Tensor เปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับระดับ 4 ที่คุณเป็นเจ้าของได้ พร้อมพวงมาลัยเก็บซ่อนได้เมื่อไม่ใช้

Tensor บริษัทผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ เปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับระดับ 4 (Level 4) รุ่นแรกที่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้ โดยรถ SUV ไฟฟ้ารุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษอย่างพวงมาลัยและแป้นเหยียบที่สามารถเก็บซ่อนไว้ในแผงหน้าปัดเมื่อรถทำงานในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ช่วยเพิ่มความทันสมัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน

ดีไซน์ภายนอกของรถดูคล้ายรถยนต์ขนาดใหญ่สไตล์ครอสโอเวอร์ มีความยาว 5,525 มิลลิเมตร มาพร้อมกระจกข้างดิจิทัล ล้ออากาศพลศาสตร์ และประตูหลังแบบเปิดสไลด์ที่ช่วยให้ง่ายต่อการขึ้นลง ภายในติดตั้งหน้าจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและจอสำหรับความบันเทิงด้านหลัง พร้อมเบาะหนังที่มีฟังก์ชันอุ่น ระบายอากาศ และนวด ที่นั่งออกแบบให้หรูหราด้วยวัสดุสเวดและผ้ารวมถึงไฟส่องสว่างบรรยากาศแบบเลือกสีได้ถึง 128 สี

รถรุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าพลังงาน 112 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จจาก 20% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 10 นาที พร้อมระบบพวงมาลัย 4 ล้อและช่วงล่างแบบถุงลม เทคโนโลยีอัตโนมัติระดับ 4 ถูกขับเคลื่อนด้วยเซ็นเซอร์มากกว่า 100 ตัว รวมถึงกล้อง 37 ตัว, ไลด้าร์ 5 ตัว และเรดาร์อีก 11 ตัว ข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง พร้อมระบบ AI สองชุดที่เลียนแบบการตัดสินใจของมนุษย์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ขับขี่ที่ซับซ้อนหรือไม่คาดคิดได้อย่างมั่นใจแม้ในสภาพอากาศเลวร้าย

เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ข้อมูลทั้งหมดจะถูกประมวลผลภายในตัวรถและเก็บไว้ในเครื่อง ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านแอปสมาร์ตโฟนที่เข้ารหัส นอกจากนี้ยังมีฝาครอบกล้องและสวิตช์ปิดไมโครโฟนให้ควบคุมได้เอง ระบบทำความสะอาดเซ็นเซอร์อัจฉริยะจะทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาความสะอาดและความแม่นยำในการตรวจจับในทุกสภาพอากาศ

รถยนต์รุ่นนี้จะผลิตโดย VinFast ที่โรงงานในเวียดนาม และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 โดยจะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกทั้ง Tensor ยังจับมือกับบริษัทประกัน Marsh เพื่อเปิดตัวนโยบายประกันภัยสำหรับรถยนต์ไร้คนขับโดยเฉพาะ โดยสัญญาว่าค่าประกันจะถูกลงเนื่องจากความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับสูง

Tensor จึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่พยายามผสมผสานเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูงกับความยืดหยุ่นของผู้ขับขี่ให้สามารถควบคุมรถได้เมื่อจำเป็น พร้อมความสะดวกสบายจากรถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ที่กำลังจะเปลี่ยนวิถีการเดินทางของคนในอนาคต

ที่มา Carscoops