คุณไม่ได้ไปต่อ!! Honda เตรียมปิดฉาก 3 ยนตกรรมเด่นที่ญี่ปุ่น ภายในปี 2021

  • โดย : Autodeft
  • 18 มิ.ย. 64
  • 4,947 อ่าน

ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น เริ่มมีแผนรัดเข็มขัดตัดค่าโสหุ่ยที่ไม่จำเป็นออก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจให้เดินต่อไปได้และกลับมามีกำไรไม่ว่าจะเป็นการปิดโรงงาน การหยุดทำตลาดในบางประเทศ แม้กระทั่งการหยุดขายรถยนต์บางรุ่นที่ไม่ประสบความสำเร็จ

Honda Legend

Honda Legend

อย่างเช่น ฮอนด้า ที่จะต้องประกาศข่าวร้ายให้กับสาวกที่ชื่นชอบนั่นคือการยุติการทำตลาดรถยนต์นั่ง และรถเอ็มพีวี ด้วยกันถึง 3 รุ่น สำหรับตลาดญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Honda Legend เก๋งใหญ่ตัวหรูที่ทำตลาดมาถึง 36 ปี ผ่านมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2014 ในรหัส KC ล่าสุดด้วยการเพิ่มออพชั่น ระบบ Honda SENSING Elite สามารถรองรับการขับขี่อัตโนมัติ Level 3 นั่นก็คือผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัยในการขับขี่ทั้งทางตรง เปลี่ยนเลน และเร่งแซง พร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติพร้อมรายงานการจราจรที่หนาแน่นแบบล่วงหน้า Traffic Jam Pilot ระบบ Emergency Stop Support Function ส่งเสียงเตือนและสั่นที่เซ็มขัดนิรภัยเพื่อให้ผู้ขับขี่จับพวงมาลัยแต่ถ้าไม่จับระบบจะเปิดไฟฉุกเฉินและเสียงแตรแจ้งให้เพื่อนที่ใช้ถนนเพื่อให้รถไปจอดที่ไหล่ทางอย่างปลอดภัย และระบบ Traffic jam assist ช่วยขับยามรถติดระบบนี้จะช่วยขับแทนเราในช่วงรถติดหรืออยู่บนทางหลวงไฮเวย์

พร้อมเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด ขนาด 3.5 ลิตร V6 ตอบสนองในการขับขี่ด้วยกำลังสูงสุด 314 แรงม้า แรงบิด 371 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับ มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว H2 ให้กำลังถึง 48 แรงม้า แรงบิด 148 นิวตันเมตร กับ H3 37 แรงม้า รอบ/นาที 73 นิวตันเมตร โดย สองตัวอยู่ด้านหลังและหนึ่งตัวอยู่หน้า ให้กำลังรวมสูงสุด 382 แรงม้า จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 สปีด

Honda Odyssey

Honda Odyssey

ส่วนอีกรุ่นนั่นคือ Honda Odyssey เอ็มพีวีหรูที่ได้รับการตอบรับมายาวนานถึง 27 ปี ตั้งแต่ปี 1994 ซึ่งปัจจุบันจำหน่ายด้วยกันถึง 2 เวอร์ชั่นทั้งเวอร์ชั่นญี่ปุ่นและอเมริกา แต่รุ่นที่จะต้องยุติจำหน่ายคือเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเจน 5 ในรหัส RC เครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC e:HEV กับ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 2.0 ลิตร LFA-H4 พร้อมติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่อยู่ใต้พื้นของที่นั่งด้านหน้า จากภาคเครืองยนต์ให้กำลังถึง 145 แรงม้า แรงบิด 175 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า H4 ให้กำลังถึง 135 แรงม้า แรงบิด 175 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ามากถึง 184 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนระบบเกียร์ E-CVT (Electrically-controlled Continuously Variable Transmission พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 2.4 ลิตร K24W 175 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมหน้าตาที่ปรับโฉมเป็นครั้งที่ 2 เมื่อปีกลาย ปรับเปลี่ยนด้วยกันชนหน้า-หลังทรงใหม่, กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่เน้นส่วนของโครเมียมมากขึ้นกว่าเดิม ลดลายเส้นบนฝากระโปรง ไฟหน้าทรงใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมแบบ LED ประตูท้ายทรงใหม่ ไฟท้าย LED ทรงใหม่ สามารถเปิด-ปิดฝาท้ายด้วยระบบ Hand Free พร้อมล้ออัลลอยขนาดใหม่ 17 นิ้ว และ 18 นิ้ว ความหรู 7 ที่นั่ง และเด่นด้วยระบบเปิดประตูท้ายแบบเตะใต้รถได้ เปิด-ปิดประตูด้านข้างโดยใช้การโบกมือ

Honda Clarity Fuel Cell

ปิดท้ายด้วย Honda Clarity เก๋งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโดรเจน ที่เปิดตัวตั้งแต่ ปี 2015 พัฒนามาจากต้นแบบ Honda FCV Concept พร้อมขุมพลัง ไฮโดรเจน หรือ Fuel Cell ที่มีส่วนประกอบของ Fuel Cell Stack ที่มีขนาดเล็กลงพร้อมให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร พร้อมถังไฮโดรเจนแรงดันสูง 70 MPa ความจุ 141 ลิตร สามารถวิ่งได้สูงสุด 750 กิโลเมตร และเติม Hydrogen เข้าถัง โดยใช้เวลาสั้นเพียง 3 นาที นอกจากนี้ยังมี Power Exporter 9000 ซึ่งเป็นตัวส่งพลังงานกำลังสูงสามารถจ่ายพลังไฟฟ้าให้บ้าน ได้นานถึง 1 สัปดาห์เป็นออฟชั่นเสริม

โดยทั้ง 3 รุ่นเตรียมที่จะหยุดการจำหน่ายสิ้นปี 2021 นี้ ถึงไม่มีสาเหตุที่ต้องยกเลิกการจำหน่ายทีเดียวตั้ง 3 รุ่น จากต้นสังกัด แต่ก็ยังมีสต็อกจำนวนหนึ่งที่ต้องรีบเป็นเจ้าของสำหรับชาวญี่ปุ่น และ 3 รุ่นดังกล่าวไม่เกียวข้องกับตลาดเมืองไทยทั้งสิ้น

ที่มา Carscoops

 

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ