รู้เฟื่องเรื่อง “เครื่องสตาร์ทไม่ติด” วิเคราะห์เบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง

  • โดย : Autodeft
  • 27 ส.ค. 57
  • 261,288 อ่าน

เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด เราจะรู้ได้ยังไง ว่าเราเผชิญกับอาการอะไร อ่านบทความนี้ชีวิตคุณจะสบายใจได้มากขึ้นอีกเยอะ

 

 

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง

 

 

“เครื่องยนต์” พูดก็พูดเลยว่า ถ้ารถยนต์ที่เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรจากกองเศษเหล็กที่กินที่ดีๆนี่เอง และด้วยความสำคัญของเครื่องยนต์ที่มีต่อการใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์นี่เอง ทำให้เราควรจะต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับมันเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

อาการหนึ่งที่เราคงจะรู้กันดี และลุ้นแทบทุกครั้งที่นั่งหลังพวงมาลัย โดยเฉพาะใครที่ใช้รถยนต์ที่มีอายุอานามค่อนข้างมากคืออาการสตาร์ทไม่ติด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุมากมาย และวันนี้ด้วยความสังเกตสังการณ์สักนิด คุณก็พอที่จะรู้ทันช่างซ่อมรถยนต์ และเผลอๆ อาจจะแก้ไขได้ด้วยตัวเอง

ก่อนอื่น เราต้องรู้จักพื้นฐานเครื่องยนต์กันก่อนโดยมากแล้ว รถยนต์มีเครื่องยนต์สองแบบคือเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ซึ่งสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนั้น การทำให้เครื่องยนต์เดินหรือการจุดระเบิดนั้นจะใช้เพียง น้ำมันดีเซลและอากาศเท่านั้น ทำให้ไม่บ่อยนักที่เราจะเจอว่าเครื่องยนต์ดีเซลสตาร์ทไม่ติด

แต่สำหรับเครื่องยนต์เบนซินแล้ว มันมีความซับซ้อนมากกว่านั้น การทำงานของเครื่องยนต์เบนซินนั้น อาศัย สามส่วนเข้ามาประกอบด้วยแก่ น้ำมันเบนซิน ,อากาศ และ ท้ายสุด ไฟช่วยในการจุดระเบิดจากหัวเทียน ซึ่งถ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ขาดไป เครื่องยนต์จะสตาร์ทไม่ติด

 

อาการแบตเตอร์รี่หมดไฟ / แบตเตอร์รี่เสื่อม

 

อาการนี้พบได้บ่อยมากและเป็นอาการสำคัญที่ทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่สตาร์ทไม่ติด โดยมากอาการแบตเตอร์รี่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน จะเกิดขึ้นในช่วงปีที่สองย่างปีที่สามหรือถ้าใครโชคดีรถใช้น้อยอาจจะอายุยาวถึง 4  ปีก็มีให้เห็น

อาการแบตเตอร์รี่เสื่อมนั้น มักจะตรวจสอบได้ ง่าย โดยเมื่อคุณบิดกุญแจ เพื่อให้สวิทช์กุญแจ หรือถ้ารถใครทันสมัยจะเป็นปุ่มสตาร์ทนั้น จะพบว่าเครื่องยนต์เดิน แต่มีลักษณะที่เหมือนเอื่อยเฉื่อย ซึ่งมาจากกำลังไฟที่น้อยลงของแบตเตอร์รี่ในการไปสตาร์ทมอเตอร์ไดสตาร์ท ให้เครื่องยนต์ทำงานน้อยไป

โดยการตรวจสอบเบื้องต้น ให้ลองบีบแตร และ ลองหมุนกุญแจ หรือสตาร์ทอีกครั้ง ถ้ามีเสียง แชะ แกร๊ก หรือ รถยนต์บางรุ่นบางนี่ห้อ มีอาการคล้ายเสียงไฟช๊อต และเครื่องหมุนน้อยหรือหมุนช้า สบายใจได้ รถคุณแบตเตอร์รี่หมด ซึ่งถ้าคุณไม่ได้เผลอลืมเปิดไฟหน้า หรือไฟใดๆ ในรถเอาไว้ มันคืออาการที่รถยนต์ถึงกาลเวลาที่ต้องเปลี่ยนแบตเตอร์รี่แล้ว แต่เบื้องต้น ตามหาสายพ่วงแล้ว ขอความร่วมมือจากเพื่อนร่วมทางหรืออาจจะโบกพี่แท็กซี่ขอพ่วงแบตเตอร์รี่ จากนั้น ให้รีบจัดการเสีย

 

อาการน้ำมันไม่มา / สตาร์ทแห้ง

ปกติแล้วต้องเรียนตามตรงว่าน้อยมากๆ ที่จะเจออาการนี้ แต่ก็สามารถเป็นไปได้เช่นกัน โดยเฉพาะใครที่ติดนิสัยชอบขับรถน้ำมันติดแดงประจำ ระวังไว้ให้ดี เพรา คุณขึ้นรถสตาร์ทอีกครั้ง อาจจะไม่ติดก็ได้

อาการน้ำมันไม่มานั้น จะมีความคล้ายกับอาการแบตเตอร์รี่ไฟหมด คือสตาร์ทยังไงก็ไม่มา แต่ถ้า สตาร์ทแล้วเครื่องหมุนเร็ว บีบแตรแล้วเสียงดูปกติตรงนี้บอกเลยว่าเป็นไปได้

อาการน้ำมันไม่มา หรือ ช่างบางคนเรียกว่า สตาร์ทแห้ง เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์นั้น ถ้าเงี่ยหูฟังดีๆ เสียงมันจะ ออกแห้ง ไม่จุดระเบิด คล้ายเครื่องยนต์และชุดลูกสูบเดิน แต่ไม่ก่อให้เกิดการตอบสนองใดๆ อาการนี้เป็นไปได้ หลายสาเหตุมาก ซึ่งการตรวจเช็คในเบื้องต้นด้วยตัวเอง แทบเป็นไปไม่ได้เลย 

เว้นเพียงลองดูที่เกจจ์น้ำมันก่อนถ้ายังอยู่ในระดับมากกว่าเศษหนึ่งส่วนสี่ของถัง แล้วไม่ติดให้ตัดปัญหานี้ไปเสีย!! แต่ถ้า ระดับน้ำมันอยู่ติดแดงต่ำมาก คุณลองขยับรถไปยังพื้นราบ ในกรณีที่จอดบนทางลาดเอียง จากนั้นลองสตาร์ทใหม่ ถ้าติด แสดงว่า รถคุณมีน้ำมันในระดับต่ำมาก บางที่ชุดปั้มอาจจะดูไม่ถึงก็เป็นไปได้เช่น ซึ่งในกรณีของเครื่องยนต์ดีเซลถ้าน้ำมันอยู่ในระดับต่ำมาก สามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้สตาร์ทไม่ติดได้เช่นกัน แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เครื่องยนต์ดีเซลขาดน้ำมัน ต้องพึงผู้เชี่ยวชาญลูกเดียว

 

ถ้าสังเกตจากบทความให้ดีเราจะพบว่า  ทางผู้เขียนไม่พูดถึงเรื่องของอากาศ เลยเนื่องจากอากาศเป็นสิ่งเดียวที่เครื่องยนต์ไม่เคยขาดในการสตาร์ทเครื่องยนต์ และเมื่อคุณพอรู้ว่ารถคุณเป็นอะไร จะได้ประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ว่าควรทำอย่างไรดีกับชีวิต และเราเชื่อว่าบทความนี้จะช่วยลดเวลาในการงมโข่งหาปัญหารถยนต์สตาร์ทไม่ติด

 

 

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง

บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน และเว็บไซต์รถยนต์ Autodeft.com ห้ามทำการดัดแปลงเนื้อหา ทำซ้ำ คัดลอกบทความโดยมิได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเป็นอันขาด ...เราเตือนคุณแล้ว!!

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ