เจาะรถเด่น!! 2021 Mercedes-Benz E-Class Facelift หล่อใหม่เก๋งกลางพรีเมี่ยมจากเยอรมัน จ่อเข้าไทย กุมภาพันธ์นี้
- โดย : Autodeft
- 28 ม.ค. 64 00:00
- 9,466 อ่าน
หลังจากปล่อยให้เพื่อนรักเพื่อนแค้นอย่าง BMW 5 Series ปรับโฉมปรับความหล่อพร้อมความปลอดภัยเต็มคันจำหน่ายจนยอดขายโตวันโตคืน ทำให้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมครั้งแรกกับ Mercedes-Benz E-Class Facelift
Mercedes-Benz E-Class Facelift มาพร้อมหน้าใหม่ สปอร์ตใหม่ ภายใต้ความหรูหราและเอกลักษณ์เด่นหล่อเหลายกชุดมาจาก Mercedes-Benz CLS ไม่ว่าจะปรับดีไซน์กระจังหน้าพร้อมโลโก้ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ สปอร์ตมากขึ้น ไฟหน้า MULTIBEAM LED โคมใหม่ พร้อม ไฟ daytime แบบ LED รูปตัว L สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน รวมถึงกันชนหน้าใหม่ลงตัวสปอร์ตมากขึ้น ฝากระโปรงออกแบบใหม่รับกับบุคลิกที่ลงตัว พร้อมไฟท้ายใหม่แบบ LED ออกแบบรับกับฝาท้ายที่สปอร์ตงดงามพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 245/45 R18 ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง พร้อมยาง 245/40R19 สำหรับล้อหน้า และ 275/35R19 สำหรับล้อหลัง และใหญ่สุด ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางหน้า 245/35 R20 และยางหลังขนาด 275/30 R20
ภายในตกแต่งใหม่แต่ความรู้สึกยังหรูหราเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ใหม่สปอร์ตแบบ 3 ก้าน มาตรวัดขนาดใหญ่พร้อมจอสัมผัสในชุดเดียวกันแบบ 10.25 หรือ 12.3 นิ้วพร้อม MBUX (Mercedes-Benz User Experience)งลำโพงชุดใหม่รอบทิศทาง Burmester พร้อมเบาะนั่งหนังแท้ลวดลายใหม่ ทั้งแบบ ARTICO Nappa ฯลฯ
สำหรับเมืองไทยมีขุมพลังให้เลือกถึง 3 รูปแบบตั้งแต่ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Plug-In Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส M274 DE 20 AL 4 สูบ 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบ/นาที ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าพัฒนาใหม่เพิ่มพลังถึง 122 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะแรงม้าสูงสุด 320 แรงม้าที่ 4,500-5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงถึง 700 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9 G-Tronic ทั้งการช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ด้วย E-Mode ได้ไกลกว่าเดิมถึง 30% หรือวิ่งในโหมดนี้ได้ไกลสูงสุดถึง 50 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ควบคู่กับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุ 13.5 kWh ผสานกับประสิทธิภาพของเซลล์แบตเตอรี่ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ส่งผลให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 10% จนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 50 นาทีหากชาร์จด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในรุ่น E300 e
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลยังจำหน่ายต่อไปกับ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรหัส OM654 2.0 ลิตร 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9 G-Tronic พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย แบบ Gerashift Paddles ในรุ่น E 220 d
และปิดท้ายด้วยความแรงจาก Mercedes-AMG E53 ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่แบบ 6 สูบเรียง รหัส M256 3.0 ลิตร สามารถให้กำลังมากถึง 435 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,800 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.5 วินาที พร้อมระบบ EQ Boost ที่สามารถเสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ ถึง 22 แรงม้า รองรับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตร รวมถึงสามารถ สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ด้วยเทคโนโลยีเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission เป็นระบบเกียร์ที่ตอบสนองดีขึ้นเมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+ แบบแปรผันได้สมบูรณ์แบบ Mercedes-Benz E-Class Facelift ซีดานหน้าใหม่ พร้อมเปิดตัวในเมืองไทยโดยอาจพบกันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้
ที่มาข้อมูล Nufai Jaranya
ชม Gallery The New Mercedes-Benz E-Class ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com