ทำไมค่ายรถหลายแบรนด์ถึงเริ่มไม่อยากใช้ Apple CarPlay Ultra
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 30 มิ.ย. 68 21:31
- 1,007 อ่าน
แม้ Apple จะเปิดตัวระบบ CarPlay Ultra รุ่นใหม่อย่างน่าตื่นเต้น พร้อมโชว์ตัวในรถ Aston Martin ไปเมื่อไม่นานนี้ แต่ท่ามกลางกระแสตื่นเต้นจากผู้บริโภค กลับมีค่ายรถยนต์รายใหญ่หลายเจ้าที่กำลัง "ตีตัวออกห่าง" จากระบบใหม่นี้อย่างชัดเจน
Apple เคยประกาศรายชื่อพาร์ตเนอร์ 14 แบรนด์ที่จะใช้ CarPlay Ultra ตั้งแต่ปี 2022 เช่น Audi, Mercedes-Benz, Ford, Volvo, Jaguar, Nissan และ Porsche รวมถึงกลุ่ม Hyundai แต่ล่าสุด หลายรายเริ่มเปลี่ยนใจ
ทำไมแบรนด์รถถึงไม่อยาก “ยกห้องโดยสาร” ให้ Apple
CarPlay Ultra เป็นระบบที่ล้ำกว่าเดิมมาก มันสามารถควบคุมหน้าจอทั้งหมดในรถ ทั้งจอผู้ขับ จอกลาง และจออื่น ๆ ได้หมด เหมือนระบบอินโฟเทนเมนต์หลักของรถ ซึ่งนั่นหมายถึง Apple จะ เข้ามาแทนที่ระบบดั้งเดิมของผู้ผลิตรถ อย่างสิ้นเชิง
สำหรับแบรนด์เล็ก ๆ อย่าง Aston Martin การพึ่งระบบจาก Apple อาจเป็นทางเลือกที่ดีเพราะลดต้นทุนพัฒนาซอฟต์แวร์เอง แต่สำหรับบริษัทรถยนต์รายใหญ่ที่มองว่าระบบอินโฟเทนเมนต์คือ “แหล่งรายได้ในอนาคต” มันคือ ภัยคุกคาม
* การเสียการควบคุมต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ในรถ
หลายค่ายลงทุนมหาศาลกับระบบ UX/UI ของตนเอง ทั้งหน้าจอ ฟังก์ชัน สไตล์ ฯลฯ หากยอมให้ Apple มาคุมหมด รถทุกคันก็จะดูคล้ายกันหมดในแง่การใช้งาน
* เสียโอกาสสร้างรายได้จาก Subscription
ระบบอินโฟเทนเมนต์ในรถยุคใหม่กลายเป็น "แพลตฟอร์มขายบริการ" เช่น ระบบนำทาง, เพลง, Wi-Fi, กล้องบันทึกภาพ หรือบริการช่วยเหลือ ซึ่งผู้ผลิตรถมองว่าเป็นตลาดใหม่ที่ทำรายได้ระยะยาว — หาก Apple เข้ามาคุม ก็เท่ากับต้องแบ่งรายได้ให้หรือเสียโอกาสไปเลย
* ข้อมูลผู้ใช้ที่ไหลไปอยู่ในมือ Apple
ข้อมูลการขับขี่ พฤติกรรมผู้ใช้ เป็นต้น ถือเป็นสมบัติชิ้นสำคัญที่สามารถนำไปวิเคราะห์และสร้างมูลค่าเพิ่ม การยอมให้ Apple เข้ามาคุมระบบ คือการยอมปล่อยข้อมูลสำคัญออกนอกระบบ
แม้ผู้บริโภคจะชอบระบบที่ลื่นไหลและหน้าตาสวยงามจาก Apple แต่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เริ่มตั้งคำถามว่า “จะยอมให้ Apple ยึดอาณาเขตตรงนี้ไปไหม?” เพราะเมื่อยอดขายรถใหม่เริ่มถึงจุดอิ่มตัว บริษัทรถต้องหาทางสร้างรายได้จาก “บริการในรถ” และการควบคุมระบบอินโฟเทนเมนต์คือตัวแปรสำคัญในเกมนี้
สุดท้าย อาจมีบางแบรนด์เลือกใช้ CarPlay แบบเดิม (เช่น BMW และ Audi) แต่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่ตลาดจะหาจุดสมดุลระหว่าง “ประสบการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการ” กับ “สิทธิ์ควบคุมที่แบรนด์ไม่อยากเสีย”
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com