จู่ๆก็โผล่มา รถมอเตอร์ไซค์ระบบพลังงานไฟฟ้าและระบบไฮบริดต้นแบบ จากค่าย Kawasaki

  • โดย : PR Autodeft
  • 18 ส.ค. 65
  • 3,727 อ่าน

รถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบรุ่นใหม่ที่กำลังใกล้เข้าสู่กระบวนการผลิต ได้ออกมาพรีวิวทดสอบการวิ่งอย่างน่าประหลาดใจ ในสนามแข่งขัน Suzuka 8 Hour ที่ประเทศญี่ปุ่น

เมื่อปีที่แล้ว ทางค่าย Kawasaki ได้เปิดเผยแผนการที่จะเปลี่ยนรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในตลาดที่ได้รับการพัฒนาแล้วภายในปี 2035 และนอกจากนี้ ยังมีรถที่เป็นโมเดลไฟฟ้าหรือไฮบริดอีกอย่างน้อย 10 รุ่น ที่จะออกมาภายในปี 2025 ซึ่งในตอนนี้ รถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องของระบบส่งกำลังทั้ง 2 แบบ จนมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ก็ได้รับการเผยโฉมออกมาแล้ว โดยมีนำออกมาทดสอบการวิ่งที่ทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างประหลาดใจ ในช่วงก่อนการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ในรายการ Suzuka 8  Hour ที่ญี่ปุ่น

 

โดยทาง Kawasaki ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการทดสอบนี้ และไม่ได้มีการประกาศอะไรออกมาภายหลังการทดสอบ และไม่ได้เผยแพร่ภาพใดๆตามออกมา อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณทีมงานสื่อจากนิตยสารรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศญี่ปุ่น อย่างหัว Auto-By ที่เข้าร่วมในการทดสอบนี้ ทำให้เราได้รับภาพที่มีรายละเอียดของรถต้นแบบทั้งสองคันมาให้ท่านได้ชมกันอย่างจุใจ

 

รถมอเตอร์ไซค์ระบบ Hybrid

 

รถแบบไฮบริดนั้นมีความแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด และเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีสมรรถนะสูงที่สุดใน 2 แบบที่ว่ามา แม้ว่าทาง Kawasaki จะได้บอกเป็นนัยๆถึงเรื่องของเทคโนโลยีไฮบริดมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยในตอนแรกก็มีการปล่อยวิดีโอทีเซอร์ออกมา จากนั้นก็ตามมาด้วยการแสดงรถต้นแบบที่ถูกถอดประกอบเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เราจะเห็นได้ชัดว่ารถรุ่นนี้ใกล้เข้าสู่กระบวนการผลิตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกเหนือจากการแก้ไขทั้งเรื่องของเครื่องยนต์สันดาปและส่วนของไฟฟ้าในระบบส่งกำลังแล้ว ก็ยังมีตัวถังที่ดูแล้วใกล้เคียงกับการเข้าสู่ผลิตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

เมื่อไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสเปกของรถมอเตอร์ไซค์ดังกล่าว เราก็จึงมีเพียงสิ่งที่พอจะสามารถรวบรวมได้จากแหล่งข้อมูลในประเทศญี่ปุ่นของเรา และสิ่งที่สามารถเห็นได้จากภาพของรถต้นแบบเหล่านี้ก็คือ เครื่องยนต์สันดาปที่อิงมาจากการออกแบบสไตล์ Parallel-Twin ที่ถูกใช้ในรถรุ่น Ninja 250 และ Ninja 400 ถึงแม้ว่ามิติภายในจะมีความแตกต่างกันอยู่ แต่ทั้งสองรุ่นก็มีลักษณะภายนอกที่เหมือนกัน โดยรถต้นแบบตัวล่าสุดได้รับการออกแบบใหม่ในส่วนของฝาครอบเครื่องยนต์ทั้งสองด้าน และอาจเป็นการบอกเป็นนัยๆถึงการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมของส่วนภายในที่จะตามมา สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดเป็นการชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่ารถมอเตอร์ไซต์รุ่นนี้จะใช้เครื่องยนต์ขนาด 399cc ซึ่งใหญ่กว่าของรถรุ่น Ninja 400 และ Z400 ในส่วนของระบบท่อไอเสียของมันนั้นดูแล้วก็เหมือนกับรถทั้งสองรุ่นที่กล่าวมา โดยจะมีขนาดท่อไอเสียที่ยาวกว่าและ Downpipes ที่แตกต่างกันเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรถรุ่น Ninja 250/Z250 ขนาด 249cc.

 

การติดตั้งดิสก์เบรกหน้าคู่เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกประการหนึ่งจากรถต้นแบบที่ออกมาในปี 2021 ซึ่งเป็นจานดิสก์แบบ Single Petal-Shaped และนี่คือสิ่งที่เป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่ารถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้จะใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า โดยสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้มันอาจจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรถรุ่น Ninja 650 ที่มีขนาดใหญ่กว่าและใช้เผาไหม้ภายในเท่านั้น แน่นอน! รถรุ่นใหม่นี้ดูเหมือนว่าจะนำเอาส่วนของโช้ค บังโคลนหน้า และคาลิปเปอร์เบรคที่เป็นแบบไฮบริดมาใช้

ในเรื่องของรูปลักษณ์นั้น เห็นได้ว่าส่วนจมูกของรถมีองค์ประกอบที่เป็นสไตล์ Kawasaki อย่างชัดเจน แม้ว่าไฟหน้าสีเขียวจะถูกเพิ่มเข้ามาไว้เพื่อการโชว์อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ส่วนหลังของรถนั้นค่อนข้างดูเทอะทะ นั่นเป็นเพราะว่ามีการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 48 โวลต์ เพื่อทำการจ่ายไฟให้กับระบบไฮบริดที่ซ่อนอยู่ภายใต้เบาะที่นั่ง ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ที่เล็กกว่านั้น ก็ได้ถูกติดตั้งไว้ด้วยเช่นกัน โดยทำหน้าที่ในการจ่ายพลังงานให้กับส่วนประกอบทั่วๆไปของระบบไฟฟ้าในรถมอเตอร์ไซค์

 

การติดตั้งระบบไฮบริด ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกติดตั้งอยู่เหนือบริเวณเกียร์ ซึ่งอยู่ใต้ช่องไอดีของเครื่องยนต์ IC และถูกเชื่อมโยงกับกระปุกเกียร์ผ่านคลัตช์ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันหรือยกเลิกกับส่วนขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ตามต้องการ และแม้ว่าระบบส่งกำลังจะมีการออกแบบภายในที่ดูแล้วค่อนข้างธรรมดา และเชื่อว่าจะมีการใช้เป็นระบบเกียร์ 6 สปีด แต่เราพบว่ารถไม่มีคันเกียร์หรือคลัตช์ที่ทำงานด้วยมือ แต่กลับมีปุ่มเปลี่ยนเกียร์แบบกดปุ่มบนแฮนด์บาร์ด้านซ้ายแทน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะเป็นการใช้ในระบบเกียร์เป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ทาง Kawasaki สามารถปรับเปลี่ยนระบบระหว่างพลังงานไฟฟ้าและไดรฟ์สันดาปภายในได้อย่างราบรื่น

 

แน่นอน! รถมอเตอร์ไซค์ในระบบไฮบริดนั้น มาจากแนวคิดที่เมื่อต้องขี่รถในความเร็วต่ำ เช่น การขี่รถในสภาพแวดล้อมในเขตเมือง ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์สามารถเดินทางโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้องมีการปล่อยมลพิษออกมาในท้องที่ๆขับผ่าน ส่วนการใช้งานนอกเมืองนั้น โดยเฉพาะการวิ่งด้วยความเร็วที่คงที่ก็จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ซึ่งเครื่องยนต์สันดาปนั้นก็สามารถทำหน้าที่ของมันและท็อปอัพแบตเตอรี่แบบไฮบริดได้ และเมื่อเราต้องการขับขี่แบบที่ใช้ประสิทธิภาพสูงสุด ระบบส่งกำลังทั้งแบบไฟฟ้าและแบบสันดาปภายในก็สามารถทำงานร่วมกันเพื่อให้อัตราเร่งและความเร็วสูงสุดที่ดีที่สุดได้ ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมามันควรเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่ารถมอเตอร์ไซค์ขนาด 400cc ทั่วๆไป แต่สามารถมีประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์ขนาด 650cc เลยทีเดียว

 

ส่วนของรายละเอียดทางเทคนิคที่โดดเด่นของรถต้นแบบนั้น รวมถึงส่วนของท่อไอดีที่ด้านขวา ซึ่งไหลผ่านท่อที่มีโลโก้ "ไฮบริด" สิ่งนี้น่าจะทำให้มอเตอร์ไฟฟ้านั้นเย็นลงได้ ซึ่งในรถต้นแบบรุ่นก่อนหน้านี้ของ Kawasaki นั้น ใช้ระบบมอเตอร์ระบายความร้อนด้วยของเหลว โดยมีหม้อน้ำตัวที่สองอยู่ใต้หม้อน้ำหลักที่ด้านหน้าของรถมอเตอร์ไซค์ ในขณะที่ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวยังคงมีแนวโน้มที่จะถูกใช้สำหรับรถที่มีระบบส่งกำลังด้วยไฟฟ้า โดยดูเหมือนว่าส่วนของหม้อน้ำจะถูกเลื่อนไปทางด้านหลัง ซึ่งใกล้กับส่วนของมอเตอร์มากขึ้น และจะมองไม่เห็นจากด้านหลังของตัวถัง

 

อย่างที่เรารู้ว่าชื่อของ Kawasaki นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใคร พวกเขายังคงเป็นบริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์หลักเพียงแห่งเดียวที่นำเสนอรถมอเตอร์ไซค์หลายๆรุ่นที่มีการใช้ระบบ Forced Induction ในเครื่องจักร H2 แบบซุปเปอร์ชาร์จ อย่างไรก็ตาม ระบบไฮบริดมีความโดดเด่นเพราะเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มีราคาที่แพงมาก องค์ประกอบต่างๆที่ถูกออกแบบมาต่างมีจุดประสงค์เพื่อให้เหมาะสมกับระบบส่งกำลังที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบ Steel-Tube ที่มีความเรียบง่าย ในส่วนของสวิงอาร์มเป็นแบบบ็อกซ์เซกเมนต์ที่ถูกผลิตออกมาให้ใช้ได้ในหลายๆรุ่น ส่วนของตะเกียบและเบรกก็มีสเปกที่ค่อนข้างต่ำ ทั้งหมดนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าแม้จะมีเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ระบบไฮบริดก็ยังมีราคาจับต้องได้

 

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทาง Kawasaki ยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับวันที่จะออกสู่ตลาดของรถมอเตอร์ไซค์ในระบบไฮบริด เช่นเดียวกับที่ยังคงไม่เปิดเผยในเรื่องของประสิทธิภาพและข้อมูลจำเพาะของรถ แต่เพื่อนๆในสายงานชาวญี่ปุ่นของเราต่างเชื่อว่าข้อมูลเพิ่มเติม หรือแม้แต่รุ่นการผลิตขั้นสุดท้ายของรถมอเตอร์ไซค์ตัวนี้ จะมีการประกาศออกมาในช่วงใกล้ๆหรือช่วงเดียวกันกับการจัดงาน EICMA ในช่วงปลายปีนี้

 

รถมอเตอร์ไซค์ระบบพลังงานไฟฟ้า

 

สิ่งที่ทางค่าย Kawasaki นำเสนอเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ในระบบพลังงานไฟฟ้าของตัวเองนั้น คือรถต้นแบบที่ถูกนำออกแสดงที่สนาม Suzuka ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยมีจุดเริ่มต้นจากโครงการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นทำมาแล้วเวลานาน ตั้งแต่เมื่อทางบริษัทฯได้เปิดตัวโครงการมาเมื่อปลายปี 2019

 

รถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบรุ่นแรกนั้น เป็นรถที่มี Performance อยู่ในระดับ 125cc แต่สิ่งที่ปรากฎออกมาก็สร้างความน่าประหลาดในเรื่องของตัวรถที่มีน้ำหนักมาก อันเนื่องมาจากก้อนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้ง และระบบชาร์จขั้นสูงแบบที่ใช้ในรถยนต์ โดยใช้รูปแบบการชาร์จด่วนที่มีชื่อว่า CHAdeMO DC ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์รุ่นแรกนั้นยังใช้ระบบส่งกำลังแบบ 4 สปีด ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งน่าจะสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ขับขี่ที่มากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั่วๆไปที่ใช้ระบบส่งกำลังแบบไดเร็คไดร์ฟที่ไม่มีคลัตช์

รถที่ได้รับการออกแบบสไตล์ใหม่นี้ถูกนำออกแสดงให้เห็นที่สนาม Suzuka ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าแนวทางการนำเสนอนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งมันถูกทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่รถของแบรนด์คู่แข่งในภาคธุรกิจนี้นำเสนอออกมามากยิ่งขึ้น มันได้ทิ้งก้อนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และระบบส่งกำลังแบบ Multi-Speed ออกไป โดยเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมากและอาจถอดเปลี่ยนได้ พร้อมกับติดตั้งระบบส่งกำลังแบบ Direct-Drive, Single-Speed ลงไป

 

เช่นเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบที่เป็นระบบไฮบริดซึ่งออกมาในช่วงเดียวกัน รถมอเตอร์ไซค์ระบบพลังงานไฟฟ้านี้ มีโครงสร้างที่ทำจากเหล็กและ Box-Section สวิงอาร์มที่เรียบง่าย บวกกับระบบกันสะเทือน ล้อ และเบรกที่เป็นแบบ Off-The-Shelf เพื่อช่วยในการลดต้นทุน ส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าและกระปุกเกียร์ก็มีการลดขนาดลง ทำให้ดูแล้วน่าจะให้กำลังส่งที่น้อยกว่าของรถมอเตอร์ไซค์ในระบบไฮบริด โดยมีชิ้นส่วนที่กลึงจากอะลูมิเนียมแท่งยาวๆและส่วนอื่นๆ ที่ดูเหมือนเป็นชิ้นส่วนต้นแบบที่หล่อด้วยทราย รูปแบบตัวถังส่วนใหญ่ก็ยกมาจากรถมอเตอร์ไซค์รุ่นที่มีอยู่แล้ว เช่น ไฟหน้า บังโคลนหน้า แผงข้าง และส่วนท้ายของรถที่ยกมาจากรุ่น Z250 หรือ Z400 เป็นต้น แต่ชิ้นส่วนเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนการผลิต เนื่องจากทาง Kawasaki ต้องการให้รถรุ่นนี้เป็นสตรีทไบค์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวรุ่นแรก ซึ่งจะเป็นที่กล่าวขวัญกันในทันทีตั้งแต่ออกสู่สายตาประชาชน

รายละเอียดส่วนอื่นๆของรถที่เห็นได้ชัดเจนบางประการ ได้แก่ กล่องใส่แบตเตอรี่ที่ห้อยลงมาเป็นมุมตรงด้านหน้าของมอเตอร์ และดูเหมือนว่าบริเวณด้านบนของ "ถังเชื้อเพลิง" จะสามารถเปิดหรือถอดออกได้ ทางบริษัทฯคงบอกเป็นนัยๆว่าอาจมีก้อนแบตเตอรี่ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้อยู่ข้างใต้อีก นอกจากนี้ ทาง Kawasaki ได้ร่วมมือกันกับทางค่าย Honda Suzuki และ Yamaha ในการออกข้อกำหนดการออกแบบสำหรับแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ทั่วไปขนาด 48 โวลต์ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยจะเป็นการเปิดประตูสู่เครือข่ายสถานีสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ที่จะขจัดความจำเป็นในการชาร์จแบบด่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนรถมอเตอร์ไซค์ที่มีราคาแพงและเทอะทะที่รถเหล่านี้เขาต้องการใช้

 

ทาง Kawasaki คาดว่า บริษัทฯจะมีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีขนาดความแรงเทียบเท่า 125cc จำนวน 2 รุ่น ซึ่งจะออกสู่ตลาดในสหรัฐอเมริกาในปี 2023 โดยรุ่นหนึ่งจะเป็นรถสไตล์สปอร์ต และอีกรุ่นจะเป็นรถรุ่น “Z” สไตล์ Naked เหมือนรถต้นแบบที่เราได้เห็นที่นี่ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะผลิตมันออกมาจากรถต้นแบบคันนี้ หรือมาจากการออกแบบในก่อนหน้านี้ ที่มีระบบส่งกำลังแบบ Multi-Speed ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดในขั้นตอนนี้ แต่รถมอเตอร์ไซค์คันนี้น่าจะมีราคาไม่แพงมากและมีน้ำหนักเบากว่ารถรุ่นก่อนๆ ซึ่งจะทำให้เป็นที่ต้องการของผู้ขับขี่ที่อยู่ในเมืองมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่กลุ่มนี้แหละที่น่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

 

และเช่นเดียวกับรถที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ คำถามส่วนใหญ่ที่อยู่เหนือโครงการรถมอเตอร์ไซค์ในระบบพลังงานไฟฟ้าและระบบไฮบริดของ Kawasaki ก็คือว่า ผู้ซื้อจะถูกโน้มน้าวใจด้วยราคา ประสิทธิภาพ และการใช้งานจริงที่เครื่องจักรสามารถนำเสนอได้หรือไม่? และพวกเขาจะสามารถเอาชนะรถรุ่นอื่นๆทั่วๆไปที่มีการแข่งขันในท้องตลาดอยู่แล้วได้หรือไม่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าทาง Kawasaki จะใช้วิธีการทำต้นทุนให้ต่ำและด้วยราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นหันมาใช้รถที่ใช้ระบบไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้นั้น อาจจะมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

 

ข้อมูลและภาพจาก cycleworld

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ