Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Honda Accord Hybrid Tech ในเมืองประหยัด ซัดทางไกลสบาย หายห่วงกับระบบ Sensing
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 16 ธ.ค. 62 00:00
- 22,631 อ่าน
ตลาดรถเก๋งซีดานขนาดกลาง ไม่ว่าจะเป็นระดับโลกหรือระดับประเทศไทย คงต้องยอมรับว่าตัวเลขยอดขายมันร่วงลงทุกปี เสียตลาดให้กับรถประเภทอเนกประสงค์หรือ SUV กันไปมากโขแล้ว เพราะคนซื้อสมัยนี้มักจะมองว่า รถอเนกประสงค์นั้นก็นั่งสบายได้ แถมยังสามารถเอาไปลุยได้มากกว่ารถเก๋งเสียอีกในราคาที่ไม่ต่างกันมาก ดังนั้นคนที่เลือกซื้อรถใหม่ก็หันไปหารถอเนกประสงค์มากขึ้น แต่ในตลาดรถเก๋งขนาดกลางก็ยังไม่หมดไป แต่เหลือยืนหยัดได
หลังจากการเปลี่ยนโฉมใหม่ของ Honda Accord ให้มาอยู่เจนที่ 10 หรือที่เรียกกันในโฉมนี้ว่า G10 ทำเอาคนที่เพิ่งเลือกรถอเนกประสงค์ไปไม่นานหันมามองค้อนอยู่เหมือนกัน เพราะภาพลักษณ์ที่ออกมาใหม่นั้น หลายคนชมเลยว่า ออกมาสวยถูกใจอย่างมากเลยทีเดียว (อันนี้เรื่องของรสนิยมแต่ละคนนะ)
เอาจริง ๆ แล้ว Honda Accord เอง ทีมงาน AUTODEFT ก็ได้ทำการทดสอบไปทั้ง 2 รุ่นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้นกับเครื่องยนต์ 1.5 Turbo หรือรุ่น Hybrid แต่ทั้ง 2 รอบ เป็นการทดสอบแบบกลุ่ม อาจจะทำให้การทดสอบยังไม่ได้ข้อมูลบางอย่างไม่ครบถ้วน รอบนี้เลยขออนุญาตทาง ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เพื่อทำการขอยืมรถเพื่อเอามาทดสอบกันอีกสักรอบ เพื่อเอามาดูให้ละเอียดอีกครั้งว่า รถซีดานขนาดกลางคันนี้ มีดีอะไรบ้าง
รอบนี้เราได้นำตัวบนสุด นั่นคือ Honda Accord Hybrid Tech มาทดลองขับกันประมาณ 5-6 วัน เพราะมีข้อมูลบางอย่างที่อยากรู้ให้ชัดเจน เช่นการวิ่งในเมืองและนอกเมืองมันต่างกันขนาดไหน และตอบโจทย์การใช้งานแบบทั่วไปได้มากน้อยเพียงใด แน่นอนว่า ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบ เราก็ต้องมาทำความรู้จักข้อมูลเบื้องต้นของรถยนต์ใหม่ 2019 คันนี้กันก่อนครับ
Honda Accord Hybrid Tech ก็ย่อมมาด้วยขุมพลังผสมทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่แล้ว โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ผลิตกำลังได้ 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ ผสมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 184 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร แต่พอนำมา Combine กัน จะได้กำลังรวมสูงสุด 215 แรงม้า แต่แรงบิดทางฮอนด้าไม่ได้แจ้งเอาไว้ว่ารวมกันแล้วได้เท่าไหร่ เดาเอาเองว่าน่าจะเคลมที่ตัวกำลังแรงบิดของมอเตอร์ได้เลย แพคมาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 1.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง วางไว้อยู่ที่ใต้เบาะคนนั่ง ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ E-CVT แต่ไม่มี Paddle Shift เพื่อเอาไว้สับเกียร์ อดสนุกกันไป รองรับการใช้งานน้ำมันสูงสุด E20
สัดส่วนใหม่ของ Honda Accord Hybrid Tech นั้น ถ้าเทียบกับโฉมเก่าแล้ว จะมีความเตี้ยลงประมาณหนึ่ง โดยมีมิติ ยาว 4,893 มม. กว้าง 1,862 มม. สูง 1,449 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,830 มม. ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 131.3 มม. น้ำหนักรวมของตัวรถคือ 1,568 กิโลกรัม มากกว่ารุ่น 1.5 Turbo ถึง 104 กิโลกรัม อันเนื่องมาจากน้ำหนักของแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเอง ส่วนยางนั้นก็ใส่มาในขนาด 18 นิ้ว (1.5 Turbo ขนาด 17 นิ้ว) ยางใส่มาเป็นขนาด 235/45 R18 เบรกเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้ออย่างแน่นอน ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลงเช่นกัน
อย่างที่บอกครับว่า Honda Accord Hybrid Tech G10 มีการใช้โครงสร้างใหม่ ที่ต้องการสมรรถนะในการขับขี่ โดยเฉพาะเรื่องการเกาะถนนให้มากยิ่งขึ้น ตัวรถเลยถูกกดให้มีขนาดต่ำลง เราจึงพอมองเห็นได้ว่า รถนั้นเตี้ยลงจากตัวก่อนประมาณหนึ่งเลย ทั้งนี้น่าจะมาจากการออกแบบให้ด้านท้ายมีความลาดลงมากกว่าเดิม รถเลยดูเตี้ยลงไปด้วย เพราะการออกแบบอย่างนี้เอง ทางค่ายเลยบอกว่า มันช่วยเรื่อง Aerodynamics ได้แจ่มแจ๋วมากกว่าโฉมที่แล้วอย่างแน่นอน ส่วนกระจังด้านหน้ามีการออกแบบให้มี DNA เดียวกันกับ Honda Civic อย่างชัดเจน จากที่เคยเป็นเส้นแถวแนวนอนหลายชั้น แต่งวดนี้ถูกปรับให้เป็นแถบเส้นสีเงินใหญ่แผงเดียว ต่อเนื่องกับไฟหน้าแบบใหม่ ที่ปรับให้เป็นแบบ LED เต็มแผง นับรวมได้ 9 ดวง พร้อมแถบไฟ Daytime-Running Light ที่เป็น LED พร้อมด้วยไฟตัดหมอก LED อีก 2 แผงบนกันชนหน้า ด้านไฟท้าย เป็นทรงคล้าย C Shape ที่ต่อเนื่องกันทั้งตัวถุงรถและฝาท้ายกระโปรง ใช้ไฟแบบ LED ในการส่องแสงเสาอากาศใช้เป็นแบบครบฉลาม ติดอยู่บนหลังคาด้านท้าย มีสปอยเลอร์หลังเพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถ
ภายในนั้น Honda Accord Hybrid Tech ใส่เบาะที่หุ้มมาด้วยหนังสังเคราะห์ คอนโซลลายหนัง แทรกด้วยลายไม้ ตรงกลางแทรกด้วยหน้าจอ Infotainment แบบ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบมีสายและไร้สาย มีระบบ Apple CarPlay ให้ใช้งาน มีช่องเชื่อมต่อด้วย USB จำนวน 2 ช่อง ด้านหลังเพิ่มอีก 2 ช่อง ลำโพง 10 ตำแหน่ง ที่สามารถปล่อยคลื่นเสียงผ่านระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าของโดยสาร หรือ Active Noise Cancellation (ANC) ได้ เสริมความสะใจด้วยระบบเสียงแบบ Premium Sound System พร้อม Sub-Woofer พวงมาลัยทรงกลม มีปุ่ม Multi-Function เอาไว้ควบคุมหน้าจอเครื่องเสียง, จัดการโทรศัพท์ และระบบ Adaptive Cruise Control, LSF, LAKS และ HUD คันเกียร์ทรงสปอร์ต มีปุ่มเลือกโหมดการขับขี่แบบ Econ และ Sport ไว้ให้เลือกใช้งาน ลงมาอีกหน่อยมีปุ่มเบรกมือไฟฟ้า และ Auto Brake Hold ให้ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงปุ่ม EV ที่สามารถเลือกให้รถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ เบาะนั่งคู่หน้าเป็นไฟฟ้า เบาะคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง พร้อมปรับดันหลังอีก 4 ทิศทาง บันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง ส่วนด้านคนนั่งปรับได้ 4 ทิศทาง มีปุ่มด้านข้างเพื่อให้คนขับสามารถปรับได้ถนัดเมื่อขับขี่ แอร์เป็นแบบปรับอัตโนมัติ แยกโซนซ้าย-ขวา ด้านหลังมีช่องแอร์ไว้ช่วยอัดความเย็นไปที่ตอนหลังได้เร็วขึ้น
ระบบความปลอดภัยใน Honda Accord Hybrid Tech นั้น จัดเต็มอย่างแน่นอน นำทัพมาโดยระบบ Honda Sensing ที่มีระบบตัวช่วยเรื่องความปลอดภัยมากมาย ทั้ง ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS), ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS), ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) และ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) เสริมด้วยระบบอื่น ๆ ทั้ง ระบบแสดงภาพมุมอับสายตา Honda Lane Watch, ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง MVCS, ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย CTM, ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ พร้อมระบบช่วยเบรก, เซ็นเซอร์กะระยะ 8 จุดรอบคัน, ระบบป้องกันการล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก ABS & EBD, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกระทันหัน ESS นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระบบอำนวยความสะดวกอย่างระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ, ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถเคลื่อนที่, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรบอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start), ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ รวมทั้งถุงลมนิรภัยอีก 6 ตำแหน่ง
น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับข้อมูลตัวรถเบื้องต้น เรามาเริ่มออกเดินทางเพื่อทดสอบรถยนต์กันเลยครับ โดยครั้งนี้ผมได้ใช้งาน Honda Accord Hybrid Tech ทั้งในรูปแบบนอกเมืองและในเมือง โดยนอกเมืองนั้น เป็นการเดินทางระยะไม่ไกลมากจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ ใช้เส้นทางปกติก็คือจากกรุงเทพ ก็ใช้งานเส้นวิภาวดี-รังสิต ออกไปทางสระบุรี ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพ วิ่งมุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน ก่อนจะเลี้ยวตัดเข้าถนนธนรัตน์ แล้วเข้าซอยซอกแซกสู่โรงแรมที่พักอีกที รูปแบบการขับขี่ก็ในรูปแบบใช้งานในชีวิตประจำวันปกติ เพราะการขับขี่แบบโลดโผนนั้น จัดให้ไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งในรุ่น EL และรุ่น Hybrid ในรูปแบบ Group Test ลองย้อนไปอ่านได้ครับ
ท่านั่งขับของ Honda Accord Hybrid Tech นั้น ออกไปแนวเกือบจะนอนขับอยู่แล้ว ซึ่งเกือบจะเท่ากับการขับรถสปอร์ตซิ่งทั่วไป ตัวเบาะกว้างพอที่จะโอบกระชับนักขับร่างใหญ่อย่างผมได้สบาย หนังที่หุ้มพวงมาลัยให้สัมผัสที่สบายมือ มีความฝืดเล็กน้อบช่วยเรื่องการหมุนพวงมาลัยติดมือได้อย่างดี ตำแหน่งของพวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทั้ง จึงไม่มีปัญหาเรื่องการปรับแล้วไม่ได้ตำแหน่งที่พอดีกับท่าที่เราขับขี่ ตำแหน่งการวางแขนซ้ายพอดีสำหรับการคลายเมื่อย แต่ด้านขวายกตัวสูงไปนิด (สำหรับผม) เวลาวางพักเลยไม่สบายเท่าด้านซ้ายเท่านั้นเอง พวงมาลัยมปุ่ม Multi - Function ควบคุมได้ทั้งหน้าจอ, หน้าปัดข้อมูลรถ รวมทั้งควบคุมระบบความปลอดภัยด้วย ส่วนหน้าจอนั้น บอกตรง ๆ ว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบหน้าาจอแบบลอยขึ้นมา มันดูเกะกะสายตาเล็กน้อย แต่เอาจริงมันก็ไม่ได้บังวิสัยการขับขี่หรอก เพราะขอบบนมันอยู่ระดับเดียวกับของกระจกล่างเลย เพียงแต่ว่าถ้ามันมาแบบ Build-in กับแผงคอนโซลหน้า ผมว่ามันน่าจะสวยกว่านี้นะ (เป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคลเลย)
ถ้าเทียบกับตัวรุ่น Honda Accord Turbo EL แล้ว พวงมาลัยในรุ่น Hybrid Tech นั้น มีปุ่มนั่นนี่นู้นให้ใช้งานเยอะกว่า ด้วยความที่รุ่นบนสุดนั้นมีระบบความปลอดภัยที่เยอะกว่าพอตัว เลยทำให้มีปุ่มเพิ่มขึ้นมา แต่ก็ไม่มากหรอก โดยมีเพิ่มตัวปุ่มควบคุมเปิด-ปิดระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน กับปรับระยะห่างของตัวรถเมื่อใช้งานระบบ Adaptive Cruise Control และเพิ่มพิเศษมาอีกปุ่มคือ HUD ที่ช่วยเปลี่ยนดูข้อมูลที่หน้าปัดได้สะดวกขึ้น แต่ไม่ต้องแปลกใจว่ารถราคาระดับนี้ ทำไมถึงยังใช้มาตรวัดความเร็วแบบเข็มอยู่ นั่นเป็นเพราะทางฮอนด้าอยากให้เข็มค้างความเร็วไว้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะได้ช่วยเรื่องการสืบสวนได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ ไม่ใช่เรื่องของการปรับลดต้นทุนแต่อย่างใด ส่วนหลังคาที่มีตัว Sunroof (หรือจะเรียก Moonroof ก็แล้วแต่) ก็เป็นการเพิ่มความรู้สึก “กว้าง” ของตัวรถเข้าไปอีก อันนี้ส่วนตัวชอบมาก ไม่ใช่เพราะว่ามันช่วยรับลมข้างนอกได้นะ (ตอนทดสอบร้อนจะตาย) แต่มันช่วยลดความอึดอัดของผมได้ เป็นคนชอบเห็นอะไรโล่ง ๆ ด้านบน
เอาล่ะ เรามาเริ่มออกเดินทางดีกว่า ช่วงแรกของการเดินทางนั้น ผมควบเอาเจ้า Honda Accord Hybrid Tech วิ่งออกต่างจังหวัดก่อนเลย การจราจรนั้นเป็นไปได้อย่างหนาแน่นพอตัว แน่นอนว่าในเมืองก่อนออกนอกเขตพระนคร ต้องเจอกับช่วงรถติดอยู่แล้ว สิ่งที่สังเกตเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากตัวรุ่นเก่า G9 ที่เคยทดสอบไปแล้ว (ดูได้ที่นี่) ก็คือเรื่องของการเก็บไฟของระบบ Hybrid ที่เห็นได้เลยว่า มีระยะเวลาในการจอดใช้ไฟแบบเครื่องยนต์ไม่ติดช่วงรถติดได้นานกว่า และเมื่อไฟหมด ก็ใช้ระยะเวลาในการใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟได้น้อยกว่าเดิม จากนั้นเครื่องก็ดับเพื่อใช้งานไฟในแบตเตอรี่แทนอีกครั้ง ดูแล้วสามารถช่วยลดการทำงานของเครื่องยนต์ได้ระยะเวลาที่นานขึ้นพอตัวเลย ไม่ได้จับเวลานะ แต่พอเห็นได้ว่า ระยะเวลาเครื่องยนต์ทำงานเพื่อปั่นไฟนั้น ใช้เวลาน้อยกว่าเราใช้งานไฟฟ้าช่วงตอนเครื่องดับพอตัว ต้องชื่นชมระบบ Hybrid ใหม่ของ Honda ที่ชื่อว่า Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive ที่มีจุดเด่นอยู่ 2 จุดคือ “อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม” ด้วยการทำงานอันทรงประสิทธิภาพของมอเตอร์ 2 ตัว ด้วยการแบ่งการทำงานของมอเตอร์อิสระจากกัน ตัวแรกทำหน้าที่ในการไปหมุนตัวส่งกำลังเพื่อให้ไปหมุนล้ออีกที ส่วนอีกลูกจะทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้าเพื่อส่งไปเก็บยังแบตเตอรี่ รอการใช้งานอีกที จุดที่ 2 คือ “ความสนุกสนานสไตล์ใหม่” ที่ได้จากการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น อัตราเร่ง และการตอบสนองที่รวดเร็วทันใจนั่นเอง
อีกเรื่องของระบบ Hybrid i-MMD ที่พัฒนาขึ้น คือเรื่องการบริหารจัดการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้ดีขึ้น รู้สึกได้ว่า มีการเลือกใช้งานเครื่องยนต์สลับกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสมกับการขับขี่ได้มากกว่าเดิม หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ฉลาดขึ้นนั่นเอง เพราะหลังจากทดลองใช้งานทั้ง 3 โหมด ทั้ง ECON, Normal และ Sport แล้ว รู้สึกถึงการทำงานได้ว่า
- ECON ระบบจะเน้นใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด ออกตัวด้วยระบบไฟฟ้าให้นานกว่าเดิม และพยายามปรับมาใช้งานระบบไฟฟ้าในช่วงวิ่งที่บ่อยมากกว่าเดิม
- Normal จะมีการปรับสัดส่วนของการใช้เครื่องยนต์ที่เพิ่มกว่าเดิม ใช้เครื่องยนต์เข้ามาช่วยงานมอเตอร์ไฟฟ้าในช่วงออกตัวที่เร็วกว่าเดิม มีสัดส่วนการใช้งานเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าระดับใกล้เคียงกัน (ตามจังหวะการใช้งานคันเร่งของเรา)
- Sport เน้าการใช้วานควบคู่กันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ออกตัวด้วยไฟฟ้าแวบเดียวแล้วเครื่องยนต์ก็ช่วยเข้ามาทำงานเลย เน้นการออกตัวที่กระฉับกระเฉงว่องไว คันเร่งมีการตอบสนองที่เร็วขึ้น
การขับขี่ในการทดสอบครั้งนี้กับการใช้งานแบบชีวิตจริงประจำวันทั่วไป จะเห็นความแตกต่างจากโฉมเก่าอย่างชัดเจน ถือว่าเป็นการพัฒนามันสมองของรถยนต์ให้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลย
อีกระบบที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนก็คือระบบ Honda Sensing ที่ใส่มาใน Honda Accord Hybrid Tech คันนี้ มันดีงามมากขึ้นเยอะมากมาย ดีกว่าที่เคยใส่มาในโฉมก่อน และดีกว่าที่ใส่มาใน Honda Civic หลายขุม เพราะจากการลองใช้งานนั้น ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ทำงานได้เนียนมากกว่าเดิม ช่วงลดความเร็ว, เร่งเครื่อง หรือการวิ่งตามแบบรักษาระยะห่างจากคันข้างหน้า ทำได้ดี ไม่มีกระโชกโฮกฮากแบบเร่งหงายท้องหรือเบรกหัวทิ่มอีกแล้ว หรือระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) นั้น การเตือนไม่ใช่แค่การสั่นธรรมดา แทบจะเรียกว่าการ “เขย่า” ได้อยู่แล้ว สะเทือนมือแบบชัดเจน ดีกว่าที่ใช้งานใน Honda Civic ที่สั่นแบบนิดหน่อยพอรู้สึกเท่านั้นเอง ส่วนการดึงพวงมาลัยกลับเพื่อให้รถอยู่ในเลนนั้น ก็ทำได้หนักแน่น ดึงกลับได้อย่างมีแรงต้านมือพอตัว ถือว่าช่วยเหลือยามเราเผลอได้ดีมาก และที่ดีงามอันสุดท้ายก็คือ Auto High Beam ที่ทำงานฉลาดและรวดเร็วมาก วิ่งผ่านในที่มืดหน่อย ไม่มีรถนำหน้าหรือสวนมา ก็ยกไฟสูงให้เองแล้ว แต่พอมีไฟหน้ารถวิ่งมาแบบลิบ ๆ มันก็ลดไฟลงได้อย่างรวดเร็ว แบบนี้สิถึงจะเป็นระบบตัวช่วยเรื่องความปลอดภัยที่ใช้งานได้จริง
การขับขี่นั้น ผมสัมผัสได้ชัดเจนว่า Honda Accord Hybrid Tech นั้นมีความนิ่งของตัวรถที่มากกว่ารุ่น Turbo EL พอตัวเลย ยามเข้าโค้งหรือการเปลี่ยนเลนเพื่อมุดเข้าช่องยามรถหนาแน่นทำได้ดีกว่า มันคงมาจากน้ำหนักตัวรถที่ถูกกดลงให้ศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำกว่าจากการติดตั้งแบตเตอรี่ที่อยู่แถวบริเวณห้องโดยสาร ใต้ที่นั่งด้านหลัง และน้ำหนักของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในเครื่องยนต์นั่นเอง ก็เลยทำให้การเข้าโค้งกับการเปลี่ยนเลนแทรกตามช่อง ทำได้ดีขึ้น อาการท้ายไหลเมื่อตอนเข้าโค้งด้วยความเร็ว ลดลงเมื่อเทียบกับตัวรุ่นเบนซินปกตินั่นเอง
ช่วงขับขี่ระยะทางไกล แบบรถไม่ค่อยมี แล้วเริ่มจะทำความเร็วได้ Honda Accord Hybrid Tech ก็สามารถวิ่งได้ด้วยความนิ่ง และการเก็บเสียงนั้นทำได้ดีมาก ต้องเร็วระดับเกิน 140 กม./ชม. ขึ้นไป ถึงจะเริ่มรู้สึกถึงเสียงลมที่เข้ามาที่ในห้องโดยสารได้บ้าง แต่ตัวพวงมาลัยสิ รู้สึกว่าการควบคุมมันมีระยะฟรีอยู่บ้างเล็กน้อย ทำให้ในช่วงความเร็วสูง อาจจะต้องมีการประคองอยู่บ้าง ซึ่งอาการนี้ถ้าขับอยุ่ในระดับไม่เกิน 100-120 กม./ชม. ก็ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่เมื่อเกินกว่านั้นในระยะทางยาว รู้สึกได้ว่าต้องใช้การขยับพวงมาลัยเยอะหน่อย เพื่อให้รถยังคงวิ่งได้นิ่งอยู่ในเลน ไม่รู้ว่ามันมาจากตัวระบบควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางหรือเปล่านะ ที่ทำให้รู้สึกได้ถึงอาการนี้ แต่มันไม่มีผลกับเรื่องความปลอดภัยหรอก รถก็ยังคงวิ่งได้นิ่งแหล่ะ เพียงแต่ต้องมีจังหวะประคองบ้างก็เท่านั้นเอง
สิ่งที่ชอบใน Honda Accord Hybrid Tech อีกอย่างก็คือ เวลาที่เราต้องการเรียกกำลังเพื่อทำการเร่งแซง หรือการออกตัวก้ตาม ส่วนตัวเห็นว่ามันทำได้ดีกว่ารุ่น Turbo EL อยู่ประมาณหนึ่งเลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าที่เข้ามาช่วยการทำงานนั้น มีขนาดใหญ่นั่นเอง ซึ่งข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าก็คือ มันไม่ต้องรอรอบ สามารถหมุนเอาแรงม้า-แรงบิดสูงสุดส่งไปช่วยเครื่องยนต์เพื่อหมุนล้อได้ทันทีตั้งแต่รอบแรก เลยทำให้ช่วงออกตัวนั้นปรู๊ดปร๊าดได้ทันที ช่วงเร่งแซงก็ช่วยไปปั่นจนเปลี่ยนย่านความเร็วได้ง่าย และที่สำคัญคือ ถ้าใครได้เคยอ่านที่ผมเคยทดสอบ Honda Accord Turbo EL มานั้น เวลาเรากดเท้าลงไปบนคันเร่งเต็มหน่วย จะมีความเร็วช่วงกลาง ประมาณ 60-90 กม./ชม. ที่มันหน่วงหายไปช่วงหนึ่งเหมือนรอรอบหรือรอการเปลี่ยนเกียร์ อาการนี้ในรถคันนี้หายไปเลย กำลังของเครื่องยนต์มใาอย่างต่อเนื่องแบบพอดี ไหลยาวจนถึงความเร็วสูงได้อย่างสบาย สร้างความสนุกสนานในการขับขี่อย่างมาก แต่ถ้าเทียบความนุ่มนวนในการขับขี่ กับรุ่น Turbo EL นั้น Honda Accord Hybrid Tech มีอาการเด้งและแข็งมากกว่าเล็กน้อย อันนี้น่าจะมาจากการเลือกใช้ยางที่มีขนาดใหญ่และบางกว่า (Turbo EL ใช้ 225/50 R17 ส่วน Hybrid Tech เป็น 235/45 R18) แต่มันไม่ได้แปลว่าขับแล้วกระเด้งกระดอนนะ มันยังคงนุ่มนวลและนั่งสบายอยู่ เพียงแต่ว่ามันแข็งขึ้นกว่ารุ่นน้องเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็แลกมากับการทรงตัวที่ดีขึ้นยังไงครับ
ด้านหลังของ Honda Accord Hybrid Tech ก็ตามสไตล์ของรถยนต์แบบฉบับผู้บริหาร ที่ยังคงนั่งได้สบาย มีช่องแอร์ด้านหลังเพิ่มความเย็นให้กระจายทั่วถึงทั้งคันได้รวดเร็วมากขึ้น มีช่อง USB ให้เสียบชาร์จไฟได้ 2 ช่อง ตัวเบาะมีความแข๋งกำลังดี นั่งแล้วไมตัวจมจนเมื่อย แต่ก็ไม่ได้แข็งมากเกินไป ส่วนความกว้างโอโถงนั้นสบายหายห่วง เพราะรถยนต์ใหม่ไซส์นี้ถูกออกแบบมาให้นั่งได้สบาย ใหญ่โต สมกับเป็นรถยนต์ของผู้บริหารอยู่แล้วแหล่ะ เสียดายอย่างเดียวถ้าตัว Sunroof เปลี่ยนมาเป็นแบบ Panoramic Sunroof ที่สามารถเปิดกว้างจนมาถึงด้านหลัง น่าจะเพิ่มความรู้สึกสบายได้อีกประมาณหนึ่งเลย
ช่วงที่เราใช้ความเร็วนิ่ง ๆ ช่วงแถว ๆ 120 กม./ชม. Honda Accord Hybrid Tech มีการสลับการใช้เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างดี อย่างที่บอกไปว่า ถ้าเราใช้งานในโหมด ECON จะมีการสลับใช้ไฟฟ้ามากกว่าเครื่องยนต์ แต่ถ้าเป็นแบบ Sport ก็จะเน้นการทำงานร่วมกันเสียเป็นส่วนใหญ่ การทำงานแบบนี้จะช่วยลดการใช้งานน้ำมันได้ประมาณหนึ่งเลย
ส่วนการขับขี่ในเมืองนั้น Honda Accord Hybrid Tech วิ่งในช่วงที่รถติดมาก ๆ จะมีการทำงานของเครื่องยนต์น้อยมากกว่าโฉมที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด เวลาจอดนิ่งนี่แทบไม่เห็น ไม่ได้ยินเครื่องยนต์ติดขึ้นมาเลย จะติดขึ้นมาช่วงที่เรากดคันเร่งวิ่งเท่านั้น
ด้วยการออกแบบขุมกำลังของ Honda Accord Hybrid Tech นั้น จะเป็นเครื่องยนต์เล็กแต่มอเตอร์ไฟฟ้าใหญ่กว่าของคู่แข่ง การใช้น้ำมันของคันนี้เลยมีอัตราการใช้งานในเมืองนั้นดีกว่าการวิ่งนอกเมือง ซึ่งจากการสรุปการใช้งานนอกเมืองราว 619 กิโลเมตร วัดอัตราการใช้งานน้ำมันได้ที่ 15.8 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนในเมืองนั้น มีแบบติดหนัก, ติดพอวิ่งได้ และวิ่งได้ยาวสลับกันในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันราวเกือบ 100 กิโลเมตร ได้ออกมาที่ 17 กิโลเมตร/ลิตร (น้ำมัน้แก๊สโซฮอล์ 91 ตลอดระยะทาง) ถือเป็นอัตราการกินน้ำมันในเกณฑ์ที่ดีเลย เมื่อเทียบกับขนาดตัวรถที่ใหญ่ขนาดนี้ ผมว่ายิ่งถ้าใช้งานแบบคนทั่วไปแบบไม่เท้าผี (แบบผมทดสอบ มีบางช่วงมันก็ผิดปกติไปเยอะอยู่) ผมว่าอาจจะได้อัตราที่ดีกว่านี้ก็ได้ครับ
สรุปออกมาในระยะเวลาประมาณ 7 วัน ที่ได้อยู่กับ Honda Accord Hybrid Tech ในระยะทางรวมเกินกว่า 700 กิโลเมตร ได้ผลสรุปออกมาตามนี้ครับ
สิ่งที่ชอบ
- ระบบการทำงานของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานได้ฉลาดขึ้น เหมาะสมกับการขับขี่มากขึ้น เลยได้อัตราประหยัดที่ดีกว่าเดิม
- ระบบ Honda Sensing ที่ใช้งานได้จริง อัพเกรดดีขึ้นกว่าของเดิม และที่ติดอยู่ใน Honda Civic
- ท่านั่งแบบสปอร์ต เท่ห์
สิ่งที่ไม่ชอบ
- หน้าจอกลางแบบลอยออกมา ผมชอบแบบฝังเรียบไปกับคอนโซลมากกว่า
- พวงมาลัยช่วงวิ่งด้วยความเร็ว ต้องคอยขยับประคองเยอะไปหน่อย
ค่าตัวของ Honda Accord Hybrid Tech 1,799,000 บาทถ้วน ถูกลงกว่าโฉมที่แล้วอีก ได้รถยนต์ขนาดกลางที่มีความหรูหรา นั่งสบาย แต่เมื่ออยากจะปลดปล่อยความดิบของตัวเองออกมา ก็สามารถตอบสนองคำสั่งได้อย่างดี แถมได้อัตราการประหยัดที่ดีอีกด้วย ผมว่ารถยนต์ใหม่คันนี้ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าใช้งานไม่น้อย ดีขนาดไหนไม่รู้ ผมรู้แต่เพียงว่า เป็นรถยนต์ทดสอบอีกรุ่นในใจ ที่ไม่อยากคืนรถกลับไปเลยจริง ๆ
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com