ระบบไฟต่าง ๆ ในรถ คุณ!! สามารถตรวจเช็กเองได้ง่าย ๆ เบื้องต้น

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 5 ส.ค. 64
  • 41,561 อ่าน

ระบบไฟในรถเพื่อน ๆ ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ถือได้ว่าระบบไฟในรถเป็นอีกหนึ่งเรื่องของการดูแลรถที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะ ระบบไฟต่าง ๆ ในรถ ที่ไม่ว่าจะเป็นสายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า รีเลย์ต่าง ๆ ไดชาร์จ ไดสตาร์ท เป็นต้น แม้ว่าเราจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ แต่เราสามารถสังเกตและคอยตรวจเช็กด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เบื้องต้น ดังนี้

ดูแลระบบไฟฟ้ารถยนต์

- สังเกต...ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเราใช้งานรถเป็นประจำ เช่น ไฟส่องสว่างใด ๆ ไม่ทำงาน หรือสว่างน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น ไฟเลี้ยวข้างใดข้างหนึ่งกระพริบถี่กว่าปกติ อาจเกิดขึ้นจากไฟเลี้ยวอีกข้างขาดก็เป็นได้ หรือไฟหน้าดับอาจเกิดจากที่หลอดขาด แนะนำให้รีบแก้ไขเข้าศูนย์บริการ เพื่อทัศนวิสัยในยามขับขี่ค่ำคืน หรือไฟในห้องโดยสารมีอาการแสงสว่างลดลงเป็นจังหวะ ๆ อาจเกิดขึ้นได้จากแบตเตอรี่มีปัญหา

- สังเกต...ว่ามีการชำรุดของสายไฟเกิดขึ้นหรือไม่ หนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่เพียงการสังเกตสภาพสายไฟต่าง ๆ โดยเฉพาะในห้องเครื่องยนต์ ยิ่งช่วงหน้าฝนและจอดรถนาน ๆ แบบนี้ อาจเสี่ยงที่จะมีสัตว์ตัวน้อยเข้ามาอาศัยและกัดสายไฟเสียหายขึ้นได้

- สังเกต...ว่ามีสัญลักษณ์ใด ๆ แจ้งเตือนบนหน้าปัดรถติดขึ้นหรือไม่ เช่น รูปแบตเตอรี่ที่อาจบ่งบอกว่าไดชาร์จมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นหลัก ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าเมื่อมีรูปแบตเตอรี่เตือนขึ้นมาน่าจะเป็นการเตือนว่าแบตเตอรี่รถเสื่อม ซึ่งหากพบว่ามีรูปแบตเตอรี่ขึ้นเตือนแล้ว ให้รีบนำรถเข้าแก้ไขที่ศูนย์บริการหรืออู่ที่ชำนาญให้เร็วที่สุด เพราะหากยังฝืนขับต่อไปจนแบตเตอรี่รถหมดอาจส่งผลให้รถดับได้

- สังเกต...ว่ารถมีอาการสตาร์ตติดยากกว่าปกติหรือไม่ อาจสังเกตได้จากจังหวะของเสียงสตาร์ตว่ามีอาการลากยาวขึ้นหรือไม่ ซึ่งอาการรถสตาร์ตติดยากเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ทั้งแบตเตอรี่มีไฟไม่เพียงพอ ไดสตาร์ตเริ่มมีปัญหา หรือไดชาร์จเสื่อมทำให้ไม่สามารถชาร์จไฟให้แบตเตอรี่ได้เต็มประสิทธิภาพ

- สังเกต...แบตเตอรี่ที่ใช้งานมีอายุนานเกินกว่า 1.5-2 ปี แล้วหรือยัง อาจไม่มีสูตรตายตัวว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมเมื่อใด เบื้องต้นนอกจากนับเวลาคร่าว ๆ แล้ว เราสามารถสังเกตได้จากบริเวณตาแมวบนแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสถานะใด 

แน่นอนว่าเมื่อพบว่ามีสิ่งใดผิดปกติไปจากการใช้งานในชีวิตประจำวันที่คุ้นเคยแล้ว ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ที่เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจเช็กและแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจลุกลาม และแน่นอนว่าหากเกิดรถเสียขึ้นมาก็จะทำให้คุณต้องเสียเวลาและเสียโอกาสบางอย่างได้นั้นเอง

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ