Velvet Motorworks ปลุก Range Rover L322 รุ่นยุค 2000s ด้วยดีไซน์ย้อนยุคและเทคโนโลยีล้ำสมัย

Range Rover เจเนอเรชันที่ 3 หรือ L322 ซึ่งเปิดตัวในปี 2001 ยังได้รับการยกย่องถึงเส้นสายที่เรียบหรูและความสง่างามเหนือกาลเวลา แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 20 ปี ล่าสุด สตาร์ทอัพหน้าใหม่จากเอสโตเนียชื่อว่า Velvet Motorworks เตรียมปลุกชีวิตใหม่ให้กับ SUV ระดับตำนานรุ่นนี้ ด้วยแนวคิดรีสตอม (Restomod) ที่ผสมผสานกลิ่นอายความคลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีปัจจุบันในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร

Velvet Motorworks วางแผนจะผลิต Range Rover L322 รุ่นพิเศษนี้ในจำนวนจำกัด โดยจะทำการฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในส่วนตัวถัง ระบบช่วงล่าง ภายในห้องโดยสาร และสมรรถนะ พร้อมปรับดีไซน์ให้มีกลิ่นอายย้อนยุคของ Range Rover รุ่นแรกสุดในยุค 70s ผสมผสานเข้ากับรายละเอียดสมัยใหม่

ดีไซน์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูย้อนยุคมากขึ้น ด้วยชุดไฟหน้า LED ทรงกลม เสริมด้วยกระจังหน้าซี่ตั้งที่ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นคลาสสิก ขณะที่กันชนหน้า-หลัง และซุ้มล้อถูกออกแบบให้สื่อถึงรถออฟโรดยุคเก่า แต่ยังคงสมดุลด้วยล้อขนาดใหญ่และความสูงจากพื้นเพิ่มขึ้น ให้ภาพลักษณ์ที่ดูดุดันแต่หรูหรา

แม้จะยังไม่มีภาพภายในอย่างเป็นทางการ Velvet Motorworks ให้คำมั่นว่า ห้องโดยสารจะถูกตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ เช่น Apple CarPlay, ระบบช่วยขับขี่ (ADAS), และฟังก์ชันล้ำสมัยอื่น ๆ โดยทั้งหมดจะถูกรังสรรค์ด้วยงานฝีมือแบบ “แฮนด์เมด”

รถทุกคันจะใช้พื้นฐานจาก Range Rover L322 รุ่นเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ 4.2 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์จาก Jaguar ที่ให้กำลังเดิมจากโรงงานประมาณ 400 แรงม้า ก่อนจะได้รับการปรับแต่งเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เสริมความเร้าใจด้วยระบบไอเสียแบบเปิด-ปิดได้ตามต้องการ

Velvet Motorworks ยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ใช่แค่การ “แต่งรถเก่า” แต่เป็นการชุบชีวิตรถคลาสสิกระดับหรู ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในยุคปัจจุบัน โดยยังคงรักษาความรู้สึกการขับแบบอะนาล็อกเอาไว้ พร้อมปรับปรุงให้ขับสนุกและนุ่มนวลยิ่งขึ้นในทุกสภาพถนน

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ รถยังมีสถานะเป็นเพียงแบบจำลอง 3 มิติ ซึ่งสร้างโดยศิลปิน CGI ชื่อ Nils Piirma ผู้อยู่เบื้องหลังงานออกแบบของ Koenigsegg และ Genesis ในอดีต โดยทาง Velvet Motorworks ตั้งเป้าเปิดตัวต้นแบบจริงภายในกลางปี 2026 และส่งมอบรถให้ลูกค้าชุดแรกภายในสิ้นปีเดียวกัน

แม้ราคายังไม่เปิดเผย แต่คาดว่าแต่ละคันจะถูกผลิตตามสั่งเฉพาะบุคคลในโรงงานที่เอสโตเนีย ใครที่หลงใหลในเสน่ห์ของ Range Rover คลาสสิก พร้อมหัวใจใหม่และเทคโนโลยีระดับพรีเมียม นี่อาจเป็นโอกาสครั้งเดียวในรอบหลายทศวรรษ

ที่มา Carscoops