เฟอร์รารี่ SP51 : แรงบันดาลใจจาก 812 GTS สู่รถโรดสเตอร์แบบ One-Off รุ่นล่าสุดของมาราเนลโล

  • โดย : PR Autodeft
  • 7 ต.ค. 65
  • 3,123 อ่าน

เฟอร์รารี่ SP51 ยนตรกรรมรุ่นล่าสุดในเรนจ์ One-Off ของม้าลำพอง เผยโฉมครั้งแรกวันนี้ และร่วมทัพเป็นหนึ่งในกลุ่มรถยนต์สุดพิเศษในเรนจ์ของมาราเนลโล ยนตรกรรมสั่งทำพิเศษที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครคันนี้ เป็นงานฝีมือที่ผลิตขึ้นตามประสงค์ของลูกค้าโดยเฉพาะ จึงก้าวขึ้นสู่ความเป็นที่สุดในเรนจ์ของรถยนต์ปรับแต่งพิเศษจากเฟอร์รารี่

SP51 ที่ออกแบบขึ้นจาก Ferrrari Styling Centre โดยมี Flavio Manzoni เป็นผู้นำทีม คือรถเปิดประทุนขุมพลัง V12 วางหน้า ซึ่งนำพื้นฐานแพลตฟอร์มของ 812 GTS มาใช้ทั้งในส่วนของเลย์เอาต์, แชสซีส์ และเครื่องยนต์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่แรกเห็นของยนตรกรรมสุดตระการตาคันนี้ก็คือ การเป็นรถแบบเปิดประทุนที่ส่งให้มีความเป็นโรดสเตอร์พันธุ์แท้ในทุกมุมมอง ตราตรึงใจทั้งในด้านของภาพลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวและความเพลิดเพลินไปกับสายลมจากการขับขี่แบบเปิดหลังคา

แน่นอนว่าแอโรไดนามิกส์ของ SP51 จำเป็นต้องใช้หลากหลายกระบวนการ ทั้งเครื่องจำลองพลศาสตร์ CFD, อุโมงค์ลม และการทดสอบด้านไดนามิกส์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ทั้งห้องโดยสารที่ให้ความสะดวกสบาย และยังคงมาตรฐานด้านเสียงรบกวนที่น้อยที่สุดและสัมผัสได้ถึงสายลมเทียบเท่ากับรุ่น 812 GTS ที่รถคันนี้นำพื้นฐานมาใช้

 

ดีไซน์ของ SP51 ให้ทั้งความรู้สึกอันทรงพลังและความงดงามกลมกลืน ต้องยกความดีความชอบให้กับพื้นผิวที่เล่นระดับสูงต่ำอย่างต่อเนื่องลื่นไหล รูปทรงของรถมีความทันสมัย, สุขุมลุ่มลึก และเย้ายวนใจในคราวเดียว จากการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ทั่วทั้งตัวถังภายนอกและในห้องโดยสาร ฝากระโปรงหน้าให้ความโดดเด่นสะดุดตาจากกรอบที่โอบล้อมรอบช่องระบายอากาศทั้งสองฝั่งเอาไว้

อีกหนึ่งความตระการตาของ SP51 คือสีตัวถังใหม่ ‘Rosso Passionale’ ที่พ่นสีถึง 3 ชั้น นี่คือสีที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถคันนี้ ส่งให้ดูสูงค่าสง่างาม ทว่าดุดันน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ตอกย้ำความน่าประทับใจด้วยลวดลายสีน้ำเงินและขาวที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยนตรกรรมระดับตำนานอย่างเฟอร์รารี่ 410 S ปี 1955 ซึ่งลวดลายนี้ไม่เพียงพาดยาวตลอดแนวยาวของรถเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาใช้ตกแต่งในห้องโดยสารอีกด้วย

ที่ส่วนหน้าของรถ ชุดไฟหน้าซึ่งถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษช่วยให้ SP51 เป็นที่จดจำตั้งแต่แรกเห็น ทั้งยังมีภาพลักษณ์อันทรงพลังในตัวเองอีกด้วย และที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือชุดล้อซึ่งสร้างขึ้นเฉพาะสำหรับรถคันนี้ ส่วนที่เป็นปีกบนแต่ละก้านล้อผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ และก้านล้อในส่วนที่หันไปด้านหน้ายังตกแต่งด้วยวิธี Diamond-cut (กลึงเงา) เข้ากับสีของล้ออีกด้วย

 

ด้านท้ายของรถใช้ส่วนโค้งที่ด้านบน พร้อมชุดไฟท้ายที่ฝังตัวอยู่ใต้สปอยเลอร์ ถัดจากห้องโดยสารคือเสาหลังคาแบบลอยตัวที่โดดเด่นสะดุดตาจากการใช้ช่องดักอากาศคาร์บอนไฟเบอร์ 2 ช่อง ระหว่างองค์ประกอบทั้งสองนี้คือปีกหลังคาร์บอนไฟเบอร์ที่พาดยาวเต็มพื้นที่แนวขวางเหนือเสาหลังคา ผลลัพธ์ที่ได้ชวนให้นึกถึงยนตรกรรมเปิดประทุนแบบ Targa ซึ่งมีส่วนเชื่อมต่อครอบปิดบังโรลบาร์เอาไว้อย่างสง่างาม เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวิธีที่เฟอร์รารี่เคยนำมาใช้กับรถ Sport Prototype รุ่นต่างๆ ในช่วงต้นทศวรรษ 1960

ขั้นตอนซึ่งเป็นที่สุดแห่งการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยมีลูกค้าเป็นส่วนร่วมในทุกขั้นตอน จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากห้องโดยสารซึ่งสร้างความท้าทายใหม่ทั้งด้านของหัตถศิลป์และความคิดสร้างสรรค์ จุดสำคัญของการปรับแต่งอยู่ภายใต้ 2 แนวคิดหลักคือ การตัดสินใจนำเอาสี Rosso Passionale ที่ผสมขึ้นพิเศษสำหรับตัวถังรถ มาใช้เป็นโทนสีหลักของหนัง Alcantara® ที่นำมาตกแต่ง และแนวคิดที่จะนำเอาลวดลายของภายนอกรถมาใช้กับภายในห้องโดยสาร แถบสีขาวและน้ำเงินปรากฏให้เห็นที่คอนโซลกลางและพื้นที่บนผนังห้องเครื่องระหว่างเบาะนั่งทั้งสองตลอดจนด้ายที่ใช้เย็บบนพวงมาลัย กำเนิดเป็นสัมผัสอันไร้รอยต่อระหว่างตัวถังภายนอกและห้องโดยสาร โดยมีโครงสร้างแบบโรดสเตอร์ของรถเป็นตัวชูโรง

การตกแต่งบริเวณแผงประตู, ส่วนล่างของแดชบอร์ด และด้านข้างของเบาะนั่งทั้งสอง ถูกแทรกไว้ด้วยตะเข็บสีน้ำเงินตัดด้วยด้ายสีขาวที่เย็บแบบขวางจาก Kvadrat® ซึ่งเป็นสีเดียวกับลวดลายของรถเช่นกัน มีการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่เงางามเกือบทั่วทั้งห้องโดยสาร เข้าคู่กับองค์ประกอบสีดำด้าน ‘Nero Opaco’ ของพวงมาลัย Momo ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่หรูหราและน่าเกรงขาม ทั้งยังเพิ่มความโดดเด่นในรายละเอียดด้วยการปักด้ายสีขาว พร้อมสัญลักษณ์ม้าลำพองกับโลโก้ของรถตกแต่งไว้ที่ส่วนล่างของพวงมาลัย

SP51 ยนตรกรรมสั่งทำพิเศษแบบ One-Off ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อลูกค้าชาวไต้หวันซึ่งเป็นหนึ่งในนักสะสมและลูกค้าอันยาวนานของเรา นับเป็นโรดสเตอร์ที่สมบูรณ์แบบ และเป็นรถเปิดประทุนที่ใช้ขุมพลัง V12 วางหน้าคันแรก ในรอบ 50 ปี ของมาราเนลโล แม้จะมีรูปโฉมโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ทว่ารถคันนี้ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แห่งความสง่างามตามแบบฉบับของ 812 GTS อย่างครบถ้วน ทั้งยังขยายขอบเขตออกไปด้วยการมอบวิถีใหม่แห่งความเพลิดเพลินในการขับขี่ท่ามกลางสายลมอีกด้วย

SPECIAL PROJECTS 

 

โปรแกรม Special Projects รังสรรค์รถยนต์เฟอร์รารี่ที่ไม่เหมือนใคร (เรียกว่า “One-Off”) จากการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละคนจะเป็นเจ้าของรถที่มีเพียงหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง แต่ละโปรเจ็คท์เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ลูกค้าเป็นผู้เสนอ จากนั้นจึงพัฒนาร่วมกับทีมออกแบบของ Ferrari Styling Centre เมื่อได้สัดส่วนและรูปแบบของรถแล้ว จะนำรายละเอียดของการดีไซน์มาลงในพิมพ์เขียวและทำแบบจำลองรถขึ้นมา ก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนสร้างรถ One-Off รุ่นใหม่คันจริง โดยเฉลี่ยแล้วกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาราว 2 ปี ในระหว่างนั้น ลูกค้าจะได้มีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในการประเมินขั้นตอนการออกแบบและตรวจสอบความถูกต้องแต่ละเฟส ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือยนตรกรรมเฟอร์รารี่พร้อมตราสัญลักษณ์ม้าลำพองที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งได้รับการรังสรรค์ขึ้นภายใต้มาตรฐานสูงสุดเฉกเช่นรถยนต์ทุกๆ คันที่ออกมาจากสายพานการผลิตของมาราเนลโล

 

# # # #

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ