มอเตอร์ไฟฟ้าน้ำหนักเบาจาก Yasa ให้พลังมากกว่าไฮเปอร์คาร์ส่วนใหญ่

นวัตกรรมใหม่ของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังถูกเขียนขึ้นที่สหราชอาณาจักร โดยบริษัท Yasa Motors ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Mercedes-Benz ได้พัฒนามอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่สร้างมาตรฐานใหม่ในด้าน “ความหนาแน่นของพลังงาน” (Power Density) ถึงแม้จะยังไม่มีการประกาศกรอบเวลาการผลิตอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเราจะได้เห็นมอเตอร์ใหม่นี้ในรถยนต์ไฟฟ้าของ Mercedes-Benz รุ่นถัดไป

ตัวเลขที่เปิดเผยออกมานั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง มอเตอร์ไฟฟ้าของ Yasa มีน้ำหนักเพียง 13.1 กิโลกรัม (28.8 ปอนด์) แต่ให้พลังถึง 738 แรงม้า ซึ่งถือว่าสูงกว่าเครื่องยนต์ของซูเปอร์คาร์หลายรุ่น และยังแซงหน้ามอเตอร์ HPM-400 ของ Equipmake จากออสเตรเลียที่ก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นมอเตอร์ที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูงที่สุดในโลก ด้วยน้ำหนัก 40 กิโลกรัม และกำลัง 536 แรงม้า

นอกจากนี้ มอเตอร์ใหม่นี้ยังเบากว่ารุ่น Dark Matter ของ Koenigsegg ที่จะใช้ใน Gemera ซึ่งให้กำลัง 800 แรงม้า และแรงบิด 1,250 นิวตันเมตร โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 39 กิโลกรัม จุดต่างสำคัญคือมอเตอร์ของ Yasa ให้สัดส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ดีกว่ามาก ซึ่งแสดงถึงทิศทางใหม่ของการออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับยานยนต์สมรรถนะสูง

Tim Woolmer ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ Yasa กล่าวกับ Autocar ว่า มอเตอร์รุ่นใหม่นี้ไม่ได้ใช้วัสดุพิเศษราคาแพง เช่น cobalt-iron laminations หรือสายลวด litz แต่อย่างใด “สิ่งที่เราทำได้ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มันคือการแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่สามารถผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม และยกระดับมาตรฐานของการออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้า และสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือ เรายังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น”

สำหรับการนำมอเตอร์ของ Yasa ไปใช้งานจริง รถต้นแบบ Mercedes-AMG GT XX เป็นรุ่นล่าสุดที่ติดตั้งมอเตอร์ของบริษัท โดยใช้มอเตอร์แบบแกนร่วม (axial flux) จำนวน 3 ตัว ให้กำลังรวมกว่า 1,341 แรงม้า (1,000 กิโลวัตต์) และมีแผนจะผลิตออกขายจริงในอนาคต

Yasa ยังเป็นผู้จัดหามอเตอร์ไฟฟ้าให้กับ Lamborghini เช่นกัน โดยนำไปใช้ในรุ่น Revuelto และ Temerario ซึ่งเป็นรุ่นสืบทอดจาก Huracan โดยรถเหล่านี้ใช้มอเตอร์ axial flux สองตัวที่ล้อหน้า มีกำลังตัวละ 148 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร และน้ำหนัก 17.3 กิโลกรัม ซึ่งแม้จะน่าประทับใจ แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับอัตรากำลังต่อน้ำหนักของมอเตอร์รุ่นล่าสุดของ Yasa ได้
นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงขีดความสามารถของรถไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกถึงอนาคตใหม่ของวงการยานยนต์ ที่มุ่งเน้นสมรรถนะที่เหนือกว่า โดยไม่เพิ่มภาระด้านน้ำหนักหรือทรัพยากรที่หายาก

ที่มา Carscoops