เปิดตัว Toyota Corolla รุ่นปรับโฉมใหม่ปี 2023 ที่มาพร้อมการดีไซน์ใหม่แบบสุดล้ำ

คงไม่ผิดที่จะพูดว่า Toyota Corolla คือ หนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยมันจะได้รับการปรับแต่งโฉมใหม่ในช่วงเวลาที่เริ่มเข้าสู่ช่วงโรยรา โดยรถยนต์ Toyota Corolla รุ่นล่าสุด ได้รับการปรับโฉมด้วยการปรับแต่งการออกแบบและติดตั้งเทคโนโลยีไฮบริดแบบใหม่

ในปี 2018 ที่ผ่านมา Toyota ได้ทำการเปิดตัวรถรุ่น Corolla ในเจนเนอเรชั่นที่ 12 โดยรถรุ่นดังกล่าวได้เข้าไปแทนที่รุ่น Auris และเป็นการนำรถรุ่นที่มีชื่อเสียงนี้กลับไปสู่ตลาดสหราชอาณาจักรอีกครั้ง โดยรถที่ออกมามีทั้งแบบที่เป็นสไตล์แฮทช์แบคและทัวริ่งสปอร์ต ซึ่งเป็นสไตล์ที่ทรงคุณค่ามาก โดยทั้งสองรุ่นได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีไฮบริดที่ยกมาจากรถรุ่นที่มียอดขายสูงสุดอย่าง Prius และตอนนี้ Toyota ก็ได้ทำการปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้รถรุ่นใหม่นี้มีกำลังมากขึ้น

 

โดยระบบส่งกำลังแบบไฮบริดที่สามารถ "ชาร์จเองได้" ที่ได้รับการติดตั้งในรถรุ่นนี้นั้น จะมีให้เลือกทั้งขนาด 1.8 หรือ 2.0 ลิตร โดยทั้งสองตัวเลือกนั้นต่างก็จะได้รับกำลังที่มากยิ่งขึ้น เทียบกับรถรุ่นเก่าที่มีกำลังเพียง 138 แรงม้า ในขณะที่รถรุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับแต่งแล้วนั้น จะให้กำลังมากถึง 193 แรงม้า โดยรถที่ได้รับการติดตั้งระบบส่งกำลังทั้งสองขนาดนี้ จะยังคงจับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ใช้การขับเคลื่อนล้อหน้า

ในรถรุ่น 1.8 ลิตรนั้น จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 - 62 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 9.2 วินาที ในขณะที่รถรุ่น 2.0 ลิตร จะสามารถเร่งความเร็วได้เท่ากัน ในเวลาเพียง 7.5 วินาที และถึงแม้ว่าจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบเครื่องยนต์ แต่ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซค์ก็จะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ 102 ก./กม. สำหรับรถรุ่น 1.8 ลิตร และ 107 ก./กม. สำหรับรุ่น 2.0 ลิตร

 

โดยทาง Toyota ยังได้เผยออกมาอีกว่า หากคุณได้สัมผัสกับรถ Corolla รุ่นใหม่นี้แล้ว คุณน่าจะสัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อนที่มากยิ่งขึ้น ด้วยการที่ทางผู้ผลิตได้ตั้งค่าปรับเทียบระบบคันเร่งใหม่ และมีการปรับแต่งในเรื่องของเสียงจากระบบส่งกำลังที่จะทำงานในเวลาที่รถเร่งความเร็วขึ้นเพิ่มเติม แน่นอน! มันจะทำให้รถนั้นมีเสียงที่เงียบขึ้น

 

และคงไม่ได้มีแค่เรื่องของสมรรถภาพภายในระบบเครื่องยนต์ที่ทาง Corolla ได้ทำการอัปเดตขึ้นเท่านั้น เนื่องจากในส่วนของการตกแต่งภายนอกตัวรถ ก็ได้รับการออกแบบใหม่เพิ่มเข้ามาอีกเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการอัปเดตในรอบนี้ ตัวอย่างเช่น กระจังหน้ารถที่ได้รับการออกแบบใหม่ หรือส่วนของไฟหน้าที่มีการออกแบบใหม่สไตล์ 'bi-LED' และยังมีการเพิ่มตัวเลือกของล้ออัลลอยด์แบบใหม่เข้ามาอีก นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังมีสีภายนอกตัวรถ ซึ่งเป็นสีใหม่ๆให้ได้เลือกอีกด้วย

ในส่วนการตกแต่งภายในของรถรุ่น Corolla ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่นี้ จะรวมถึงวัสดุชิ้นส่วนสำหรับการตกแต่งแบบใหม่ๆ และในส่วนของภาพกราฟิกในระบบ Infotainment ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่เช่นกัน แต่การเปลี่ยนแปลงที่ถือว่าใหญ่ที่สุดนั้น ได้มาในรูปแบบของหน้าจอสัมผัสแบบใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 10.5 นิ้ว ซึ่งได้รับการติดตั้งบนแผงหน้าปัดของรถ และระบบ Infotainment ของ Corolla ในตอนนี้นั้น ก็จะมีการติดตั้งคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ระบบ 'On-board Voice Agent' ในขณะที่หน้าจอไดรเวอร์ขนาด 12.3 นิ้วนั้น ก็จะสามารถปรับแต่งได้ด้วยตัวเลือกระหว่างโหมดทั้ง 4 โหมด ที่มีความแตกต่างกัน ได้แก่ โหมด Casual, โหมด Smart, โหมด Sport และโหมด Tough

นอกจากนี้ รถยังได้มีการติดตั้งเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในตัวรถระหว่างขับขี่เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยการเสริมแพ็คเกจ T-Mate ของแบรนด์ Toyota เอง ซึ่งเป็นการเพิ่มการตรวจสอบบริเวณที่เป็นจุดบอด รวมทั้งระบบป้องกันการออกจากรถเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง (ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเปิดประตูไปชนรถยนต์ที่วิ่งผ่านหรือนักปั่นจักรยานใดๆ) และระบบการเตือนให้ตรวจสอบที่บริเวณเบาะหลังของรถ ทั้งนี้ Toyota ยังกล่าวอีกว่า ระบบ Infotainment ของรถรุ่น Corolla นั้น จะสามารถรับการอัพเกรดในอนาคตด้วยระบบแบบ over-the-air ได้อีกด้วย

 

และเป็นอีกครั้งที่รถรุ่น Corolla จะได้รับการออกสู่ตลาดในแบบ GR Sport โดยจะมีการติดตั้งล้ออัลลอยแบบใหม่ขนาด 18 นิ้วเพิ่มเข้าไป รวมถึงส่วนของกันชนหน้าและหลังที่มีการออกแบบใหม่ ไปจนถึงรูปแบบของเบาะนั่งสไตล์ใหม่ และมีภาพโลโก้ของ GR ที่บริเวณพนักพิงศีรษะ สำหรับตอนนี้รถแบบ GR Sport จะเป็นแบบที่ Corolla เน้นในการทำตลาดมากที่สุดในสหราชอาณาจักร เนื่องจากแบรนด์ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า GR Corolla Hot Hatch จะไม่ถูกนำออกขายในทวีปยุโรป

ถ้าถามถึงเรื่องราคา ก็ต้องบอกว่ายังไม่มีประกาศอะไรที่อัปเดตออกมาเลย แต่ที่แน่ๆ รถรุ่นนี้จะถูกนำออกขายในท้องตลาดช่วงต้นปี 2023 อย่างแน่นอน

 

ข้อมูลและภาพจาก autoexpress