Mercedes-Benz Driving Events 2018 หลักสูตรขับขี่ปลอดภัยจากมืออาชีพ

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 6 ก.ค. 61
  • 5,462 อ่าน

คำว่าขับรถได้กับขับรถเป็นนั้นว่าแตกต่างกันแล้ว เพราะการที่สามารถเลื่อนรถ, ขยับเดินหน้าถอยหลัง ก็ถือว่าเป็นการขับรถได้ แต่การขับรถเป็น คือการที่สามารถขับรถไปตามท้องถนนได้อย่างปลอดภัย ไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่คนอื่น แต่กับการขับรถเก่ง มันคืออีกขั้นของการขับรถ ที่ยิ่งแตกต่างออกไปอีก เพราะการขับรถเก่ง หมายถึงคนที่สามารถควบคุมรถได้อย่างใจ, รู้ข้อจำกัดของตัวรถ และที่สำคัญคือ สามารถหลีกเลี่ยงปัญหา

Mercedes-Benz Driving Events 2018

ต้องยอมรับกันว่า ส่วนใหญ่คนขับรถที่อยู่บนท้องถนนทุกวันนี้ ยังอยู่ในระดับของการขับรถเป็นเท่านั้น คนที่ขับรถเก่งยังมีจำนวนไม่มาก ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มองเห็นความสำคัญในการใช้รถบนท้องถนนให้ปลอดภัยมากกว่าเดิม จึงได้มีการจัดหลักสูตรฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย “Mercedes-Benz Driving Events 2018” ขึ้นมา ช่วยผลิตคนที่ขับรถเก่งให้เพิ่มมากขึ้น

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 15 แล้ว ที่มีการจัดฝึกอบรม Mercedes-Benz Driving Events โดยเป็นหลักสูตรพิเศษสำหรับลูกค้าคนสำคัญของ Mercedes-Benz และเป็นอีกครั้งที่ได้มีการเชิญนักข่าวสายยานยนต์เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ด้วย มีการจัดกิจกรรมกันที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา มีการขนกองทัพรถยนต์หลากรุ่น หลายสไตล์ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มาเต็มสนาม ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ในกลุ่ม Compact Car อย่าง CLA 250 AMG Dynamic และ GLA 250 AMG Dynamic กลุ่ม Contemporary Luxury อย่าง C 350 e AMG Dynamic, E 350 e AMG Dynamic และ S 350 d AMG Premium กลุ่ม Dream Car อย่าง C 250 Coupé AMG Dynamic และ E 300 Cabriolet AMG Dynamic และกลุ่ม SUV เช่น GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic และ GLC 250 4MATIC Coupé AMG Plus เป็นต้น รวมถึงกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงจากแบรนด์ Mercedes-AMG อาทิ Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG A 45 4MATIC และ Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC โดยทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพ นำทีมโดย มร. ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท ที่มีประสบการณ์ด้านการฝึกสอนเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

การอบรมนั้น ถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 สถานีใหญ่ ในแต่ละสถานี แบ่งเป็นอีก 2 สถานีย่อย สรุปรวมทั้งหมด 6 สถานี โดยผมเองได้เริ่มต้นด้วยการเข้าทำแบบฝึกหัดในสถานีการขับแบบสลาลม (Slalom) ด้วยความเร็วสูงก่อน คันแรกที่ได้ขับจะเป็นรถสไตล์ SUV อย่าง GLC 250d 4Matic ก่อน สถานีนี้จะมีกรวยวางเป็นเส้นทางให้วิ่งเข้าสลับซ้าย-ขวาไปเรื่อยๆ เป็นทางขึ้นเนินก่อน แล้วค่อยกลับรถมาวิ่งสลับใหม่ช่วงทางลง ความเร็วนั้น ทางผู้ควบคุมบอกว่า ให้ลองเข้าไปเร็วมากที่สุดที่เรารู้สึกว่าควบคุมได้ และอย่ามองที่กรวยช่่องที่กำลังเข้าอย่างเดียว แต่ต้องมองไปช่องต่อไปเพื่อเข้าต่ออีกด้วย เรียกว่าต้องมองข้ามสเต็ปไปอีกขั้นนั่นเอง ผมเลยเริ่มกดเข้าไปที่ช่องทางที่กำหนดไว้ราว 65 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ พอหักซ้ายขวาได้ซัก 2 ที รู้สึกได้เหมือนกันว่ารถมีอาการเหวี่ยงมาที่ด้านท้าย ตามรูปทรงที่สูงของตัวรถนั่นเอง เลยต้องปล่อยคันเร่งเล็กน้อยเพื่อให้รถกลับมาอยู่ในจุดที่ควบคุมได้อีกครั้ง แต่ถึงจะมีการเหวี่ยงบ้าง ตัวรถก็ยังคุมได้ไม่มีปัญหา อยู่ในเส้นทาง ไม่มีการกินกรวยแต่อย่างใด ส่วนช่วงทางลงก็เช่นกัน เพียงแต่การใช้คันเร่งจะเบากว่า เพราะมีแรงส่งตามแรงดึงดูดของโลกอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้จะคุมได้ดีขึ้น เพราะผมเริ่มจับอาการของรถได้แล้ว รอบต่อมาเลยเปลี่ยนมาลองขับแบบสไตล์สปอร์ตอย่าง S 500 Cabriolet AMG Premium บ้าง เห็นได้ชัดเลยครับว่าการควบคุมง่ายกว่าเดิมเยอะมาก ด้วยทรงของตัวรถที่อยู่ติดพื้นมากกว่า และตัวรถออกแบบมาให้รองรับการเข้าโค้งด้วยความเร็วอยู่แล้ว ผมจึงสามารถเติมคันเร่งได้อย่างใจมากกว่าเดิม

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

ต่อมากับสถานีการเข้าโค้ง ซึ่งใช้ช่วงโค้ง S1 และ S2 ที่ต่อเนื่องกัน แล้วเข้าโค้งใหญ่ก่อนทางเข้า Pit เช่นเคยทางผู้ควบคุมบอกว่า หลักการในการเข้าโค้งแบบ S ก็คือ พยายามวาดเส้นทางให้เป็นเส้นตรงให้ได้มากที่สุด เข้าให้ช้า ออกให้เร็ว ไม่มีการแตะเบรกในโค้ง ถ้าแตะในโค้ง แสดงว่าเราเข้าเร็วเกินไป รอบนี้ผมควบ CLS 300d ซะก่อน เข้าโค้งแรกด้วยความเร็วราว 80-90 กม./ชม.ได้ แต่ด้วยแรงส่งจากโค้งแรก และเป็นเนินลงไปโค้ง S2 ทำให้ความเร็วเพิ่มไปอีกเล็กน้อย (ไม่รู้เท่าไหร่จริงๆเพราะมัวแต่มองทาง) และเบรกน้อยไป ทำให้ช่วงในโค้งต้องมีแตะเบรกซ้ำ เพราะห่วงว่ารถอาจจะเสียการทรงตัวได้ เลยโดนเตือนมาว่า อย่าแตะเบรกในโค้ง เพราะจะทำให้รถเสียหลักได้ง่าย ถ้าไม่มีเทคโนโลยีป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจาก Mercedes-Benz แล้วล่ะก็ ความเร็วระดับนี้อาจทำให้เกิดอาการท้ายปัดได้เลย ดังนั้นเอาใหม่ รอบนี้กลับมาซัด E200 ดูบ้าง รอบนี้ทำได้ดีกว่าเดิม ช่วงก่อนเข้าโค้ง ให้แตะเบรกลดความเร็วให้อยู่ในระดับที่คิดว่าลุยได้ พอถึงครึ่งโค้งให้แตะคันเร่งเพิ่มความเร็ว เท่านี้ก็เข้าโค้งแบบเนียนๆและปลอดภัยแล้ว

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

ผ่านไปแล้วกับสถานีใหญ่ชุดแรก ต่อมากับสถานีที่ 2 กับการทดสอบอัตราเร่งออกตัว Acceleration Test Station และการควบคุมพวงมาลัย Handling Course โดยมีการเปลี่ยนรถเป็นเซ็ตใหม่ทั้งหมด โดยรถในเซ็ตนี้ส่วนใหญ่จะเป็นรถในกลุ่ม AMG อย่าง Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG A 45 4MATIC และ Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC ทั้งนั้น เพราะรถตัวนี้สามารถทำการออกตัวที่เรียกว่า Race Start ได้ บางคนอาจสงสัยว่า Race Start คืออะไร มันคือระบบที่ช่วยให้รถในกลุ่ม AMG ที่ใช้เครื่องยนต์รหัส 45 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 381 แรงม้า ออกตัวได้มันมากกว่าเดิม ขั้นตอนก็แค่ใส่โหมดการขับขี่เป็น Sport หรือ Sport+ จากนั้นใช้เท้าซ้ายเหยียบแป้นเบรกไว้ให้แน่น, ยก Paddle Shift ทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน หน้าจอจะแสดงขึ้นมาถามว่า จะยืนยันการใช้งาน Race Start หรือไม่ ก็ให้ยก Paddle Shift ปุ่ม + หนึ่งที แล้วให้รีบกดคันเร่งไปให้สุดเท้า (ยังไม่ปล่อยเบรก) รถจะส่งเสียง ปั๊บๆๆๆๆ คำรามขึ้นมาที่ท่อไอเสียทันที ก็ให้เราปล่อยเบรกเลย รถจะพุ่งไปประดุจมีเครื่องเจ็ตติดอยู่ท้ายรถทันที สถานีนี้ผมลองไป 2 รอบ ต้องบอกว่า "มันมากกกกกกก"

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

ต่อมากับการ การควบคุมพวงมาลัย Handling Course โดยมีการให้ขับไปตามเส้นทางบนสนาม Go-Kart ของพีระเซอร์กิต แต่จะต้องเข้าช่องตามที่กรวยกำหนดไว้ด้วย ความเร็วตามใจชอบ รอบนี้ผมใช้ Mercedes-AMG A 45 4MATIC ลงไปทำการฝึก โดยรับคำมาจากผู้ฝึกสอนว่า ให้มองข้ามไปล่วงหน้าไปไกลมากที่สุด จะได้คำนวนความเร็วและเส้นทางที่จะไปได้ ถ้าเรามองแต่โค้งที่เราอยู่ จะทำให้เราควบคุมรถไปต่อได้ยากกว่าเดิม โชคดีที่เราใช้รถที่มีเทคโนโลยีตัวช่วยสูงอยู่แล้ว เลยทำให้การเข้าโค้งในแต่ละครั้งนั้น ไม่ได้ยากเกินความควบคุม ขนาดผมเติมคันเร่งเข้าไปก็ไม่ใช่น้อย แต่รถก็อยู่ในมือจองเราแบบไม่มีอาการพยศ วิ่งเข้าเส้นชัยไปได้อย่างสวยงาม

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

ถึงรอบเปลี่ยนไปสถานีใหญ่ชุดสุดท้ายแล้ว สถานีนี้เป็นการฝึก Emergency Testing Station ทั้ง Emergency Braking และ Lane change โดยเริ่มจาก Emergency Braking ก่อน ผู้ฝึกสอนจะให้มีการแข่งขันเล็กน้อย ด้วยการจัดทางวิ่งตรงไว้ 2 เลน จากนั้นให้ทั้ง 2 คันเร่งรถออกไปให้เร็วที่สุด แล้วไปกดเบรกในช่องที่กำหนดไว้ ให้รถอยู่ในช่องที่กำหนดเท่านั้น ใครหยุดรถในช่องได้ก่อน ชนะ ถ้าเลยหรือไม่ถึงถือว่าฟาวล์ปรับแพ้ไป ผู้แพ้จะถูกเยอะเย้ยถากถางจากผู้ชนะไป รอบนี้ผมเริ่มด้วย E300 ก่อนเลย พอธงสบัดปั๊บ ก็กดคันเร่งไปเต็มเท้า พอใกล้ถึงแล้วปั๊บก็กดเบรกเต็มที่เลย สรุปว่า ยังไม่ถึงช่องจอดเลยจ้า เบรกทำงานได้ดีมากกว่าที่คิด เลยต้องปล่อยไหลไปอีกนิดหน่อยแล้วค่อยเบรกสนิท รอบนี้ยังชนะอยู่ เพราะคู่แข่งท้ายเลยช่อง คิดเอาว่าน่าจะกะระยะผิดจากเบรกที่ทำงานได้ดีมากเหมือนกับผมนั่นเอง รอบต่อมาเอาใหม่ด้วย Mercedes-AMG C43 รถยนต์ AMG รุ่นเดียวที่ประกอบในประเทศไทย ณ ตอนนี้ คราวนี้ปล่อยไปให้ไกลกว่าเดิมแล้วกดเบรก สรุปว่าเลยช่อง โดนอีกคันที่มาช้ากว่าแต่จอดในช่องได้พอดี โดนถากถางไปตามระเบียบ

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

สุดท้ายกับสถานี Lane change ที่ให้กดเข้าช่องไปด้วยความเร็วอย่างน้อย 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อผ่านเซ็นเซอร์ที่ทางเข้า บนเสาประตูจะมีไฟติดขึ้นมาเพื่อให้เรารู้ว่า ต้องหักหลบเข้าที่ช่องซ้ายหรือขวา พอหักหลบเรียบร้อยแล้วให้กดเบรกหยุดรถให้สนิท มีเวลาในการตัดสินใจไม่เกิน 2 วินาที รอบนี้ผมยังยึดการฝึกด้วย Mercedes-AMG C43 เช่นเดิม กดเข้าไปด้วยความเร็วน่าจะราว 90 กม./ชม.ได้ ผ่านเซ็นเซอร์ปั๊บ ไฟติดขึ้นมาที่ด้านขวา ผมก็หักพวงมาลัยทันที พอพ้นแล้วก็กดเบรกหยุดรถทันที ซึ่งการฝึกสถานีนี้ ผู้ฝึกสอนบอกว่า หลายครั้งที่เราอาจต้องเจอสถานะการณ์ไม่คาดฝัน พบวัตถุหรือรถคันอื่นมาขวางหน้าในระยะกระชั้นชิด ซึ่งการกระทำที่ดีที่สุดก็คือ เราควรหลบวัตถุข้างหน้าให้พ้นระยะอันตรายก่อยแล้วค่อยเบรกรถ ถ้าเราเกิดเบรกรถในขณะที่เรายังอยู่ในความเร็วสูงอยู่ อาจจะเกิดเหตุการ์ที่แย่กว่าได้หลายอย่างทั้ง วัตถุข้างหน้ายังพุ่งเข้าหาเราอยู่โดยที่เราไม่มีความเร็วมากพอที่จะหักหลบได้, รถข้างหลังเบรกไม่ทัน ทำให้ชนเข้าที่ท้ายรถเรา หรือแย่มากจนเกิดการอัดก็อปปี้ได้ ดังนั้นเราจึงควรหลีกออกจากบริเวณที่น่าจะเป็นจุดเกิดเหตุให้ได้ก่อน แล้วค่อยเบรกหยุดรถเพื่อตรวจสอบความเสียหายหรือลงไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุก็ตาม

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

หลังจากผ่านไปทุกสถานีแล้ว ผู้ฝึกสอนก็เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลองขับขี่ในสนามพีระเซอร์กิตกัน โดยแบ่งออกเป็นรถ 3 กลุ่มคือ รถ SUV, Sport และ AMG รหัส 45 กลุ่มละ 3 รอบ แล้วสลับกันขับไปประเภทอื่นบ้าง ซึ่งการขับขี่ในแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกัน โดยประเภท SUV ช่วงเข้าโค้งอาจจะต้องเข้าด้วยความเร็วที่น้อยกว่าแบบอื่นเล็กน้อย เป็นต้น เป็นอันว่าหลังได้ขับคนละ 9 รอบสนาม ก็เป็นอันจบพิธีในการฝึก Mercedes-Benz Driving Events 2018 ครั้งนี้

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

เนื่องจากรอบนี้เป็นรอบของสื่อมวลชนสายยานยนต์ แต่ละคนก็มีทักษะในการขับขี่มากกันอยู่แล้ว จึงได้มีการตัดโปรแกรมบางอย่างออกไปบ้าง แต่ถ้าเป็นรอบของลูกค้า Mercedes-Benz ก็จะมีเพิ่มเติมทั้ง การจัดท่านั่งให้ถูกต้อง, การจับพวงมาลัยและหมุนพวงมาลัยให้ถูกต้อง, การใช้เบรกและคันเร่งในสถานะการณ์ต่างๆ รวมทั้งแนะนำระบบความปลอดภัยทั้งหมดที่มีในตัวรถ เป็นต้น ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประสบการณ์จริงจากการฝึกทักษะแต่ละด้านและได้รับทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบความปลอดภัยอันก้าวล้ำจากนวัตกรรมด้านความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางทีมวิศวกรของบริษัทฯ ได้ทำการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยี ความปลอดภัยใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่สามารถเตรียมการป้องกันได้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ด้วยระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist) ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเบรก (BAS - Brake Assist) ระบบ LED Intelligent light system ส่องสว่างอัจฉริยะ เทคโนโลยีช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS) ช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้นโดยป้องกันไม่ให้ล้อการเกิดล็อคตัว ความช่วยเหลือนี้ทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป เช่น ในระหว่างการขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวาง หรือเมื่อเบรกบนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ASR) ช่วยลดการหมุนฟรีของล้ออย่างเป็นอิสระ เพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์ลื่นไถลเสียการทรงตัว

Mercedes-Benz Driving Events 2018

Mercedes-Benz Driving Events 2018

ระบบ PRE-SAFE® ที่ประสานรวมคุณสมบัติด้านการป้องกันก่อนเกิดเหตุและปกป้องขณะเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกัน ระบบมีความสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ฉุกเฉินล่วงหน้า และสั่งการให้มาตรการป้องกันเบื้องต้นทำงาน เพื่อป้องกันผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถในกรณีที่อุบัติเหตุกำลังจะเกิดขึ้น มาตรการนี้ประกอบด้วยการทำงานของเข็มขัดนิรภัยรั้งกลับอัตโนมัติ และการเลื่อนปิดกระจกหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ทุกบานโดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีช่วยเหลือขณะเกิดอุบัติเหตุ อย่าง ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และ เซนเซอร์ล่วงหน้า ที่สามารถลดเวลาระหว่างการชนปะทะและการทำงานของเข็มขัดนิรภัยให้สั้นลง ถุงลมนิรภัยสามารถพองตัวขึ้นใน 2 ระดับ โดยเป็นการพองตัวขึ้นล่วงหน้าระดับหนึ่งและสอดคล้องกับสถานการณ์อีกระดับหนึ่ง หรือเทคโนโลยีช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ เพื่อลดความเสียหายที่ตามมาหลังเกิดอุบัติเหตุและช่วยเหลือการทำงานของทีมให้ความช่วยเหลือ การทำงานที่แตกต่างกันหลายรูปแบบจะเริ่มต้นทำงานโดยขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของการชนปะทะที่ระบบบันทึกไว้ โดยเทคโนโลยีทั้งหมดถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดตลอดการเดินทางให้แก่ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือแม้แต่ผู้ร่วมเดินทางบนท้องถนน

Mercedes-Benz Driving Events 2018

หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทุกฐานแล้ว ผู้ขับขี่จะมีความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีความปลอดภัยอันทันสมัยที่ติดมากับตัวรถได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมฯ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากทางบริษัทฯ อีกด้วย เพื่อให้ทุกคนที่เข้าฝึกอบรบได้รับความรู้อย่างเต็มที่นั่นเอง ในฐานะที่ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนใช้ท้องถนนทุกวันเช่นกัน และผ่านหลักสูตรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว เชื่อว่าหลักสูตรฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยอย่าง “Mercedes-Benz Driving Events 2018” ที่ผมได้มาเข้าอบรมในครั้งนี้ จะช่วยให้เพิ่มปริมาณคนขับประเภท "ขับรถเก่ง" ให้มากขึ้นในท้องถนนได้แน่นอนครับ

Mercedes-Benz Driving Events 2018

เข้าอบรมและเรียบเรียงโดย Earthpark02

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ