หยุดรถเกียร์ออโต้ ค้างไว้ D หรือเลือกเกียร์ N ใครถูกใครผิด...
- โดย : Autodeft
- 10 ก.ค. 57 00:00
- 88,415 อ่าน
มาดู 3 บทสรุปการเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างเกียร์ D และเกียร์ N เมื่อคุณขับรถเกียร์ออโต้ยามรถติด ควรทำอย่างไรกันแน่
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
เมื่อมองท้องถนนในทุกวันนี้คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เราหลายคนขับรถเกียร์อัตโนมัติกันจนชินชา แต่มีเพียงไม่กี่คนนั้นที่รู้จักการใช้งานระบบเกียร์เหล่านี้อย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมาสู่คำถามที่สำคัญในการขับขี่เมื่อเราต้องจอดรถติดเป็นเวลานาน จะเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรกค้าง หรือว่าจะเข้าเกียร์ N ซึ่งเป็นตำแหน่งเกียร์ว่างคล้ายกันกับเวลาที่เราขับรถเกียร์ธรรมดา
คำถามที่เถียงกันไม่มีวันสิ้นสุดนี้ ไม่ต่างอะไรจากไก่กับไข่ และเป็นคำถามที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะนักขับหน้าใหม่ที่ถูกสอนมาอย่างผิด หรือยังขาดความรู้ความเข้าใจว่า จนพอจะพูดได้ว่านี่เป็นหนึ่งในกรณีที่คนใช้รถหลายคนเถียงกันไปไม่มีวันรู้จบ
1.เปลี่ยนบ่อยๆ เกียร์มันจะสึกหรอ... ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่กล่าวถึงกันมาก เมื่อกลางวงบทสนทนาเริ่มเรื่องประเด็น จะ D หรือจะ N เมื่อยามรถติด ด้านหนึ่งบอกเหตุผมที่ต้องเข้าเกียร์ D ไว้ แล้วเหยียบเบรก เพราะเกรกว่า กระชากบ่อยๆ เกียร์มันจะสึกหรอ
แต่ความจริงก็คือว่า ตัวคันเกียร์ที่คุณสลับสับเปลี่ยนไป N หรือ จะไป D บ่อยๆนั้น แท้ที่จริงไม่ได้ต่อกับชุดเกียร์โดยตรงเลยแม้แต่น้อย แต่มันคือคันเกียร์ที่คอยสั่งงานโปรแกรมเกียร์ว่า ชุดระบบส่งกำลังนั้นควรทำงานอะไร ซึ่งจะสับบ่อยแค่ไหน ก็แทบไม่มีผลโดนตรงต่อเกียร์เลยด้วยซ้ำ เว้นแต่จะมีบ้างถ้าคุณเป็นพวกบ้าพลังแรงเยอะ พวกตัวสับคันเกียร์อาจจะเสียหายบ้างตามกาลเวลาและสภาพการใช้งาน
แม้แง่หนึ่งหลายคนอาจจะเป็นห่วงเรื่องของชุดเกียร์มาก แต่ความจริงแล้ว ในยามที่คุณเบรกแล้วค้างไว้ตำแหน่งที่เกียร์ D นานๆ โดยตรงต่อระบบเบรกมากกว่า ที่หลายคนไม่รู้คือในระหว่างที่เราเข้าเกียร์ D นั้น ชุดเกียร์จะทำการต่อกำลังจากเครื่องยนต์ไว้ตลอดเวลา โดยอาศัยชิ้นส่วนที่เรียกว่า ตัวแปลงกำลังแรงบิดหรือ Torque Converter ในการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์มาสู่ชุดเกียร์ ซึ่งในระหว่างที่เข้าเกียร์ D แล้วเบรกนั้น กำลังแรงบิดจากเครื่องยนต์ที่ไม่มากมาย ทำให้เบรกสามารถเอาชนะแรงบิดที่เกิดขึ้นและคุณสามารถจอดรถหยุดนิ่งกับที่ได้ และเมื่อปล่อยก็เคลื่อนตัวได้ทันที
แต่ในอีกด้านถึงชุดเกียร์จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่กับระบบเบรกที่คุณต้องใช้บ่อยและนาน ย่อมีผลต่อท่อทางเดินน้ำมันอย่างแน่นอน รวมถึง ชุดหม้อลมต่างๆ ที่ต้องรับแรงดันต่อเนื่องตลอดเวลาในการใช้งานระหว่างที่คุณเข้าเกียร์ D แล้วค้างเบรกเอาไว้
ทว่าในอีกด้านในชุดเกียร์ ชุด torque Converter ที่ต่อติดกับเครื่องยนต์นั้นก็อาศัยน้ำมันเป็นส่วนสำคัญในการทำงาน และมักเป็นข้อครหาว่า การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์บ่อยๆ จะทำให้เกียร์สึกหรอได้
ด้านหนึ่งในแง่ของที่ยุยงให้คนเหยียบเบรกค้างเอาไว้ มองว่า น้ำมันที่วิ่งในชุดเกียร์อัตโนมัตินั้นมีแรงดันที่ค่อนข้างสูงพอสมควร การเปลี่ยนตำแหน่งไปมานั้นอาจจะทำให้ ชุดวาล์วต่างๆนั้นมีการสึกหรอ เมื่อทำพฤติกรรมนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
แต่ในอีกแง่ก็ให้ความน่าสนใจไม่แพ้กันว่า ถ้าเข้าเกียร์ N แทนที่จะเบรกที่เกียร์ D ค้างไว้นั้น จะทำให้น้ำมันเกียร์มีการเสื่อสภาพจากความร้อนสะสมในระหว่างที่ใช้เกียร์ D แล้วไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนมากกว่า เนื่องจากชุด Torque Converter ที่เราพูดถึงนั้นมีการใช้แรงดันน้ำมันอยู่ตลอดเวลา และเมื่อมันทำงานตลอดก็ย่อมทำให้ความร้อนสะสมเกิดขึ้นได้
ทั้งสองความคิดต่างมีเหตุผลที่ดีในตัว แต่หากมองอย่างเป็นกลางไม่สุดโต่งด้านใดด้านหนึ่งมากไปในยามที่รถติดไม่นานมาก เช่นติดรอสี่แยกไฟแดงแบบประเดี๋ยวเดียว เหยียบ D ค้างเอาไว้ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายอะไรนัก แต่ถ้าเกิดสถานการณ์ในตอนนั้นเผชิญรถติดชนิดสาหัสหยุดนิ่งอยู่กับที่นานๆ เข้าตำแหน่งเกียร์ N นั้นน่าจะดีกว่าแน่นอน
2.ปลอดภัยกว่า ... ถ้าคุณมองว่าการสลับระหว่างจาก D ไป N นั้น ฟังเรื่องเชิงเทคนิคแล้วไม่เข้าใจ หรือเข้าใจยาก ลองมองในเรื่องของความปลอดภัยก็ได้ ยิ่งใครชอบเพลินเวลาขับรถ หรือทำกิจกรรมโน่นนั่นนี่ไปด้วย ต้องระวังให้ดี เพราะ เมื่อคุณปล่อยเบรกเพียงนิดเดียว ในตำแหน่งเกียร์ D รถก็สามารถที่จะเคลื่อนตัวได้ทันที และทำให้คุณสุ่มเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุมากกว่า ถ้าคุณประมาทเลินเล่อเผอเรอ แต่เมื่อคุณเข้าตำแหน่ง N ปัญหานี้จะหมดไปทันที
หากแต่ก็ต้องระวัง อย่าเผลอลืมปลดเกียร์ N โดยไม่ได้เหยียบเบรกในทางลาดเพราะตำแหน่งเกียร์ว่างนั้นรถคุณ จะสามารถไหลได้อย่างอิสระ รวมถึงแม้คุณจะเหยียบเบรกไว้แล้วก็ควรจะใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นตอนเข้าเกียร์ D ออกรถด้วยเช่นกัน เพราะเกียร์รถบางรุ่นตอบสนองช้า โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าทั้งหลาย
3.สลับตำแหน่งเพิ่มความประหยัด อาจจะต้องเรียกว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนแจ่มแจ้งมีคนลองทำและบอกว่ามันประหยัดกี่เปอร์เซ็นต์จะๆ ไปเลย แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในประเด็นแรก ซึ่งมักเถียงกันเรื่องการสึกหรอ ก็ชัดเจนว่า การเปลี่ยนตำแหน่งนั้นจะทำให้คุณประหยัดมากกว่าในด้านค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาชุดเกียร์
เช่นเดียวกันในอีกด้านของความจริงเมื่อเข้าเกียร์ D ค่ายผู้ผลิตส่วนใหญ่ จะมีการปรับตั้งเครื่องยนต์ให้พร้อมออกตัวมากขึ้น เครื่องยนต์จะถูกปรับรอบเครื่องให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อการออกตัวอย่างนิ่มนวลมากขึ้น ดังนั้นเมื่อใช้เกียร์ D และ เบรกไว้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะซดน้ำมันมากกว่าคุณค้างไว้ที่เกียร์ N
ที่สำคัญคุณจะยิ่งสังเกตได้ว่าในยามที่คุณเริ่มปล่อยเท้าออกจากเบรกเครื่องจะเริ่มมีการเร่งทันที เพื่อให้รถไหลความเร็วต่ำได้ จึงไม่น่าแปลกใจนักที่มันจะย่อมต้องมีการใช้น้ำมันมากกว่าประมาณหนึ่งเมื่อคุณเข้าเกียร์ D
ถ้าถามว่าเข้าเกียร์ N หรือใช้ตำแหน่งเกียร์ D ดีกว่านั้น คงต้องบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในการขับขี่ ณ ช่วงเวลานั้นๆ แต่ไม่ว่า คุณมีพฤติกรรมการใช้ตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติอย่างไร ในฐานะผู้ขับขี่ คุณต้องตัดสินใจว่าเมื่อไรจะปรับโหมดเกียร์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ว่าจะค้างไว้ D หรือเปลี่ยนเกียร์ N
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com