Nissan Navara เจเนอเรชันใหม่ ภายใต้พื้นฐาน Mitsubishi Triton มากกว่าที่คิด

Nissan เตรียมเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ Navara อย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับกระบะขนาดกลางที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 10 ปี โดยรุ่นใหม่นี้ถูกพัฒนาโดยใช้พื้นฐานเดียวกับ Mitsubishi Triton ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่านี่คือ “Navara” ที่แท้จริง หรือเพียงแค่ Triton ภายใต้โลโก้ Nissan

แม้จะใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกับ Mitsubishi Triton แต่ Navara รุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบด้านหน้าใหม่ทั้งหมด เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ Nissan ด้วยกระจังหน้าและไฟหน้าที่มีลวดลาย LED เฉพาะตัว ส่วนด้านท้ายยังคงมีโครงร่างไฟท้ายแบบ Triton แต่เพิ่มแผงสีดำบริเวณฝาท้าย พร้อมตัวอักษร “NAVARA” ปั๊มนูนบนโลหะ เพิ่มความพรีเมียมและความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น

ด้านข้างของตัวรถยังคงสัดส่วนคล้าย Triton แต่มีการปรับรายละเอียดบางส่วน เช่น ชุดแต่งตกแต่งและเส้นสายตัวถังหลังห้องโดยสารให้ดูมีความแข็งแกร่งขึ้น รุ่นที่ปรากฏในคลิปทีเซอร์ยังมาพร้อมสปอร์ตบาร์ด้านหลัง บ่งบอกว่าเป็นรุ่นท็อประดับสูงสุดของไลน์อัป

ใต้โครงสร้างตัวถัง Navara ใหม่จะใช้แชสซีแบบ Ladder Frame ของ Mitsubishi Triton ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่ทาง Nissan ยืนยันว่าจะมีการปรับแต่งเชิงวิศวกรรมและการออกแบบ เพื่อให้แตกต่างจากรุ่นพี่ร่วมแพลตฟอร์มอย่างชัดเจน

ขุมพลังคาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 201 แรงม้า (204 PS) เช่นเดียวกับ Triton พร้อมทางเลือกเวอร์ชัน Plug-in Hybrid ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อตอบรับกระแสรถกระบะไฟฟ้าและไฮบริดที่เติบโตขึ้นทั่วโลก

Nissan ยังเตรียมเปิดตัวรุ่นสมรรถนะสูง Pro-4X Warrior ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท Premcar จากออสเตรเลีย และอาจตามมาด้วยรุ่น NISMO ในอนาคต เพื่อเติมเต็มภาพลักษณ์สายลุยให้กับ Navara เจเนอเรชันใหม่

นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1986 Navara ขายไปแล้วกว่า 420,000 คันทั่วภูมิภาคโอเชียเนีย และรุ่นใหม่นี้จะเริ่มวางจำหน่ายภายในครึ่งแรกของปี 2026 โดยจะต้องเผชิญการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่งในตลาดกระบะระดับโลกอย่าง Toyota Hilux รุ่นใหม่, Ford Ranger, Volkswagen Amarok, Isuzu D-Max, Mazda BT-50 รวมถึงแบรนด์น้องใหม่จากจีนและเกาหลีอย่าง JAC, GWM, Kia Tasman และ BYD Shark

แม้ Navara รุ่นล่าสุดจะมี DNA จาก Mitsubishi ชัดเจน แต่ Nissan ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้สร้างความแตกต่างด้านดีไซน์และสมรรถนะ เพื่อให้รถกระบะรุ่นนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์และสายลุยในยุคใหม่อย่างลงตัว

ที่มา Carscoops