Ford ได้เงินกู้ สร้างโรงงานแบตเตอรี่ EV แต่ดีลล่ม SK On ถอนตัว สะท้อนตลาดรถไฟฟ้าสหรัฐสั่นคลอน
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 15 ธ.ค. 68 21:41
- 1,004 อ่าน
Ford เคยแสดงจุดยืนชัดเจนต่ออนาคตรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อปี 2021 ด้วยการจับมือ SK On ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่จากเกาหลีใต้ ลงทุนรวมมูลค่า 11.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ดีลขนาดยักษ์นี้ถูกมองว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของ Ford ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV อย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี 2025 ทิศทางกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อทั้งสองบริษัทตัดสินใจยุติความร่วมมือด้านแบตเตอรี่ EV ลง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดรถไฟฟ้า และสภาพแวดล้อมเชิงนโยบายที่ไม่เอื้อเหมือนเดิม
การแยกทางครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสองปัจจัยสำคัญ คือการยกเลิกหรือปรับลดเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อยอดขาย EV และการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐชุดปัจจุบันในการปรับมาตรฐานอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงใหม่ ซึ่งถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ต่อรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปมากกว่ารถไฟฟ้า
ภายใต้ข้อตกลงใหม่ SK On จะเข้าควบคุมโรงงานแบตเตอรี่ในรัฐเทนเนสซีที่ก่อตั้งขึ้นแล้ว ซึ่งรู้จักกันในชื่อ BlueOval ขณะที่ Ford จะรับช่วงดูแลโรงงานอีกสองแห่งในรัฐเคนทักกีที่ตั้งอยู่ติดกัน โดย SK On เป็นฝ่ายยื่นเรื่องยุติบริษัทร่วมทุนอย่างเป็นทางการ แม้จะยืนยันว่ายังคงมีแผนทำงานร่วมกับ Ford ต่อไปในบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรงงานเทนเนสซี
SK On ระบุว่าการยุติความร่วมมือนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและความยืดหยุ่นทางธุรกิจ รวมถึงเปิดโอกาสให้บริษัทเร่งขยายธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานในอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในระยะสั้น
ผลกระทบสำคัญอีกด้านคือเงินกู้จากภาครัฐที่เคยได้รับอนุมัติในช่วงปลายรัฐบาลไบเดน ซึ่งเดิมมีมูลค่าสูงสุดถึง 9.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการบริษัทร่วมทุน โดยขณะนี้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การดูแลของโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมปรับโครงสร้างเงินกู้ดังกล่าวใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาษีประชาชน และเร่งการชำระคืน แม้ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดว่าจะถูกปรับลดลงมากเพียงใด

รายงานระบุว่า Ford กำลังทำงานร่วมกับกระทรวงพลังงานสหรัฐโดยสมัครใจ เพื่อชำระคืนเงินกู้เร็วกว่ากำหนดเดิม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ธุรกิจรถไฟฟ้าของบริษัทกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Ford ในตลาดสหรัฐลดลงต่อเนื่อง และ Jim Farley ซีอีโอของบริษัทเคยออกมายอมรับว่า ภายใต้นโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ยอดขาย EV ในสหรัฐอาจลดลงได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ Ford ยังขาดทุนจากธุรกิจรถไฟฟ้าก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีถึง 5.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และคาดว่าตัวเลขขาดทุนจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้
นักวิเคราะห์มองว่าการยุติความร่วมมือครั้งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก Dan Ives กรรมการผู้จัดการจาก Wedbush Securities ให้ความเห็นว่า สัญญาณล้มเหลวของดีลนี้เริ่มชัดเจนมาระยะหนึ่งแล้ว และ Ford จำเป็นต้องตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ยากลำบาก การยอมถอยในจังหวะนี้อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในสภาพตลาด EV ที่หดตัวลงอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หลายค่ายรถเคยคาดหวัง และแม้แต่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Ford ก็ยังต้องปรับเกมครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอดในระยะยาว
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com




