให้ดี ก็อาจจะทำให้อาการฝาสูบโก่งเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อครับ
ฝาสูบนั้น เป็นชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ที่ใช้ปิดเสื้อสูบ ประกอบด้วยช่องน้ำระบายความร้อน ห้องเผาไหม้ ครีบ และวาล์ว ประกบกับเสื้อสูบโดยมีปะเก็นฝาสูบอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นจุดที่รับความร้อนจากการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้แบบเต็มๆ ทำให้อุณหภูมิบริเวณนี้สูงมาก จึงต้องใช้วิธีการระบายความร้อนจากตรงนี้ออกไปให้เย็นลง เครื่องยนต์จะได้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดการใช้งาน ซึ่งเป็นหน้าที่ของหม้อน้ำนั้นเอง
เมื่อเวลาผ่านไป จนถึงวันซวยของเจ้าของรถ หม้อน้ำดันเกิดอาการไม่สามารถทำงานได้ จากหลากหลายสาเหตุ ทั้งฝาครอบหม้อน้ำชำรุด, หม้อน้ำรั่ว, ท่อน้ำรั่ว, ปั๊มน้ำเสีย, พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน โอ๊ยสารพัด ทำให้ไม่สามารถส่งน้ำเข้าไประบายความร้อนบริเวณเครื่องยนต์ได้ เครื่องยนต์ก็เกิดความร้อนสะสมสูง ถ้าคนขับอยู่ไม่ได้สังเกตสัญญาณความร้อนของเครื่องยนต์ที่ขึ้นเตือนบนหน้าปัด แล้วยังใช้งานต่อไป อาการแรกที่พบก็คือ เครื่องยนต์จะดับ สตาร์ทไม่ติด เมื่อจอดอยู่ก็อาจจะพบการรั่วของน้ำมันเครื่องหยดลงที่พื้นได้ เอาเป็นว่าถ้าเครื่องยนต์ Overheat จนเครื่องยนต์ดับ งานนี้เตรียมเงินไว้ซ่อมใหญ่ได้เลยครับ
แต่ การที่เครื่องยนต์ Overheat จนเครื่องดับ ไม่ได้แปลว่าสูบจะโก่งทุกครั้ง ถ้าโชคดีตัวปะเก็นแตกซะก่อน ตัวฝาสูบก็อาจจะไม่โก่งก็ได้ วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นคือ ให้แก้ไขจนระบบการระบายน้ำทำงานปกติ เปิดฝาหม้อน้ำไว้แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ ถ้ามีอาการฟองผุดหรือน้ำดันออกตอนสตาร์ทเลย ก็มีสิทธิ์ว่าฝาสูบอาจจะโก่ง แต่ถ้าปิดฝาหม้อน้ำแล้วสตาร์ทรถทิ้งไว้สักครู่ เมื่อดับรถแล้วเปิดฝาหม้อน้ำออกมา แล้วมีคราบน้ำมันผสมอยู่ในหม้อน้ำ, ดึงก้านเช็คระดับน้ำมันเครื่องแล้วพบคราบน้ำ อย่างนี้ก็ชัดเจนแน่นอนว่าฝาสูบโก่งแน่นอน
การแก้ไข ต้องพึ่งช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างเดียวเลยครับ เบื้องต้นต้องให้ช่างตรวจสอบดูก่อนเลยว่าตัวฝาโก่งมากขนาดไหน มีความเสียหายที่ชิ้นส่วนไหนบ้าง ก็เปลี่ยนไปตามสภาพ แต่สำหรับฝาสูบแล้ว ถ้าโก่งไม่มาก ช่างอาจจะเลือกใช้วิธีปาดฝาสูบแล้วเอากลับไปใช้งานอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการประหยัดค่าซ่อมมากที่สุด แต่อันนี้ต้องระวังให้ดี เพราะถ้าช่างที่ซ่อมมีความชำนาญไม่พอ ก็อาจจะทำให้ซ่อมไม่จบได้ ที่พบบ่อยๆคือยังเจออาการน้ำดันอยู่ แบบนี้ต้องแล้วแต่ดวงจริงๆครับ แต่ถ้าฝาสูบดันโก่งมากเกินหรือถึงขั้นแตก ให้เปลี่ยนฝาไปเลยจะดีกว่าครับ ก็แล้วแต่ว่าจะเลือกฝามือ 1 หรือมือ 2 เพราะราคาจะแตกต่างกันเป็นอย่างมาก อย่างฝาสูบมือ 1 เบิกศูนย์เนี่ย ราคาพอๆกับการเปลี่ยนเครื่องยนต์มือ 2 ได้เลย แต่เครื่องหรือฝามือ 2 ถ้าช่างที่เลือกซื้อไม่เก่งพอ ก็เจอเครื่องเน่าต้องเอามาบิ้วท์ใหม่อีก ดังนั้นก็ลองพิจารณาดูตามความเหมาะสมแล้วกันครับ
การป้องกันไม่ให้ฝาสูบโก่ง ไม่ยากเลยครับ อย่างแรกคือหมั่นดูแลรักษาระบบหล่อเย็นให้ทำงานปกติมากที่สุด ตรวจสอบระดับน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือถ้าทำได้ทุกวันก็ยิ่งดี เมื่อพบความผิดปกติเมื่อไหร่ก็ให้รีบเอาเข้าอู่เพื่อตรวจสอบแก้ไขทันทีครับ และอีกอย่างคือ เวลาขับรถควรสังเกตความร้อนของเครื่องยนต์อยู่บ่อยๆครับ ให้ทำเป็นความเคยชินเลย ถ้าเข็มความร้อนเริ่มสูงผิดปกติเมื่อไหร่ หรือบางรุ่นไม่มีเข็มเตือน แต่จะขึ้นสัญลักษณ์ไฟสีแดงขึ้นมาเตือนแทน ให้รีบดับแอร์ทันที แล้วขับรถให้ช้าลง สังเกตดูว่าความร้อนลดลงหรือไม่ ถ้าลด ให้ขับรถช้าๆแล้วเอาเข้าอู่ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ลด หรือมีความร้อนมากกว่าเดิม ให้จอดรถทันที แล้วเรียกรถสไลด์มายกไปที่อู่ดีกว่าครับ
การใช้และดูแลรถนั้นไม่ยากครับ เพียงแต่เราต้องใส่ใจที่จะดูแลมันสักหน่อย มันคุ้มค่ากว่าปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วมาแก้ไขทีหลังแน่นอนครับ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com