Deft Versus : 4 จตุรเทพเก๋งเล็กรุ่นท็อปสุด……งบไม่เกิน 800,000 บาท

  • โดย : Autodeft
  • 17 ก.พ. 60
  • 80,132 อ่าน

ทุกวันนี้ตลาดรถกลุ่ม B-Car (B-segment) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะเป็นรองตลาดกลุ่มรถกระบะก็ตาม และนับตั้งแต่ปีระกาเป็นต้นมา ตลาดรถกลุ่มนี้มีการเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยการแนะนำตัวรุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาดกันอย่างต่อเนื่อง

Versus

มีเพียง 3 ค่ายยักษ์ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปี 2560 ทั้ง Honda City Toyota VIOS และ Mazda 2 ส่งรถรุ่นปรับโฉมหน้าใหม่ในร่างเดิมรวมถึง อีก 1 ยานยนต์จากอังกฤษ ยืนหยัดสู้ ชนิดเย้ยฟ้าท้าดินขาใหญ่กันอย่างสนุกสนานอย่าง MG 5 เปิดทางเลือกใหม่ให้สาวกได้ใช้ยนตกรรมคุณภาพ พรั่งพร้อมด้วยความสดใสในหน้าตา เทคโนโลยีที่เร้าใจมากขึ้น โดยงานนี้จับเช็งเฉพาะรุ่นท็อปสุดของกลุ่ม B-Car เริ่มจาก

 

1. Honda City 1.5 SV+

Honda City

ปรับโฉมมาเน้นหรูหรา Luxury ตั้งแต่กระจังหน้าโครเมี่ยมดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟหน้าที่มีให้เลือกทั้งแบบ LED ติดตั้งไฟ LED daytime ซ่อนอยู่ในโคมไฟหน้า กันชนหน้าทรงใหม่ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า LED  บั้นท้ายยังคงเดิมเพิ่มเติมตรงกันชนหลังใหม่สไตล์สปอร์ต ล้ออัลลอยสีทูโทนดีไซน์ใหม่ ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/55 R16

ภายในปรับเปลี่ยนนิดๆหน่อยๆ ทั้ง ไฟอ่านแผนที่ และไฟส่องสว่างภายในแบบ LED แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดิมปรับลุคส์ใหม่ด้วยการตกแต่ง สีดำ Gun Metallic เข้มขึ้นด้วย โทนสีห้องโดยสารเป็นสี มาตรวัดเรืองแสงใหม่เป็นสีขาวสะอาดตาและชัดเจนในการมองเห็น เครื่องเสียงและจอสัมผัสใหม่ รองรับ รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สายผ่าน Bluetooth สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Andriod และ iOS พร้อมลำโพงมากถึง 8 จุด ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปุ่ม Push Start พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังกก์ชั่นเพิ่ม Cruise Control เอาใจคนบ้าหอบฟางด้วย เบาะหลังพับได้แบบ 60/40

Honda City

เครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 1.5  ลิตร เป็นขุมพลังประจำกายให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ รองรับ E85 พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT และ Paddle Shift พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน ระบบห้ามล้อหน้าดิสก์หลังดรัม พร้อมเบรก (ABS) กระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) และ ISOFIX & Child Anchor จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก และถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด กล้องมองภาพขณะถอยหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ในราคา 751,000 บาท

 

 

2. Toyota Vios 1.5 S

Toyota Vios

ปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 4 ปี แถมครั้งนี้ยึดแบบเดียวกับเวอร์ชั่นจีน สวยเน้น Sport ขึ้น กับกระจังหน้าโฉมใหม่ รูปตัว V สีเทาดำ พร้อมไฟหน้าใหม่แบบ Projector รมดำกับไฟ light Guide แบบ LED อยู่ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าใหม่พร้อมไฟตัดหมอกหน้าทรงกลม และไฟ Daytime แบบ LED แนวตั้ง ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่พร้อมกรอบโครเมียมออกแบบเป็นแนวยาว ช่วยดูให้หรูหราขึ้น ล้ออัลลอยลายใหม่ 5 ก้าน ทูโทน ขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 195/50 R16

ภายในลุคส์ Sport ไม่แพ้ภายนอก ด้วย เบานั่งกึ่งหนังแท้โทนสีดำขลิบแดง เครื่องเล่น DVD แบบจอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และช่องต่อ USB พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังขาด Cruise Control ตกแต่งด้วยแถบเปียโนแบล็ค ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และหัวเกียร์และฐานเกียร์ ตกแต่งเปียโนแบล็ค  พร้อม มาตรวัดดีไซน์สปอร์ต และจอแสดงข้อมูลขับขี่ MID (Multi-information display)

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร Dual VVT-I ให้กำลังสูงถึง 108 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน – เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ด้านระบบส่งกำลังมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift

Toyota Vios

ระบบความปลอดภัยมาครบพอสมควร ทั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน หรือเบรกบนถนนลื่น ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ  ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและกล้องมองหลังช่วยในการจอดรถที่สะดวกขึ้น ในราคาเพียง 789,000 บาท

 

 

3. Mazda 2 SKYACTIV-D 1.5 XD High Plus L

Mazda 2

หนึ่งเดียวในกลุ่ม ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบมอบทั้งความแรงและประหยัดในตัวจากเครื่องขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE โหมด Activematic และ Paddle Shift ในปีนี้เพิ่มออพชั่นด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control (GVC) ช่วยให้ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังลงล้อ และเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ i-Activsense ทั้ง

- Advanced Blind Spot Monitor (ABSM) = ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน
- Rear Cross Traffic Alert (RCTA) = ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง

พร้อมระบบความปลอดภัย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า พร้อมระบบ 4W-ABS EBD กับระบบดิกส์เบรก 4 ล้อ พร้อม ระบบควบคุมการทรงตัว DSC ระบบควบคุมการลื่นไถล TCS ระบบช่วยออกตัวทางชัน HLA ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS กล้องมองหลังและเซนเซอร์กะระยะช่วยจอด 4 จุด ที่ด้านหลังเพื่อความสะดวกในการถอยจอด

ด้านหน้าตาปรับสีสันเล็กน้อยด้วย ไฟหน้า LED Projector และไฟ Day Time Running Light แบบ LED  ใหม่!!ไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมกรอบโครเมี่ยม เพิ่มความหรูขึ้นอีกระดับ กระจกมองข้างพ่ร้อมไฟเลี้ยวออกแบบใหม่ เพิ่มความโดดเด่นมากขึ้นและ ใหม่!!เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด16 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R16

Mazda 2

ภายใน เพิ่มสีสันใหม่ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์เดียวกับ New Mazda 3 พร้อมระบบ Cruise Control แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยหนัง ระบบ MZD Connect เชื่อมต่อสู่โลกออนไลน์ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำเดินด้ายสีแดงพร้อมเบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 60/40 มาตรวัดรอบเครื่องยนต์พร้อมจอแสดงความเร็ว Active Driving Displayแบบสี พร้อมโทนภายในแบบ Two-tone Color Decoration และเบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำ ในราคาเพียง 789,000 บาท

 

 

4. MG 5 1.5 X Turbo Sunroof

MG5 Turbo

เก๋งเล็ก 4 ประตู ที่มาพร้อมเทคโนโลยีจากอังกฤษภายใต้แนวคิด BRIT Dynamic ทั้งรูปลักษณ์โดดเด่นสไตล์คูเป้กระโปรงหน้ารูปตัว V ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายของธงยูเนียนแจ็คแห่งประเทศอังกฤษรับกับไฟหน้า Projector และไฟ Daytime Running Light (DRL) เพิ่มความเท่และความปลอดภัยแถมติดตั้งซันรูฟเป็นออพชั่นมาตรฐาน ไฟท้ายดีไซน์เรียวยาวประสานเป็นเส้นเดียวกัน พร้อมล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ ขนาด 16 นิ้ว จัดมาพร้อมยาง  205/55/R16

ภายในสุนทรีย์ด้วย ลิ้นชักเก็บสัมภาระใต้เบาะที่นั่งพร้อมเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ที่เลือกได้ทั้งโทนสีเบจและดำและเบาะหลังพับได้ 100 % แผงคอนโซลหน้าดีไซน์แบบมินิมอล พร้อมหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อม Paddle Shift สะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง แสดงภาพกล้องมองหลัง เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ ช่องต่อ AUX และ USB

เครื่องยนต์ MG 5 แรงไม่แพ้ใครด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร TCI-TECH ให้กำลังสูงถึง 129 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร รองรับ E85 จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมโหมด Manual +/-

Review MG5 turbo

ความปลอดภัยไม้น้อยหน้าใครไม่ว่าจะเป็น

- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System)

- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System)

- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System)

- ระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD - Electronic Brake Force Distribution)  

- ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor control Slide Retainer)

- ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC – Curve Brake Control) 

- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (ITPMS - Indirect Tire Pressure Monitor System  

- ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBA – Electronic Brake Assist)

- ระบบควบคุมการทรงตัว (Stability Control System)

นอกจากนี้ยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง กล้องมองหลัง ในราคา 759,000 บาท

เก๋งเล็ก B-Car รุ่นท็อปสุด 4 รุ่นที่นำมาจับเชงครั้งนี้ คงเป็นที่สนใจสำหรับสาวกที่บ้าข้าวของเยอะแยะ เป็นอย่างมาก ผนวกกับตัวรถที่ให้ทั้งความคล่องตัว ในการขับขี่ โดยมีเหลดราคาไม่เกิน 800,000 บาท

งานนี้รักใครชอบ คุณลูกค้าเท่านั้นเป็นผู้ชี้ชะตา!!!!!!

 

เรื่องและเรียบเรียงโดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (นายเต้ย)

 

ติดตามเรื่องราว ข่าวสาร และความรู้ รถยนต์ได้กับพวกเรา ได้ที่  www.Autodeft.com 

หรือผ่านทาง   Fanpage Facebook กดไลค์และ  Follow   ได้ที่   www.facebook.com/autodeft 

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ