Porsche 911 Turbo S รุ่นใหม่เปิดตัวพร้อมระบบไฮบริดครั้งแรก เร็วแรงขึ้นแต่ก็น้ำหนักมากขึ้น

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 8 ก.ย. 68 21:08
  • 1,029 อ่าน

Porsche เปิดตัว 911 Turbo S รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งแบบคูเป้และเปิดประทุน โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ซูเปอร์คาร์ไอคอนิกอย่าง 911 Turbo S ถูกติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฮบริด มาพร้อมพลังและเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับสมรรถนะให้เหนือกว่าเดิม พร้อมราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

Porsche 911 Turbo S

สำหรับรุ่นปี 2026 วิศวกรจาก Weissach ได้เลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนามาจาก 911 GTS โดยแทนที่จะใช้เทอร์โบชาร์จไฟฟ้าเพียงตัวเดียวเหมือนใน GTS Turbo S กลับมาพร้อม eTurbo ถึง 2 ตัว ส่งผลให้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ขนาด 3.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 701 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 590 lb-ft ระหว่าง 2,300-6,000 รอบ/นาที มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 61 แรงม้า และยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมที่เชื่อมเข้ากับเกียร์คลัตช์คู่ 8 จังหวะ ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Porsche Traction Management

สมรรถนะการเร่งทำได้อย่างน่าประทับใจ อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. (0-60 ไมล์/ชม.) ใช้เวลาเพียง 2.4 วินาที และเร่งถึง 200 กม./ชม. ภายใน 8.4 วินาที เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึงครึ่งวินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กม./ชม. แม้จะลดลงจากรุ่นก่อน 8 กม./ชม. แต่ยังคงเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตที่เร็วที่สุดในตลาด

Porsche 911 Turbo S

แม้น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นถึง 82 กิโลกรัม รวมเป็น 1,736 กิโลกรัม เนื่องจากการเสริมระบบไฮบริด แต่ Porsche ยืนยันว่าการควบคุมยังคงเฉียบคมยิ่งขึ้น โดยต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 รถต้นแบบยังสามารถทำเวลาในสนาม Nürburgring Nordschleife ได้เพียง 7:03.92 นาที เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 14 วินาที

เทคโนโลยีการควบคุมก็ได้รับการอัปเกรดอย่างครบถ้วน เช่น ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control ที่ตอบสนองได้ไวกว่าเดิมเพราะใช้ระบบไฟฟ้า 400 โวลต์เช่นเดียวกับในรุ่น GTS ชุดเบรกเซรามิกขนาดใหญ่ล้อมด้วยยางสมรรถนะสูง พร้อมระบบแอโรไดนามิกใหม่ ทั้งช่องระบายความร้อนแบบปรับได้ ดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้า และสปอยเลอร์หลังที่ยืดหดได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการระบายความร้อนและการยึดเกาะถนน

Porsche 911 Turbo S

ภายในห้องโดยสารยังคงสไตล์ 992.2 แต่เพิ่มความพิเศษในฐานะรุ่นท็อป เช่น การตกแต่งด้วยวัสดุ Turbonite, คาร์บอนไฟเบอร์แทรกด้วยสี Neodyme และเพดาน Race-Tex สีดำ เบาะคู่หน้าปรับได้ 18 ทิศทางในรุ่นคูเป้ (เบาะหลังเป็นออปชัน) ส่วนรุ่นเปิดประทุนมาพร้อมเบาะ 2+2 ตามมาตรฐาน พร้อมโปรแกรม Exclusive Manufaktur ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งเฉพาะตัว รวมถึงโปรแกรม Paint to Sample และนาฬิกา Chronograph จาก Porsche Design ที่ออกแบบมาเข้าคู่กับรถ

สำหรับราคาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา รุ่นคูเป้เริ่มต้นที่ 270,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.9 ล้านบาท) และรุ่นเปิดประทุนที่ 284,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10.4 ล้านบาท) ยังไม่รวมค่าขนส่งและภาษี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าถึงกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ Porsche ระบุว่าราคาสุดท้ายอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐในอนาคต

ที่มา Carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ