เปิดตัวรถใหม่ MG HS และ MG HS PHEV โฉมใหม่ เริ่มต้น 9.39 แสนบาท ที่งาน Motor Show 2022

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 21 มี.ค. 65
  • 16,208 อ่าน

วันที่ 21 มีนาคม 2565 ทาง บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ได้เปิดตัวรถใหม่อีกรุ่นล่าสุด นามว่า NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV โฉมใหม่ ภายใต้แนวคิด REFINEMENT โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

MG HS

โดยนิยาม “REFINEMENT” สะท้อนความเป็นรถยนต์สปอร์ตพรีเมี่ยม SUV ที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตอย่างลงตัว ทั้งในด้านของการออกแบบภายนอกและภายในที่ทันสมัยใส่ใจในทุกรายละเอียด ฟังก์ชันและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR NAVIGATION ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทางร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ real time ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น 

MG HS

รวมไปถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม และระบบกุญแจดิจิตอล (Digital Key Technology) อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลสูงสุดถึง 26 ระบบ และระบบช่วยผู้ขับขี่หรือระบบ ADAS ที่เทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังจากระบบขับเคลื่อนทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบโมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

MG HS

NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV มี 5 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่น X และรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดจำนวน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PHEV D และ รุ่น PHEV X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีแดง (Scarlet Red)

MG HS

ภายนอกของ NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV โฉมใหม่ล่าสุด ยกระดับคุณค่าด้านการออกแบบให้มีความโดดเด่น และทันสมัย ผสานทั้งความหรูหราและความสปอร์ตอย่างลงตัว ด้วยเส้นสายของตัวถังแบบ British Shoulder Line ที่เน้นเรื่องความโค้งมนสมบูรณ์แบบของตัวรถ พร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่คงเอกลักษณ์เฉพาะของเอ็มจี
•    มิติตัวถัง 4,574 x 1,876 x 1,664 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
•    ระยะช่วงล้อ 2,720 มิลลิเมตร
•    กระจังหน้า DNA ใหม่ สี 2-Tone ดีไซน์ Digital Burning Grille
•    กันชนหน้า กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมท่อไอเสียคู่
•    ไฟหน้าแบบ QUAD LED Projector
•    ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
•    ไฟท้ายแบบ Full LED
•    ไฟ Welcome Light
•    สปอยเลอร์หลังพร้อมราวหลังคา
•    ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า มีฟังก์ชั่นปรับระดับสูง-ต่ำ พร้อมสั่งการผ่านทางรีโมทคอนโทรล
•    ล้ออัลลอยด์ BI-COLOUR ดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว 


MG HS

MG HS

ภายในห้องโดยสารของ NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV ตกแต่งด้วยสี 2-Tone Monaco Blue ใช้วัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมี่ยมในทุกรายละเอียด พร้อมฟังก์ชั่นที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและคุณค่าระหว่างการขับขี่ที่ครบครัน
•    ภายในมีทั้งสีดำ และ 2-Tone ขาว - น้ำเงิน
•    เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ใช้วัสดุ Alcantara
•    เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
•    พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
•    หลังคา Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่
•    Interactive Ambient Light ในห้องโดยสาร ปรับได้ 64 เฉดสี
•    หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว
•    หน้าจอกลาง แบบ Multi-Function Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว
•    ระบบเสียง Surround เหนือระดับ กับ BOSE 8.1 Sound System
•    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Dual Zone
•    ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
•    ระบบกรองอากาศ PM 2.5
•    กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ
•    ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
•    NVH Luxury Silence Space และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร
•    ระบบเชื่อมต่อมัลติมิเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod
 

MG HS

NEW MG HS PHEV ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ผสานกำลังระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ขับขี่อย่างต่อเนื่องได้ด้วยระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที และสามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% ได้ถึง 67 กิโลเมตร
•    เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร
•    มอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงแบบ Hairpin Winding Technology ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร
•    ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Coolant System)
•    แบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล ขนาด 16.6 kWh
•    แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย AMERICAN UL2580 และมาตรฐาน IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
•    รูปแบบการขับขี่ 5 รูปแบบ ได่แก่ โหมด EV โหมด Eco โหมด Normal โหมด Sport และโหมด Super Sport
•    ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ
•    ระบบการบริหารพลังงานไฟฟ้าและสร้างกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์กลับสู่แบตเตอรี่ (Battery Management System)
•    ระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างหลังแบบ Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งหน้าและหลัง
•    ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง

NEW MG HS มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบต่อนาที มีรูปแบบการขับขี่ 4 รูปแบบ ได่แก่ โหมด Normal โหมด Eco โหมด Sport และโหมด Super Sport

MG HS

ด้านเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยรอบคัน NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน ทั้งระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย (Full Space Frame) ระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System มากถึง 26 ระบบ โดยแบ่งออกเป็นระบบความปลอดภัย เชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรก และช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ จำนวน 14 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งด้านหน้าและด้านท้ายรถ  ซึ่งเทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตืระดับที่ 2 (Autonomous Level 2) รวมกันกว่า 12 ระบบ ได้แก่
•    ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) 
•    ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) 
•    ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) 
•    ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) 
•    ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) 
•    ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) 
•    ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) 
•    ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) 
•    ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) 
•    ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) 
•    ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control) 
•    ระบบช่วยเบรกฉุกเฉืนอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake) ที่เพิ่มเติมเข้ามาในโฉมล่าสุดนี้ เพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งกว่า

นอกจากนี้ ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ 

ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ที่ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี รวมถึงการเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยี Digital Key และล่าสุดกับ AR NAVIGATION ระบบนำทางเสมือนจริง ที่จะทำให้ทุกการเดินแม่นยำมากยิ่งขึ้น

Smart Check หรือ ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
•    ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่และการชาร์จ รวมถึงการค้นหาสถานีชาร์จ
•    ตรวจสอบสถานะของประตูรถ
•    ตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอกเส้นทางไปยังรถยนต์ผ่านฟังก์ชั่น FIND MY CAR
•    ตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ ลมยาง และถุงลมนิรภัย 
•    ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถ
•    ระบบขอบเขตอิเล็คทรอนิกส์
•    ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ

Smart Command หรือ ระบบสั่งการอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
•    กุญแจดิจิตอล 
•    ระบบสั่งการผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย 
•    ควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
•    โทรออก – รับสายจากจอทัชสกรีน
•    ระบบโทรอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน(Emergency Call)
•    ระบบ i-CALL ที่สามารถติดต่อ MG Call Centre เพื่อสอบถามข้อมูล หรือขอรับจุดน่าสนใจ (Point Of Interest) ด้วยปุ่มลัดบนพวงมาลัย 
•    ค้นหาข้อมูลจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ และวางแผนการเดินทาง Travel Plan จากสมาร์ทโฟนส่งเข้าหน้าจอทัชสกรีนของรถได้

Smart Connect หรือ ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
•    ระบบนำทางอัจฉริยะ แสดงเส้นทางพร้อมภาพเสมือนจริงจากกล้องหน้ารถ (AR NAVIGATION) ครั้งแรกในรถยนต์เอ็มจี กับเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกและความแม่นยำในการขับขี่บนทุกเส้นทาง
•    ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
•    ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
•    ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
•    ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน และอัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ
•    อัพเกรดระบบต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ (FOTA)
* อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น

มีสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีแดง (Scarlet Red)

MG HS

ราคาจำหน่าย NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ 
รุ่น C 939,000 บาท
รุ่น D 1,089,000 บาท
รุ่น X 1,159,000 บาท

และรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดจำนวน 2 รุ่น 
รุ่น PHEV D 1,299,000 บาท
รุ่น PHEV X 1,379,000 บาท

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ