เปิดตำนาน Mitsubishi Rally จากอดีตจนปัจจุบัน ความสำเร็จที่มากมาย ตอนที่ 1
- โดย : Autodeft
- 28 เม.ย. 57 00:00
- 20,975 อ่าน
ย้อนรอยสุดยอดประวัติศาสตร์การแข่งขันแรลลี่ของทีม mitsubishi ชื่อเสียงที่ยาวนานเกินกว่าเราจะคาดเดา
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
หากถามถึงค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มาพร้อมสมรรถนะที่วางใจได้ เราหลายคนคงเคยได้ยินตำนานของ Mitsubishi ค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสำเร็จในด้านการแข่งขันกีฬายานยนต์ โดยเฉพาะการแข่งแรลลี่ ตำนานของพวกเขา ทำให้ เรารู้จักหลายสิ่งที่สำคัญ ทั้ง Paris Darkar ไปจนถึง รถยนต์ Mitsubishi Evolution หรือจะเป็นทีมแข่งและสำนัก Mitsubishi Ralliart ที่ไม่ว่าใครก็คงจะต้องเคยผ่านหูมาถ้าคุณชอบรถ
ตำนานที่ยาวนานทำให้หลายคนเฝ้ารอว่าที่ Mitsubishi Evolution รุ่น ต่อไป แต่ดูเหมือนว่าหลายอย่างอาจจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก เมื่อมีความเป็นไปได้สูงที่ Mitsubishi Evolution รุ่นที่ 11 อาจจะเป็นอเนกประสงค์ และ เราได้รับการตอกย้ำข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ด้วยวีดีโอเมื่อไม่นานมานี้บน Youtube
วีดีโอที่ทำมาในเวอร์ชั่นเดียวในแบบภาษาญี่ปุ่น มีความยาวกว่า 13 นาที เผยต้นกำเนิดของ Mitsubishi ตั้งแรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราหลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน เลยก็ว่าได้ และนั้นเป้นประกายความคิดที่ทำให้เราอยากจะย้อนรอยตำนานแรลลี่ เพราะ ต่อไป คำว่า Rally อาจจะตกไปอยู่ในมือรถอเนกประสงค์ก็ได้
ปฐมบทตำนานเริ่มต้นของ Rally ของค่าย Mitsubishi เริ่มต้นที่รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งเริ่มผลิตขึ้นในปี 1963 เมื่อ Mitsubishi มองว่าตลาดอาจจะต้องการรถยนต์นั่งขนาด Mitsubishi Colt 1000 จึงถือกำเนิดขึ้นและไม่น่าแปลกใจที่มันมีความใกล้เคียง Mitsubishi Mirage ในทุกวันนี้ ด้วยความยาวในรุ่นซีดานที่ 3,820 ม.ม.และกว้าง 1490 ม.ม. แต่มันก็ยังมีรุ่น Van หรือ 5 ประตูที่มีความยาวมากกว่า 3,905 ม.ม. มีความกว้างเท่ารุ่นซีดาน และสูง 1,470 ม.ม. มีความยาว 2,285 ม.ม. เรือนร่างมาในสไตล์ 2 ประตู ทว่าในเวอร์ชั่นที่เข้ามามีบทบาทในวงการกีฬายานยนต์นั้น เป็นเรือนร่างท้ายลาด ทำให้มีคำว่า F ซึ่งย่อมาจาก fastback มาต่อท้าย
เจ้าจิ๋วคันนี้ยังบวกสมรรถนะเพิ่มจากเครื่องยนต์ดั้งเดิม Mitsubishi KE43 ต้นกำลัง 4 สูบแถวเรียงขนาด 1,000 ซีซี ซึ่งเดิมทีทำกำลังเพียง 51 แรงม้า แต่ในเวอร์ชั่นพิเศษนี้มันมีกำลังเพิ่มเป็น 55 แรงม้า ซึ่งยุคนั้นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 135 ก.ม/ช.ม. ก่อนที่จะไปลงแข่งในรายการ Southern Cross Rally รายการแข่งสุดหินรายการหนึ่ง ซึ่งเคยจัดที่ พอร์ท แมคคอรี่ ในทางใต้ของรัฐเวล ในออสเตรเลีย เมื่อช่วงปี 1960-1980 ในปี 1967 โดยในครั้งนั้นชนะในอันดับที่ 4
จุดเริ่มต้นนี้เอง ทำให้ Mitsubishi เริ่มสนใจในเส้นทางของพวกเขา โดยในปีถัดมา Mitsubishi พัฒนาเครื่องยนต์ Mitsubishi Colt 1000F ใหม่ ด้วยการขยายความจุด และให้กำลัง เป็น 58 แรงม้า และทำความเร็วได้ถึง 140 ก.ม./ช.ม. แถมยังเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลา 19.7 วินาที แต่ดูเหมือนว่ามันอาจจะยังไม่พอต่อความต้องการ
ทำให้ภายหลัง Mitsubishi Motor ทำเวอร์ชั่นสมรรถนะที่แรงกว่าอาจจะเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดที่แท้จริงของ Mitsubishi Evolution ที่แท้จริง กับ Mitsubishi colt 110F Super Sport sหรือ 1100 FS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ ถึง 73 แรงม้า และมีความเร็วสูงสุดถึง 155 ก.ม./ช.ม. และเมื่อพวกเขากลับไปที่สนามเดิมในออสเตรเลียครั้งนี้สามารถคว้ารางวัลกลับบ้านได้ด้วยที่ 1 และ 2 ในกลุ่ม ส่วนภาพรวมนั้นสามารถชนะด้วยตำแหน่งที่ 3 ไปใน ปี 1968
ปีถัดมา Mitsubishi เริ่มปรับเปลี่ยนรถที่เริ่มดูเอ้าท์ให้ทันสมัยมากขึ้น พวกเขาเปิดตัว Mitsubishi Colt Galant เป็นครั้งแรก และมันก็ไม่พ้นที่จะถูกจับมาเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตทันที
ช่วงปี 1971 เป็นอีกครั้งที่มิตซูบิชิ กลับเข้ามาแข่งขันด้วยรถรุ่นใหม่ ด้วยการต่อยอดจากรุ่นเดิม ซึ่งในรุ่นที่นำมาใช้ลงสนามนั้น เป็นรุ่น A II GS (Grand sport) ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 105 แรงม้า ซึ่งทำผลงานได้ดีในการแข่งขันในรายการ southern cross rally ตลอดรายการในปีนั้น แต่มาพบปัญหาในช่วงการแข่งขันสุดท้าย ทำให้ได้เพียงอันดับที่ 3 ในปีแรก
ในปีต่อมา Mitsubishi พัฒนา Mitsubishi Galant ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำ Galant 16 L GS เครื่อง 4 สูบแถวเรียงตอนนี้ให้กำลังถึง 150 แรงม้า จากบล็อก 1.6 ลิตร และเปลี่ยนนักขับจาก Doug Stewart มาเป็น Andrew Cowan ซึ่งภายหลัง เขาคนนี้เป็นนักขับมือฉมังและคือผู้ริเริ่มแบรนด์ Ralliart ที่เลื่องชื่อของสาวก Mitsubishi
นักขับที่สดรถแข่งที่ใหม่หมดจดแถมมีสมรรถนะดี ทำให้ ในปีนั้น Mitsubishi สมใจในเรื่องการชนะในรายการ Southern Cross Rally อย่างที่มุ่งหมายไว้
แชมป์แรกที่คว้ามาทำให้ Mitsubishi ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในปีถัดมา และปีนี้เป็นปีแรกที่ Mitsubishi เผยรถรุ่นใหม่ Mitsubishi Lancer เป็นครั้งแรกในโลกในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1973 ในรหัสตัวถังว่า A70
การพัฒนารุ่นใหม่เป็นการเล็งเห็นว่าในอนาคตอันใกล้ Mitsubishi Galant จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และเช่นเดียวกัน รถ Mitsubishi minica รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ผลิตออกมาก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างที่ควรจะเป็น และพวกเขาก็ไม่รอช้าในการเผยรุ่นสปอร์ต ในชื่อ Mitsubishi Lancer 1600 GSR และสามารถกล่าวได้เต็มปากว่านี่คือจุดเริ่มต้นของ Mitsubishi Evolution
ในรุ่นที่นำมาแข่งขัน Mitsubishi Lancer 1600 GSR ปรับเครื่องยนต์สมรรถนะให้เร้าใจสุดๆ เจ้าเปี้ยกคันนี้มีกำลังถึง 169 แรงม้าที่ 7,800 รอบต่อนาที และให้แรงบิด162 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที ผิดกับเวอร์ชั่นที่ทำออกขายทั่วไปที่ให้กำลัง 108 แรงม้า จากเรื่องการควบคุมมลภาวะที่เข้มงวดสุดๆในยุคนั้นๆ
อีกครั้งที่มันขับโดย Andrew Cowan และสามารถชนะรายการแข่งขัน Southern Cross Rally ติดต่อกันถึง 4 ปี ซ้อน เป็นการพิสูจน์สมรรถนะของรถคันนี้ ว่าเหนือชั้นมากๆ และนี่เป็นยุคทองของ Mitsubishi เมื่อ พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันที่หินที่สุดในรายการ East Africa Safari Rally ในปี 1974 ขับโดย Joginder Singh และคว้าชัยไปครอง
การฝ่าฟัน บนเส้นทางกว่า 6,000 ก.ม. คงไม่ใช่เรื่อง่ายๆ เมื่อ นับว่าเส้นทางนี้เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่หินที่สุดในยุค โดย นักขับมือฉกาจ ได้กล่าวหลังจากที่เขาได้รับชัยชนะว่า จะชนะการแข่งขัน Safari Rally ได้รถที่คุณใช้ต้องพร้อมและมีสมรรถนะที่ดีเยี่ยม รวมถึงการควบคุมที่ง่ายและทำได้ดี ผมเชื่อว่าการที่ผมชนะได้ไม่ใช่เพียงแค่ฝีมือ ผมชนะได้ก็ด้วย Mitsubishi Lancer และ มันจะเป็นเพื่อร่วมการแข่งขันกับผมไปอีกนาน ผู้รู้สึกโชคดีที่ได้ขับ รถที่สามารถไว้วางใจได้ ” แม้ในปีถัดมาจะไม่ประสบความสำเร็จ จบเพียงอันดับที่ 4 แต่เขาก็กลับมาเป็นแชมป์ได้อีกครั้งในปี 1976 ด้วย Mitsubishi Lancer
ส่วนในการแข่งขัน Southern Rally Cross ที่ออสเตรเลีย นั้นมันก็มีชัยชนะต่อเนื่องทุกปี จน Mitsubishi Lancer รุ่นนี้ได้ชื่อฉายาว่า The King of Car หรือ ราชาแห่งรถนั่นเอง
สิ้นช่วงยุค 70 Mitsubishi ก็เริ่มได้ชื่อเสียงในฐานะรถยนต์ที่มีสมรรถนะในการขับขี่ที่วางใจได้ โดยรถ Mitsubishi เริ่มเข้าสู่ตลาด อเมริกาและยุโรป โดยในปี 1979 Mitsubishi เปิดตัวรถรุ่นใหม่ Mitsubishi Lancer EX ในญี่ปุ่น ... และเริ่มงานออกแบบไหม้ทางด้านการวิศวกรรมและการออกแบบ
แม้จะมีชื่อที่คล้ายคลึงกับ Mitsubishi ที่ขายในบ้านเราในตอนนี้ แต่ นี่คือจุดกำเนิดของเครื่องยนต์เจ้าตำนานที่หลายคนชื่นชอบ 4G63 โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้ดั้งเดิมเลยเป็นเครื่องที่ใช้เฉพาะในการแข่งขันเท่านั้น ด้วยเครื่องยนต์ระบบหัวฉีดขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ ในรุ่นที่ใช้แข่งขันมีกำลังถึง 280 แรงม้า ซึ่งใช้ชื่อรหัสว่า Sirius Dash
แต่ Mitsubishi Lancer EX 2000 ก็มีขายให้คนทั่วไป แต่เฉพาะในตลาดยุโรป โดยตอนกำลังเครื่องยนต์เหลือเพียง 170 แรงม้า แต่เทียบกับรถถนนคันอื่นๆแล้ว มันก็มีดีด้วยความสามารถในการทำความเร็วสูงถึง 200 ก.ม./ช.ม. ถ้าต้องรีบไปเดทกับสาวๆ
หากว่าในการปรับรุ่นใหม่นี้ก็ไม่ได้สร้างผลดีกับในสนามแข่งนัก แม้รถจะมีการผลิตเฉพาะกิจมากขึ้นมีการใช้เครื่องยนต์ที่แรงขึ้น รวมถึงระบบช่วงล่างที่ใช้งานได้หนักขึ้น ทว่าด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำขึ้น ทำให้คู่แข่ง เริ่มมีการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเข้ามาใช้ในการแข่งขัน ทำให้ครั้งแรกในการพัฒนารถรุ่นนี้ไว้แข่งขัน รวมถึงเตรียมที่จะลงในรุ่น Group B ต้องกลับมาทบทวนใหม่
ในเดือนพฤษภาคม ปี 1982 Mitsubishi ได้เผยรถอเนกประสงค์ Mitsubishi Pajero ใหม่ อย่างเป็นทางการ และน่าจะเรียกว่าเป็นต้นแบบของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ Mitsubishi โดย เจ้า Mitsubishi Pajero มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลขนาด 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 95 แรงม้า 4,200 รอบต่อนาที ในเวอร์ชั่นจำหน่ายในตลาดรถยนต์ญี่ปุ่น
แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ Mitsubishi เองก็ท้าทายความเชื่อในเรื่องความแข็งแกร่งของรถ ด้วยการเรียก Andrew Cowanกลับมาประจำการหลังพวงมาลัย ก่อนที่ต้นปี 1983 ค่ายรถยนต์มิตซูบิชิจะส่งเขาไปแข่งรายการสุดโหด Paris-Alger-Dakar โดยรถที่มีการปรับแต่งเพียงเล็กน้อยจากเวอร์ขั่นจำหน่ายจริงในตลาดลงในรุ่น Production ทำให้เป็นบทพิสูจน์เริ่องความทนทานอย่างดี ความร้อน ทางโหด เป็นอะไรที่เรียกความฮือฮาได้ และในปีนั้น Cowan ควยรถเข้าเส้นนในรุ่นด้วยอันดับที่ 2 ของรุ่น และอันดับที่ 11 ในตำแหน่งผลรวม
ความสำเร็จที่เกิจขึ้นนี้ทำให้ Cowan มีอำนาจมากขึ้น เขาจัดตั้ง Mitsubishi Ralliart ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อ สร้างรถเพื่อการแข่งขันทางฝุ่นโดยเฉพาะ สำหรับการแข่งขัน
ปีถัดมา (1984) Mitsubishi เอาจริงเอาจังเรื่อง Darkar มาขึ้น ครั้งนี้ พวกเขาเอา Mitsubishi Pajero กลับมาแข่งทางโหดอีกครั้งโดย Cowan ยังคงเรียกเสียงฮือฮาได้จาก Mitsubishi Pajero Sport ที่มีการปรับแต่งน้อยมาก เครื่องยนต์ที่ดี ช่วงล่างที่เยี่ยมยอด ทำให้ ในที่สุด Cowan คว้าอันดับที่ 3 กลับบ้าน เช่นเดียวกันครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีทีมแข่งที่สอง ซึ่งใช้ Mitsubishi Pajero เช่นกัน ขับโดย Hurburt Higal ก็เข้ามาในอันดับที่ 7 แม้จะเป็นการแข่งขันครั้งแรกก็ตาม
1983 Mitsubishi Pajero
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ 2 ปี ของการออก Mitsubishi Pajero ประสบความสำเร็จอย่างดีและโจษจันมาในเรื่องของการเป็นรถยนต์ลุยขนานแท้ตัวจริง เพราะเพียง 2 ปี มันก็สร้างผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม ในการแข่งขันสุดโหด
แม้ว่าทางฝุ่นระดับแถวหน้าจะประสบความสำเร็จอีกคราว แต่ที่จริง Mitsubishi ใฝ่ฝันมากกว่าในการแข่ง WRC โดยเฉพาะในรุ่น Group B ที่เร้าใจและมีคนติดตามชมมากที่สุดในช่วงนั้น Mitsubishi จึงกลับมาอีกครั้งด้วยการเผยรถแข่งใหม่ Mitsubishi ออกมา
การเผย Mitsubishi Starion 4 WD เป็นจุดเริ่มต้นยุคทองของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในรถยนต์ Mitsubishi ผู้มีแรงสำคัญคนหนึ่ง คือ Alan Wilkinson สุดยอดวิศวกรที่ไม่เป็นรองใคร เขาผ่านมาหลายทีม ทั้ง Audi , Toyota และเขานี่แหละ คือหนึ่งในผู้ให้กำเนิดระบบ Quattro อันเลื่องชื่อ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบใหม่ ถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยการวิศวกรรมที่ได้จาก Mitsubishi Pajero และ มันถูกผลักเข้าหาเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งให้กำลังสูงสุด 350 แรงม้า แต่ตัวรถเองก็เบาหวิว เพียง 1,000 กก. ด้วยเพลาขับที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ และ ชิ้นส่วนของรถโดยส่วนใหญ่ ทั้ง ฝากระโปรงหน้า แก้มข้าง กันชนและ สปอร์ยเลอร์หลัง ทั้งหมดมาจากไฟเบอร์กลาส ทำให้มันเป็นเสือร้ายตัวจริง และ ในยุคนั้น มีความเชื่อว่า มันน่าจะสามารถปราบ Audi Qauttro ได้อย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่ WRC Group B เร้าใจจริง แต่อันตรายมาก ทำให้ FIA ประกาศยกเลิกการแข่งขันดังกล่าวไป แต่ยังดีที่กำลังที่ไม่มากมาย ทำให้ มันยังสามารถแข่งใน WRC Group A ได้ และชนะหลายรายการ แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่จดจำของสาวก Mitsubishi มากนัก แต่แม้จะไม่เป็นที่จดจำบนทางฝุ่น ในสนามแข่งแถบเอเชีย ยุค 1984-1988 Mitsubishi Starion เป็นดาวเด่นบนทางเรียบที่หลายคนพูดถึง
ปี 1985 ถือว่า เป็นปีที่ Mitsubishi ประสบความสำเร็จมากในทางฝุ่น และได้ชื่อเสียงจาก Mitsubishi Pajero เมื่อ ทีมแข่งที่เข้าร่วมรายการ Alger-Darkar คว้า 2 อันดับแรกในการแข่งขันครั้งนี้ โดยนักขับของทีม ZENIROLI และผู้นำทาง DA SILVA คว้าชัยในอันดับที่ 1 ในขณะที่ cowan ก็เข้ามาในอันดับที่ 2 ในการแข่งขันครั้งนั้น รวมถึง รถ Mitsubishi Pajero เริ่มถูกนำไปแข่งแรลลี่ในรายการอื่นทั่วโลก และเป้นที่ยอมรับว่ามันเป็นยอดรถ สืบทอดตำนานรถสมรรถนะดีและทนทาน
ความสำเร็จใน Mitsubishi Pajero ในฐานะรถอเนกประสงค์ขาลุยที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ Mitsubishi ต้องมาเร่งในงานของรถเก๋งที่ล้าสนามไป แม้ว่า Mitsubishi Starion จะมีดีพอตัว แต่การแข่งขันที่สำคัญยังคงเป็น World Rally Champion Ship หรือ WRC การไร้ซึ่ง Group B ทำให้ต้องปรับยุทธศาสตร์มาที่ Group A ซึ่งมีข้อกำหนดว่าจะต้องมีรถเวอร์ชั่นเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขันวางขายจริง อย่างน้อย 5,000 คัน
ข้อกำหนดที่จำเป็นต้องทำหากต้องการเข้าการแข่งขัน ทำให้ Mitsubishi ตัดสินใจในการจับ Mitsubishi Galant มารับบทบาทรถแข่งอีกครั้ง โดยออกรุ่นพิเศษ Mitsubishi Galant VR 4 โดยมันมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมความเร้าใจกับ เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งรุ่นที่จำหน่ายทั่วไปมีกำลัง 237 แรงม้า แต่ในรุ่นที่ลงทำการแข่งขัน คาดว่ามีกำลังสูงสุดถึง 300 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดมากที่สุด ถึง 400 นิวตันเมตร ที่ 5,200 รอบต่อนาที
เริ่มแรกที่ทำออกมา Mitsubishi VR4 ได้เทอร์โบ TD05H-14B มาประจำการ และมันก็ประสบควาสำเร็จในการแข่งขันหลายรายการ โดยเฉพาะรายการ Asia-Pacific Rally Championship ขับ โดย เคนชิโร่ โคนิซูกะ และ ลอส ดันเกอร์ตัน รวมถึงความสำเร็จของ มิคาเอล อีริคสัน ในรายการแข่งขัน 1000 lake Rally
ในปี 1991 Mitsubishi VR 4 ได้รับการปรับระบบเทอร์โบใหม่เป็น TD05H-16G ซึ่งมีใบหน้าทางด้านไอดีใหญ่กว่าเดิมถึง 10 ม.ม. และมันก็เพียงพอที่จะทำให้รถประสบความสำเร็จอีกหลายรายการ แต่ว่าด้วยยุคสมัยที่กำลังจะเปลี่ยนไป ทำให้ Mitsubishi เจอคู่แข่งที่มาพร้อมรถที่มีสมรรถนะดีขึ้น ที่สำคัญยังมีขนาดเล็ก ซึ่งได้เปรียบในเรื่องความคล่องตัวมากกว่า ทำให้ ในปี 1992 Mitsubishi ตัดสินใจปลดระวางมันจากการแข่งขัน แล้วแทนที่ด้วยไอเดียใหม่ ที่รถเล็กมาพร้อมสมรรถนะที่เร้าใจ ..และนั่นคิดจุดเริ่มเรื่องของ Mitsubishi Evolution ….
ตำนานที่ยาวนานของ Mitsubishi กับทางฝุ่น Rally ยังเพิ่งจะเริ่มขึ้น แม้ว่ากว่า ตลอด 30 ปี ในยุค 1960-1990 พวกเขาจะประสบความสำเร็จมากมาย แต่ความสำเร็จที่แท้จริง อยู่ที่รถแข่งที่ได้ชื่อว่าเป็นม้าศึกตัวฉกาจ ....และครั้งหน้า ในตอนที่ของ Mitsubishi Rally เราจะได้รู้ถึง ทศวรรษแห่งตำนาน Mitsubishi Evolution กัน ..
ที่มาภาพ F1 Express ,Wikipedia
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com