เทคโนโลยี Auto Start/Stop ประหยัดน้ำมัน แต่ EPA และผู้บริโภคอเมริกันไม่อยากได้
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 3 ส.ค. 68 21:19
- 1,040 อ่าน
แม้จะช่วยลดการใช้น้ำมันได้อย่างชัดเจน แต่เทคโนโลยี Auto Start/Stop กำลังเผชิญกระแสต้านทั้งจากผู้ใช้รถยนต์จำนวนมาก และล่าสุดจากหน่วยงานสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (EPA) ซึ่งอาจนำไปสู่การยกเลิกการสนับสนุนเทคโนโลยีนี้ในอนาคต
ระบบ Auto Start/Stop คือฟีเจอร์ที่ถูกติดตั้งในรถยนต์เบนซินรุ่นใหม่จำนวนมาก โดยจะทำการดับเครื่องยนต์ชั่วคราวเมื่อรถหยุดนิ่ง และสตาร์ทอีกครั้งเมื่อผู้ขับเคลื่อนรถต่อ จุดประสงค์หลักคือช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันในช่วงรถติดหรือหยุดรอสัญญาณไฟ ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมันได้หลายล้านแกลลอนต่อปี
แม้จะมีประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน แต่เทคโนโลยีนี้กลับถูกวิจารณ์จากผู้ขับขี่จำนวนมากว่าใช้งานน่ารำคาญ รบกวนประสบการณ์การขับขี่ และไม่มีความจำเป็น โดยมีผู้ใช้รถจำนวนไม่น้อยหาทางปิดหรือหลีกเลี่ยงการใช้งานอยู่เสมอ
ล่าสุด สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (EPA) ได้แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนระบบนี้อีกต่อไป โดย Lee Zeldin หัวหน้า EPA ระบุว่า “เทคโนโลยีนี้ไม่ต่างจากถ้วยรางวัลแห่งการมีส่วนร่วมด้านสภาพอากาศ” และยังเผยกับ AutoNews ว่า “ระบบ Stop/Start คือฟีเจอร์ที่ทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนรู้สึกหงุดหงิด รอฟังรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางที่ EPA จะจัดการกับปัญหานี้”
ในอดีต ผู้ผลิตรถยนต์มีแรงจูงใจในการติดตั้งระบบ Auto Start/Stop เพราะจะได้รับเครดิตด้านสิ่งแวดล้อมจาก EPA ซึ่งช่วยให้ผ่านมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานของกฎหมาย Corporate Average Fuel Economy (CAFE) ได้ง่ายขึ้น และอาจช่วยประหยัดต้นทุนจากการหลีกเลี่ยงค่าปรับ
แต่ในปัจจุบัน กฎระเบียบเหล่านั้นเริ่มผ่อนคลายลง โดยไม่มีบทลงโทษหากไม่ผ่านเกณฑ์ CAFE ทำให้แรงจูงใจทางธุรกิจในการติดตั้งระบบนี้ลดลงไปมาก และอาจทำให้อนาคตของเทคโนโลยีนี้ไม่แน่นอนอีกต่อไป
ขณะที่บางฝ่ายมองว่าการมีระบบนี้เป็นทางเลือกที่ดี เพราะผู้ใช้สามารถกดปิดได้หากไม่ต้องการใช้งาน “ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ชอบประหยัดค่าน้ำมัน และถ้าไม่ชอบ ระบบก็ปิดได้” Albert Gore ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมยานยนต์ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (ZETA) กล่าว “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องยกเลิกตัวเลือกนี้ไปเลย”
แม้ระบบนี้จะทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้ และมีประโยชน์จริงในการประหยัดน้ำมันในสภาพการจราจรที่มีการหยุด-เคลื่อนบ่อยครั้ง แต่สำหรับผู้ใช้จำนวนไม่น้อย ความรู้สึกขัดใจระหว่างการขับขี่กลับกลายเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า และยินดีจะจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นความไม่สะดวก
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com