Aston Martin หันจับธุรกิจอสังหาฯ เปิดคอนโดหรู 18 ชั้นในฟลอริดา หลังยอดขายรถหรูชะลอตัว

แบรนด์รถสปอร์ตสุดหรูจากอังกฤษอย่าง Aston Martin กำลังขยายอาณาจักรออกนอกโลกยานยนต์อีกครั้ง ด้วยโครงการคอนโดมิเนียมหรูริมชายหาดในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ Aston Martin Residences Miami ที่เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาและมียอดขายล้นหลามถึง 99% ก่อนเปิดให้เข้าพักจริง

โครงการใหม่ในครั้งนี้มีชื่อว่า Aston Martin Residences Daytona Beach Shores เป็นอาคารสูง 18 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณถนน South Atlantic Avenue เมืองเดย์โทนา บีช รัฐฟลอริดา ริมชายหาดชื่อดังระดับโลกและอยู่ไม่ไกลจากสนามแข่ง Daytona International Speedway โดยพัฒนาโครงการร่วมกับบริษัท Valor Real Estate Development มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2029

อาคารนี้จะมีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 30,000 ตารางเมตร หรือราว 320,000 ตารางฟุต ประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 86 ยูนิต พร้อมพื้นที่จอดรถ 2 ชั้น และเพนต์เฮาส์สุดหรูจำนวน 8 ยูนิตที่กินพื้นที่ 2 ชั้นบนสุดของอาคาร

แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดภายในอย่างเป็นทางการ แต่ Aston Martin ยืนยันว่าโครงการจะมาพร้อม “สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก” รวมถึงร้านเบเกอรี่และภัตตาคารระดับพรีเมียมที่ออกแบบภายใต้แนวคิดหรูหราสไตล์อังกฤษ

Marek Reichman ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบของ Aston Martin กล่าวว่า “Aston Martin Residences Daytona Beach Shores จะสะท้อนแนวคิดการออกแบบแบบองค์รวมของเราไปอีกระดับ โดยนำเสนอความลงตัวระหว่างดีไซน์เฉพาะตัว พื้นที่ที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ และสิ่งอำนวยความสะดวกสุดล้ำในสไตล์เดียวกับรถยนต์ Aston Martin”

ขณะที่ Stefano Saporetti ผู้อำนวยการฝ่ายขยายแบรนด์ของ Aston Martin ระบุว่า “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นการต่อยอดแบรนด์ที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของเราที่ต้องการขยาย Aston Martin ให้ก้าวข้ามขอบเขตของยานยนต์” พร้อมย้ำว่าความร่วมมือกับ Valor Real Estate Development จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรีอย่างแท้จริง

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ธุรกิจรถยนต์ของ Aston Martin กำลังเผชิญความท้าทาย บริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปี 2025 ลงเป็นครั้งที่สองของปี หลังยอดขายรถลดลงกลางถึงสูงระดับตัวเลขหลักเดียว โดยยอดส่งมอบในไตรมาส 3 ลดลงถึง 13% เหลือเพียง 1,641 คัน เนื่องจากผลกระทบจากภาษีนำเข้าและความต้องการในตลาดอเมริกาเหนือและเอเชียที่ชะลอตัว ส่งผลให้บริษัทคาดว่าจะขาดทุนกว่า 139 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แทนที่จะมีกำไรตามเป้าหมายเดิม

Aston Martin จึงเดินหน้ากลยุทธ์ “ขยายแบรนด์นอกโลกยานยนต์” อย่างจริงจัง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของความหรูหราเหนือระดับและสร้างรายได้จากกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการความพิเศษไม่ซ้ำใครทั้งบนถนนและในที่พักอาศัย

ที่มา Carscoops