Elon Musk ชายผู้เปลี่ยนโลกยานยนต์-Iron Man ของโลกความเป็นจริง
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 16 พ.ค. 61 00:00
- 9,945 อ่าน
ต้องยอมรับกันอย่างเต็มปากว่า การที่วงการยานยนต์ได้เริ่มก้าวเปลี่ยนผ่านจากยุคของรถยนต์แบบสันดาปภายใน หรือใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน ให้กลายมาเป็นยุคของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้ ต้องยกความกล้าหาญของชายที่ชื่อว่า Elon Musk ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Tesla ผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าของโลกนี้ เราอาจจะรู้จักเขากันอย่างผิวเผิน แต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นกันครับ
Elon Reeve Musk เป็นชื่อเต็มของเขา เกิดที่เมือง Transvaal แอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1971 เป็นบุตรชายของนาย Errol Musk วิศวกรไฟฟ้า, นักบิน และกลาสีเรือชาวแอฟริกาใต้ กับนาง Maye Musk นางแบบชาวแคนาดา มีน้องชายและน้องสาวอย่างละ 1 คน ต่อมาพ่อและแม่ของเขาแยกทางกัน Musk จึงอาศัยกับคุณพ่อที่แอฟริกาใต้ต่อไป
Elon Musk เป็นคนที่รักการอ่านหนังสือมาก เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ เขาสนใจเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก และใช้งาน Commodore VIC-20 คอมพิวเตอร์ในสมัยนั้นอย่างคล่องแคล่ว ตอนนั้นเขาคิดว่าโตไปน่าจะได้เป็นโปรแกรมเมอร์ ต่อมาจนอายุ 12 เขาได้เขียน Code ขึ้นมาตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นพื้นฐานของเกม ที่เขาเรียกมันว่า Blastar แล้วเอามันไปขายให้กับนิตยสาร PC and Office Technology ได้เงินมาเป็นค่าตอบแทน 500 ดอลลาร์
วัยเด็กของ Elon Musk นั้น เขาถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนๆอยู่เป็นประจำ ครั้งหนึ่งถึงขั้นเจ็บหนัก เพราะถูกกลุ่มนักเรียนด้วยกันทุ่มลงมาจากบนบันไดจนหมดสติ และต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา เขาเรียนอยู่ในโรงเรียน Waterkloof House Preparatory School และ Bryanston High School ก่อนจะจบการศึกษาช่วงมัธยมที่ Pretoria Boys High School จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่แคนาดาในเดือนมิถุนายน 1989 ช่วงก่อนอายุครบ 18 ปี จากนั้นก็ได้รับสัญชาติแคนาดาตามคุณแม่ของเขา
หลังจากย้ายมาที่แคนาดาแล้ว Elon Musk ได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย Queen ในปี 1992 แต่หลังจากเรียนไปได้เพียง 2 ปี เขาก็ย้ายไปเรียนที่ University of Pennsylvania ในสหรัฐฯแทน จนจบการศึกษาที่นี่ในปี 1997 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ และเรียนเพิ่มเติมจนจบอีกสาขาคือ เศรษฐศาสตร์ และในปี 1995 เขาศึกษาต่อปริญญาเอก โดยย้ายไปที่ Stanford University ในสาขาฟิสิกส์ประยุกต์ และวัสดุศาสตร์ แต่เรียนไปได้เพียง 2 วันก็ยุติการเรียน เพื่อไปหาแรงบันดาลใจเรื่องเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต, พลังงานทดแทน และอวกาศแทน จนในปี 2002 เขาก็ได้รับเป็นประชาชนของสหรัฐฯอย่างเต็มตัว
ในปี 1995 Elon Musk และน้องชาย Kimbal Musk ร่วมกันเปิดบริษัทซอฟท์แวร์ชื่อ Zip2 ผู้พัฒนาและวางแผนการตลาดเกี่ยวกับคู่มือท่องเที่ยวให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ โดยเริ่มทำสัญญาการทำงานกับทั้ง The New York Times และ Chicago Tribune หลังจากนั้น Compaq เจ้าพ่อด้าน IT ได้ขอเข้าซื้อกิจการเป็นจำนวนเงินสด 307 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บวกกับหุ้นใน Compaq อีก 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย Musk นั้นได้รับส่วนแบ่งจากการขายครั้งนี้ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในปี 1999 Elon Musk ได้นำเงินทุนประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาเปิดบริษัทใหม่ชื่อว่า X.com บริษัทบริการด้านการเงินและระบบชำระเงินทาง email ผ่านทาง online หลังจากนั้น 1 ปี บริษัทก็ได้ควบรวมกับ Confinity ให้บริการด้านการโอนเงินที่รู้จักกันทั่วโลกว่า PayPal ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น PayPal ในปี 2001 ซึ่งบริการนี้เติบโตจากการตลาดแบบบอกต่อเป็นหลัก (Viral Marketing) จนทำให้ PayPal เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จนถึงเดือนตุลาคม 2000 เขาถูกขับออกจากการเป็น CEO (ยังคงอยู่ในบอร์ดบริหาร) จากการขัดแย้งขับผู้บริหารภายในเพราะเขาต้องการย้ายระบบของ PayPal จาก Unix ให้ไปอยู่บน Microsoft Windows แทน จนถึงปี 2002 PayPal ก็ถูกควบกิจการไปโดย eBay เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่ด้าน e-Commerce ในราคา 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ Musk ได้รับเงินจากการควบกิจการครั้งนี้อีก 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2017 เขาขอซื้อโดเมน x.com กลับมาจาก eBay ด้วยจำนวนเงินที่ไม่มีการเปิดเผย ด้วยเหตุผลที่ว่า มันมีความหมายกับชีวิตของเขามากนั่นเอง
ในปี 2001 Elon Musk ได้ทำการค้นคว้าระบบการปลูกพืชในเรือนกระจกบนดาวอังคารที่เรียกว่า Mars Oasis แล้วนำเสนอต่อสาธารณะชนเพื่อเรียกความสนใจ ต่อมาในปีเดียวกัน เขาได้เดินทางไปยังกรุงมอสโคว์ รัสเซีย เพื่อขอซื้อ Dnepr Intercontinental ballistic missiles จรวดที่่ผ่านการใช้งานแล้วเพื่อนำกลับมาปรับปรุงใหม่ หวังให้มันสามารถพาขึ้นไปบนอวกาศได้อีกครั้ง แต่กลับเจอข้อเสนอขายที่ราคา 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เขาจึงยกเลิกข้อตกลงขอซื้อแล้วเดินทางกลับทันที ระหว่างการเดินทางกลับนั้น เขาคิดว่า เขาเองก็น่าจะสามารถสร้างจรวดได้ในราคาที่ไม่แพงขนาดนี้ เพราะจากการคำนวนคร่าวๆแล้ว ต้นทุนของจรวดน่าจะมีเพียง 3% ของราคาขายจริงด้วยซ้ำ ต่อให้ลดราคาลง 10 เท่า ยังมีกำไรสูงถึง 70% เลย นี่เองเลยเป็นจุดกำเนิดของการก่อตั้ง SpaceX นั่นเอง
ในช่วงปี 2003 Elon Musk ร่วมมือกับ Martin Eberhard และ Marc Tarpenning ผู้ลงทุน รวมทั้งการระดมทุนผ่านบริษัททางด้านการเงินชั้นนำ เข้าซื้อหุ้นใน Tesla, Inc. ต่อจาก Martin Eberhard and Marc Tarpenning มี Elon Musk คุมบังเหียนเรื่องการพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนอีก 2 คนดูแลเรื่องทางการเงิน โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่เริ่มทำการผลิตเป็นต้นแบบมาก่อน ก็คือรุ่น Roadster ในปี 2008 นั่นเอง จากนั้นในวันที่ 22 มิถุนายน 2012 ก็ได้เริ่มวางจำหน่ายรถไฟฟ้าซีดาน 4 ประตู Tesla Model S ที่สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 2,500 คัน ใน 31 ประเทศ ต่อมาจนถึง สิงหาคม 2015 ก็ได้เปิดตัววางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV Tesla Model X ออกมาเป็นรุ่นที่ 3 ซึ่งผิดจากแผนการที่เคยวางไว้ เพราะกำหนดเดิมนั้นจะมีการเปิดตัวตั้งแต่ช่วงกุมภาพันธ์ 2012 แล้ว และไม่ได้มีการจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีการส่งชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ให้กับยี่ห้อชั้นนำอย่าง Daimler ไปติดตั้งใน Smart EV, Mercedes B-Class Electric Drive และ Mercedes A Class รวมทั้งส่งให้ Toyota เพื่อติดตั้งใน RAV4 EV อีกด้วย
ในปี 2004 Elon Musk ได้ประกาศว่า Tesla ยินยอมให้ทุกคนสามารถใช้เทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรโดยเทสล่าได้ ถ้านำไปใช้ในทางที่ดี เพื่อต้องการขยายการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นเร็วที่สุด ต่อมาในปี 2016 เขาก็ประกาศว่า ตอนนี้ได้ทำการขอซื้อโดเมน Tesla.com จากนาย Stu Grossman มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการใช้โดเมนนี้เพื่อเป็นหน้าหลักของรถยนต์ Tesla มาจนถึงปัจจุบัน การบริหารงานภายใต้ตำแหน่ง CEO ในเทสล่า Elon Musk ได้รับค่าตอบแทนเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ปีเท่านั้น แต่จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินปันผลและเงินโบนัสแทน ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขาได้รับเงินโบนัสมาจากบริษัท 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมเพิ่มจำนวนหุ้นเป็น 20.3 ล้านหุ้น เป็นค่าตอบแทนที่สามารถเพิ่มมูลค่าของบริษัทให้เป็น 650,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้
นอกจาก Elon Musk จะเป็นเจ้าของ Tesla และ SpaceX อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้ว เขายังเป็นเจ้าของบริษัทอื่นๆอีกมากมาย ทั้ง
- SolarCity บริษัทผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ
- Hyperloop ระบบการขนส่งมวลชนด้วยท่อลมความเร็วสูง
- OpenAI บริษัทวิจัยและพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ฟรี
- Neuralink บริษัทวิจัยและพัฒนาระบบที่ทำให้สมองของมนุษย์ทำงานร่วมกับ AI เพื่อทำการสั่งการคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง
- The Boring Company บริษัทขุดอุโมงค์เพื่อการคมนาคม
- Thud บริษัททางด้าน Media
ในด้านของครอบครัวนั้น Elon Musk แต่งงานกับ Justine Wilson เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันสมัยมหาวิทยาลัย Queen's University ในปี 2000 ก่อนจะแยกทางกันในปี 2008 มีลูกด้วยกัน 6 คน ซึ่งลูกชายคนแรกเสียชีวิตหลังจากมีชีวิตได้เพียง 10 สัปดาห์จากโรค Sudden infant death syndrome (SIDS)หรือ กลุ่มอาการตายอย่างกะทันหันของทารก แต่ต่อมาในปี 2004 ได้ลูกแฝด 2 เป็นเพศชาย และก็ได้แฝด 3 ชายอีกครั้งในปี 2006 รวมแล้วเป็น 5 คน ปัจจุบันแบ่งกันเลี้ยงกับอดีตภรรยา และในปี 2008 เขาก็เริ่มคบหากับ Talulah Riley นักแสดงชาวอังกฤษ และเมื่อถึงปี 2010 ก็แต่งงานกัน ก่อนจะจบชีวิตคู่กันใน 2 ปีต่อมา แต่เมื่อมาถึง กรกฎาคม 2013 เขาก็กลับมาแต่งงานกับ Riley อีกครั้ง แต่อีกเพียงปีเดียว ทั้งคู่ก็ตัดสินใจหย่าขาดจากกันเป็นรอบที่ 2 แต่กว่าการหย่ากันครั้งนี้จะสมบูรณ์ ก็ล่วงเลยมาถึงช่วงปลายปี 2016 แล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มคบหากับ Amber Heard นักแสดงชาวสหรัฐฯ แต่ก็คบได้เพียงปีเดียวจากสาเหตุเพราะมีเวลาไม่ตรงกัน ล่าสุดก็ประกาศคบหากับ Grimes นักดนตรีชาวแคนาดาอยู่ในปัจจุบัน
หลายคนบอกว่า Elon Musk เป็น Iron Man หรือ Tony Stark ในโลกของความเป็นจริง ทั้งเรื่องการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆที่ล้ำสมัยไปไกลกว่าคนอื่น, ความร่ำรวยมหาศาล รวมทั้งความเจ้าชู้ที่เปลี่ยนคู่ครองแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยหลายคน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ นวัตกรรมต่างๆที่เขาคิดค้นขึ้นมา ล้วนแต่นึกถึงเรื่องรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกของยานยนต์แบบกล้าหาญอย่างแท้จริง
ข้อมูลจาก Wikipedia
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com